980 ของสกปรก
“ตอนวันที่สองของปีใหม่คุณไปเคารพหลุมศพบรรพบุรุษมาใช่ไหมครับ?”
เขายิ้มและพูดว่า “ใช่ แล้วตอนที่ผมกําลังเผากระดาษให้ปู่ของผมมันก็เกิดเรื่องแปลกๆขึ้นด้วยตอนนั้นมีลมพัดแรงมากจนผมกลัว ตอนนั้นผมถึงขนาดคิดขึ้นมาว่าปู่อาจจะอยากออกมาเจอ
พวกเราก็ได้!”
“หลังจากกลับบ้านไปแล้วคุณก็เริ่มรู้สึกไม่ค่อยสบายใช่ไหม?” หวังเย้าถาม
“ใช่ คืนนั้นผมรู้สึกไม่ค่อยสบาย” เขาพูด “ผมคิดว่า ผมอาจจะเป็นหวัดหรือเป็นไข้ ผมก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่แต่อาการมันก็เริ่มแย่ลงเรื่อยๆเฮ้อคงไม่ใช่ว่ามีของสกปรกหรือสิ่งชั่วร้ายอยู่ในตัวผมหรอกนะ?”เขามีความคิดนี้อยู่ในหัวมาได้สักพักแล้วเขาเคยคิดที่จะรักษามัน แต่คนที่เรียกตัวเองว่าหมอผีกลับไม่สามารถช่วยเขาได้อาการของเขาเริ่มแย่ลงเรื่อยๆ เขารู้สึกอ่อนเพลียและขยับตัวลําบาก อาการปวดศีรษะเริ่มโจมตีหนักข้อขึ้นเรื่อยๆทําให้เขารู้สึกทรมานมากเขารู้สึก
เหมือนมีเข็มทิ่มอยู่ในหัวของเขาตลอดเวลา
“ดูเหมือนจะเป็นปัจจัยภายนอกที่ทําให้คุณป่วย”หวังเย้าพูด “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรครับ” “จริงเหรอ?”เขาประหลาดใจ “ถ้าอย่างนั้นคงต้องรบกวนหมอแล้วล่ะ”
“มาครับ”
หวังเย้าโบกมือและปลดปล่อยพลังฉีออกมา พลังงานบางอย่างครอบตัวเขาทําให้รู้สึกอุ่น
สบายอย่างบอกไม่ถูกเขารู้สึกราวกับกําลังถูกแสงอาทิตย์ที่อบอุ่นอาบไล้และมีสายลมเย็นสบาย ของฤดูใบไม้ผลิพัดผ่าน
“รู้สึกดีจริงๆ” เขาพูด
หวังเย้ากดเบาๆตามจุดต่างๆบนร่างกายของเขาไม่กี่ครั้งและนวดที่ศีรษะเขาครู่หนึ่ง
“เอาล่ะ เรียบร้อยแล้วครับ” หวังเย้าพูด
หลังจากหวังเย้าพูดออกมา เขาก็รู้สึกได้ว่า ความอบอุ่นที่ครอบตัวเขาเอาไว้หายไปในทันทีแล้วเขาก็ไม่รู้สึกถึงมันอีก
“แค่นี้เหรอ?” เขาตกตะลึง
“ใช่ ลองขยับตัวดูสิครับ แล้วดูว่ายังรู้สึกไม่สบายตรงไหนอีกไหม” หวังเย้ายิ้ม เขารีบลุกขึ้นยืนและขยับตัวดูแล้ว”
“โอ้ นี่มันบ้าไปแล้ว” เขาพูด “ตอนนี้ ผมรู้สึกสบายตัวมาก ที่สําคัญ ผมไม่ปวดหัวอีกต่อไป
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้วครับ” หวังเย้าพูด
“นี่มันเหลือเชื่อมาก!” เขายกนิ้วโป้งให้หวังเย้า เขารู้สึกทึ่งมาก
แต่เขาก็ยังไม่กล้าวางใจและยังคงสงสัยว่าเขาหายดีแล้วจริงหรือ
“เอ่อ ถ้าอย่างนั้นพวกเรากลับก่อนนะ อาจารย์”พันจวินพูด
“ครับ ขับรถดีดีนะครับ”
“เข้าใจแล้ว”
ทั้งสองเดินออกไปจากคลินิกและขึ้นนั่งบนรถ
หลังจากติดเครื่องรถแล้ว พันจวินก็เอ่ยถามออกไปว่า “ตอนนี้ นายรู้สึกยังไงบ้าง?บอกฉันมาตามตรง”
“ตอนนี้ ฉันรู้สึกดีขึ้นมากฉันไม่ปวดหัวแล้วและไม่รู้สึกเหนื่อยเลย แต่ฉันก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน”ในเมื่อพวกเขาอยู่ในรถกันแค่สองคนเขาจึงเอ่ยสิ่งที่เขาสงสัยออกไป“ตอนนี้ นายหายดีแล้วจริงๆ”พันจวินพูดเพื่อยืนยันแทนอาจารย์ของเขา
“ฉันก็หวังไว้แบบนั้น”
“นายวางใจเถอะ” พันจวินยิ้มพูด “นายหายดีแล้วจริงๆ ฝีมือของอาจารย์เชื่อถือได้แน่นอน”กลับมาที่คลินิก
“ความรู้สึกแปลกๆจากผู้ชายคนนั้นมันคืออะไรเหรอคะ?”ซูเสี่ยวซวีถาม
“แล้วเธอคิดว่ามันคืออะไรล่ะ?” หวังเย้าไม่ได้รีบตอบคําถามของเธอในทันทีเขาต้องการฟังความคิดเห็นของเธอก่อน
“อืม ฉันจะบอกยังไงดี” ซูเสี่ยวซวีพูด “มันรู้สึกน่าขนลุกและเย็นยะเยือกยิ่งตอนที่เขาเข้ามาใกล้ยิ่งรู้สึกได้ชัดเจนขึ้นมันเหมือนกับว่า เขาเพิ่งเดินออกมาจากถ้ำน้ำแข็งยังไงยังงั้นเลยค่ะ” “มีพลังงานแปลกประหลาดบางอย่างกระจายออกมาจากตัวเขา” หวังเย้าพูด “หรือพูดให้ชัดก็คือพลังหยินด้านลบ ผมเคยเจอของสกปรกแบบนี้มาก่อนและนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมรักษาคนไข้ที่มีอาการแบบนี้”
“ของสกปรก? เชียนเชิงหมายถึงปีศาจกับสัตว์ประหลาดเหรอคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม“ไม่ใช่”หวังเย้าหัวเราะและโบกมือปฏิเสธ
“จากอาการของคนไข้แต่ละรายที่ผมเคยเจอพวกเขาส่วนใหญ่เคยไปอยู่ในสถานที่ร้างห่างไกล,มืด, และชื้น”หวังเย้าพูด“นอกจากนั้นพวกเขามักมีสภาพร่างกายที่อ่อนแอก่อนที่พวกเขาจะเริ่มป่วย”
“หลังจากที่ไปเยี่ยมหลุมศพมาพวกเขาบางคนก็จะมีอาการปวดหัวรุนแรงและอาเจียนไม่หยุด”ซูเสี่ยวซวีพูด “หมายความว่า พวกเขาแปดเปื้อนจากสิ่งสกปรกอย่างนั้นเหรอคะ?”“จะพูดแบบนั้นก็ได้” หวังเย้าพูด“สิ่งชั่วร้ายได้เข้าครอบงําร่างกายของพวกเขา”“แล้วอาการแบบนี้ต้องรักษายังไงเหรอคะ?”ซูเสี่ยวซวีถาม
“ท่าให้ร่างกายของพวกเขาแข็งแรงขึ้น”หวังเย้าตอบ“เมื่อร่างกายของพวกเขาแข็งแรงพวกเขาก็จะสามารถจัดการกับปัญหานั้นได้ด้วยตัวเองไม่อย่างนั้นพวกเขาก็ต้องไปหาคนที่สามารถช่วยขับไล่พลังงานชั่วร้ายนั้นออกไปให้แทน”
แต่คนที่มีความสามารถแบบหวังเย้านั้นมีน้อยและพบเจอได้ยาก
“วางใจเถอะ เธอไม่จําเป็นต้องกลัวของแบบนั้นหรอก” หวังเย้าพูด
“ทําไมเหรอคะ?”ซูเสี่ยวซวีถาม
“พลังฉีที่เธอฝึกอยู่จะทําให้เธอสามารถต้านทานพลังชั่วร้ายพวกนั้นได้โดยธรรมชาติ”หวังเย้า
พูด “ยิ่งไปกว่านั้น ร่างกายของเธอก็ยังแข็งแรงมากซึ่งก็หมายความว่าเธอมีพลังหยางในร่างกายมากพอที่จะสามารถขับไล่พลังงานพวกนั้นออกไปเองได้”
“นอกจากจะมีภูมิต้านทานพิษและขับไล่หนู,งูและแมลงได้แล้ว ตอนนี้ ฉันยังสามารถขับไล่สิ่งชั่วร้ายได้ด้วยเหรอคะ?”เธอถาม
“ถูกต้อง”หวังเย้ายิ้มตอบในเขตเหอที่ห่างออกไปหลายพันไมล์
แค่ก แค่กถั่วเจิ้งเหอไอเล็กน้อยหลายปีที่ผ่านมาร่างกายของเขาไม่ค่อยแข็งแรงนักมีหลายเรื่องที่เขาจําเป็นต้องใส่ใจทําให้เกิดความกดดันจากการโหมงานหนักช่วงนี้เขาเป็นไข้และไอหนักจนทําให้เขารู้สึกเจ็บในอกเฮือก!
เขาสูดลมหายใจเข้าลึก
ทําไมมันถึงเจ็บขึ้นเรื่อยๆแบบนี้?หวังว่าจะไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นกับฉันเขาคิดเล็กน้อยก่อนจะเรียกหาเลขาของเขาเขาทําการนัดหมายกับหมอที่โรงพยาบาลประจําเขตเพื่อตรวจเช็ค
ร่างกายในช่วงบ่าย
ผลที่ออกมาไม่ค่อยดีนัก
“ผมแนะนําให้ผู้ว่าเขตกั๋วลองเข้าไปตรวจที่ในเมืองดูนะครับ”
“ช่วยบอกผมทีครับ ว่าผมเป็นอะไรกันแน่”กั๋วเจิ้งเหอพูด
“เราพบก้อนเนื้อที่คล้ายกับเนื้องอกติดอยู่ที่ด้านนอกลําไส้ของคุณครับที่นี่เราไม่มีอุปกรณ์ที่ดีพอที่จะดูแลเรื่องนี้ได้ ผู้ว่าเขตกั๋วคิดว่ายังไงครับ?”
ครับ”
ถั่วเจิ้งเหอเงียบไป
“ผู้ว่าเขตกั่วครับ?”
“เอ่อ ผมเข้าใจแล้ว ขอบคุณมากนะครับ” กั่วเจิ้งเหอพูด “ช่วยอย่าบอกเรื่องนี้กับใครด้วยนะ
“ผมเข้าใจครับ”หมอรีบพูด “คุณวางใจได้
“ดีครับ คุณกลับไปทํางานเถอะ”
ผลตรวจที่ได้รับ ทําให้กั๋วเจิ้งเหอรู้สึกทําอะไรไม่ถูกและร้อนรน เขากังวลกับเรื่องนี้มากสิ่งที่เกิดขึ้นทําให้เขานึกถึงหุบเขาพันโอสถ เขาได้ตรวจสุขภาพไปเมื่อสามเดือนก่อนในตอนนั้นผลตรวจที่ออกมาเป็นปกติเกือบทุกอย่างแต่ตอนนี้กลับมีโรคร้ายที่อยู่ๆก็โผล่มาไม่ให้ทันได้ตั้งตัวเขาไม่สามารถคิดหาสาเหตุของมันได้ในตอนนี้ หลายเดือนที่ผ่านมาเขายุ่งอยู่กับคดีที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหุบเขาพันโอสถที่แย่ไปกว่านั้นเขายังถูกโจมตีด้วยพิษ
ก่อนที่จะถึงวันขึ้นปีใหม่และคนที่รักษาเขาก็คือคนจากหุบเขาพันโอสถ
เมื่อมีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับร่างกายของเขา เขาก็รู้ได้ทันทีว่ามันเกี่ยวข้องกับคนพวกนั้น
“เวรเอ้ย!”
เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่นานเมื่อเขากลับมาถึงที่ทํางาน เขาก็ไปคุยกับหัวหน้าของเขาเพื่อลางานหลังจากที่ได้ยินว่าเขาจะกลับบ้านพวกเขาก็ตอบตกลงในทันทีพวกเขารู้ถึงภูมิหลังของกั๋วเจิ้งเหอเป็นอย่างดีและรู้ว่าเขามาที่นี่เพื่อสั่งสมประการณ์เท่านั้นแต่กลับไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะเกิดเรื่องเลวร้ายต่างๆขึ้นที่นี่พวกเขากลัวว่าตระกูลถั่วจะโทษที่พวกเขาไม่สามารถช่วยอะไรได้
มาก จึงไม่มีใครในพวกเขาที่เข้าไปยุ่งกับเรื่องของกั๋วเจิ้งเหอ
หลังจากที่คําขอของเขาได้รับการอนุมัติจากเบื้องบนแล้วถั่วเจิ้งเหอก็โทรไปหาที่ตระกูลของเขาเมื่อแม่ของเขาได้ยินว่าเขาต้องการนัดตรวจร่างกายกับผู้เชี่ยวชาญในปักกิ่ง เธอก็เป็นกังวล
ขึ้นมา “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ” เขาตอบ “ผมแค่อยากตรวจร่างกายก็เท่านั้นเอง”
“ได้ๆ” แม่ของเขารีบนัดหมายผู้เชี่ยวชาญที่ดีที่สุดให้เขาทันที
วันต่อมา กั๋วเจิ้งเหอก็ขึ้นเครื่องไปในตอนเช้า หลังจากที่เขาจัดการงานทั้งหมดที่เขตเหอเสร็จเรียบร้อยแล้วเขาก็บินไฟล์ทที่เช้าที่สุดของวันเพื่อเดินทางไปปักกิ่งทันทีแล้วเขาก็เดินทางไปถึงปักกิ่งในวันเดียวกัน
ทันทีที่เห็นเขา แม่ของเขาก็ถามเขาทันที “เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ แม่”
หลังจากนอนพักผ่อนหนึ่งคืนแล้ว เขาก็เดินทางไปโรงพยาบาลที่ดีที่สุดของประเทศในตอนเช้าผลตรวจยืนยันได้ว่าเขามีเนื้องอกอยู่ที่บริเวณลําไส้ของเขาหลังจากนําชิ้นส่วนไปทําการตรวจดูแล้วพวกเขายังพบจุลินทรีย์ที่ไม่สามารถบอกที่มาได้อีกเป็นจํานวนมาก“เชื้อจุลินทรีย์?มันคือเชื้ออะไรเหรอคะ?”แม่ของกั๋วเจิ้งเหอรีบถามขึ้นมาทันที
“เรากําลังทําการวิเคราะห์กันอยู่ครับ” ผู้เชี่ยวชาญพูด มันเป็นครั้งแรกที่เขาพบเชื้อชนิดนี้
หุบเขาพันโอสถ! มันต้องเป็นพวกเขาแน่!
หลังพวกเขาออกมาจากโรงพยาบาลแล้ว แม่ของเขาก็พาเขาไปพบกับผู้เชี่ยวชาญอีกสองคนทั้งสองต่างได้ข้อสรุปเดียวกัน เขาได้รับเชื้อจากแมลงพิษบางชนิด
“มันไม่ใช่แค่แมลง! แต่มันคือกู่!”ใบหน้าของกั๋วเจิ้งซีดเผือดและดูน่าเกลียด
เขาจัดสถานที่แห่งนั้นให้เข้าไปอยู่ในลิสต์รายชื่อที่ต้องกําจัดให้สิ้นซากทันที
พี่สาวของเขาโดนไปแล้ว ตอนนี้เป็นเขาที่โดน เขาสงสัยว่าใครกันแน่ที่กําลังหมายหัวเขาอยู่
“มันเกิดอะไรขึ้นกับลูกกันแน่?” แม่ของเขาถาม
“ไม่ต้องห่วงนะครับแม่” กั๋วเจิ้งเหอพูดปลอบแม่ของเขา “ผมจัดการเองได้”
“ลุงเฉิน ลุงหลี่ ผมขอคุยด้วยสักครู่สิครับ” กั่วเจิ้งเหอเชิญหมอทั้งสองไปที่ห้องทํางาน
“ลุงเฉิน ลุงหลี่ พอจะทําอะไรกับกู่ได้บ้างไหมครับ?”
“เจิ้งเหอ บอกลุงมาตามตรง เธอไปโดนกู่มาจากที่ไหน?” เฉินโจวชวนถาม
“ผมทํางานอยู่ที่เขตเหอ แล้วที่นั่นก็อยู่ใกล้กับหุบเขาพันโอสถมาก คนในหุบเขานั้นเชี่ยวชาญ ในเรื่องการใช้กู่เป็นพิเศษครับ”
“แสดงว่าเรื่องเลวร้ายหลายอย่างที่เกิดขึ้นในเขตเหอก็เกี่ยวข้องกับพวกเขาใช่ไหม?”
“ใช่ครับ พวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี” กั๋วเจิ้งเหอพูด “ผมถูกพิษไปเมื่อตอนก่อนปีใหม่แต่ก็เป็นคนจากที่นั่นที่มาช่วยแก้พิษให้กับผม”
“เรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอต้องเกี่ยวข้องกับพวกเขาแน่ๆ”เฉินโจวชวนพูด“บอกตามตรงนะเจิ้งเหอถ้าเป็นแมลงทั่วๆไปเราสองคนก็คงพอจะช่วยอะไรได้บ้างแต่กู่นั้นไม่ใช่สิ่งปกติมันอาจจะฆ่าเธอได้เลยมันจะดีที่สุดถ้าให้คนจัดการมันซะ”
“ลุงเฉินพอจะรู้จักใครบ้างไหมครับ?”กั๋วเจิ้งเหอถาม
“ฉันเหรอ? ถ้าเป็นฉัน ฉันจะบอกให้เธอไปหาหวังเย้า”
“เขา?” กั๋วเจิ้งเหอเลิกคิ้วเมื่อได้ยินชื่อ
เขารู้ว่า หวังเข้าสามารถจัดการกับกู่ได้แต่ถ้าเป็นไปได้เขาก็ไม่ต้องการไปที่นั่นทั้งสองขัดแย้งกันจากเรื่องของซูเสี่ยวซวี
“นอกจากเขาแล้วไม่มีใครในยูนนานใต้ที่สามารถจัดการกับกู่ได้เลยเหรอครับ?” “ฉันได้ยินมาว่ามีคนที่ถูกเรียกว่าราชายาแห่งเขตเมี่ยวอาศัยอยู่แถวนั้นและเขาก็เก่งมาก”
หลี่เฉิงทรงพูด
“ผมก็เคยได้ยินชื่อของเขามาก่อนเหมือนกัน”กั่วเจิ้งเหอพูด “เขามีนิสัยและกฎเกณฑ์แปลกๆ”เขารู้เรื่องของชายที่ชื่อว่าหวูซานมากกว่าคนทั้งสองหวูซานเคยเรียนอยู่ในหุบเขาพันโอสถมา
ก่อน และเขายังมีความเกี่ยวข้องกับเมี่ยวซีเหอด้วย