979 เรื่องไม่สําคัญ
“นี่มันน่าอัศจรรย์มาก”
“มันเป็นปรากฏการณ์มหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นจากลักษณะของภูมิศาสตร์”หวังเย้ายิ้มพูด
“ดูสิ ตรงนั้นยังมีสมุนไพรขึ้นอยู่ด้วย”เขาชี้ไปที่ต้นไม้แห้งเหี่ยวสองสามต้นที่ขึ้นระหว่างรอยแยกของก้อนหิน
“มันคือต้นอะไรเหรอคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม
“มันคือต้นเหยียนหวงเหลียน”หวังเย้าพูด“แทบจะหาที่โตขึ้นในป่าไม่ได้แล้ว”“เชียนเชิงหมายถึงสมุนไพรที่มีรสขมๆนั่นใช่ไหมคะ?” เธอถาม
“ใช่ มันมีสรรพคุณต้านแบคทีเรีย, ต้านไวรัส, และขับพิษร้อน” หวังเย้าตอบ
“แล้วเขียนเชิงไม่คิดจะเก็บมันเหรอคะ?”
“ไม่จําเป็นหรอก” หวังเย้าตอบ“ผมมีเก็บเอาไว้เยอะแล้วอีกอย่าง พอมาเห็นภาพที่พวกมันโตขึ้นมาจากรอยแยกของก้อนหินแล้ว พวกมันคงลําบากมากกว่าจะโตขึ้นมาได้ขนาดนี้”
“นั่นสินะคะ พวกมันแข็งแกร่งมาก”
“เอาล่ะ ผมจะพาเธอไปอีกที่หนึ่ง”
หวังเย้านําทาง โดยมีซูเสี่ยวซวีตามหลังเขาไปติดๆทั้งสองเดินไปที่ก้อนหินที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของภูเขามันเป็นก้อนหินรูปทรงสี่เหลี่ยมด้านบนราบเรียบดูคล้ายกับโต๊ะขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง
“อยู่ตรงนี้แล้วรู้สึกยังไงบ้าง?”หวังเย้าถาม
“ที่ตรงนี้ลมแรงมากเลยค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด
ดูเหมือนกับมีลมพัดเข้าหาพวกเขาจากทุกทิศทางเสียงลมพัดดังหวีดหวิวแม้แต่ยืนเฉยๆพวกเขาก็ยังต้องพยายามทรงตัวให้ดีมันเป็นสถานที่ที่ต่างจากอีกจุดหนึ่งที่พวกเขาเพิ่งจากมาเพราะที่ตรงนั้นไม่มีลมพัดเข้ามาได้เลย
“มันต่างจากอีกที่เลย” หวังเย้าพูด
“เชียนเชิงหาที่แบบนี้เจอได้ยังไงคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม
“เธอเห็นหมู่บ้านที่อยู่ตรงนั้นไหม?” หวังเย้าชี้ไปที่หมู่บ้านที่ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของภูเขา“นั่นเป็นหมู่บ้านที่ตายายของผมอยู่ผมเติบโตขึ้นที่นั่นมันเลยทําให้ผมรู้จักพื้นที่แถบนี้เป็นอย่างดีตอนยังเด็ก ผมก็จะชอบมาเที่ยวเล่นที่นี่บ่อยๆ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่น่าแปลกใจที่เชียนเชิงจะรู้จักที่นี่” ซูเสี่ยวซวีพูด
มันเป็นวันที่หนาวเหน็บ นอกจากต้นสนที่ขึ้นตามรอยแยกของก้อนหินแค่ไม่กี่ต้นแล้วมันก็แทบจะไม่มีอะไรให้เห็นเลย แต่ซูเสี่ยวซวีกกลับยังคงตื่นเต้นกับสิ่งที่ได้พบเจอทั้งสองเดินเล่นอยู่บนเขาต่ออีกเล็กน้อยภูเขาแต่ละลูกนั้นไม่ได้สูงมากนักและพวกมันมีการเชื่อมต่อถึงกัน ทําให้มันดูใหญ่โตกว่าที่ควรจะเป็น
“ภูเขาลูกนั้นดูสูงมากเลยนะคะ” ซูเสี่ยวซวีชี้ไปที่ภูเขาลูกหนึ่งที่อยู่ไกลออกไปทางทิศเหนือมันสูงจนมีก้อนเมฆลอยวนอยู่กึ่งกลางของภูเขาลูกนั้น
“นั่นเป็นภูเขาที่ถูกเรียกว่า โก่วเอ่อร์ชานเพราะมันดูคล้ายกับหูของสุนัข”หวังเย้าพูด“ลองดูระยะห่างจากจุดที่เราอยู่กับภูเขาลูกนั้นสิ ถ้าเป็นคนทั่วไปเดินเท้าไปที่นั่นพวกเขาจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งวันกว่าจะไปถึง”
(ĐHT=35Gou สุนัข, Hěr หู)
“จริงเหรอคะ? แต่ฉันไม่เห็นว่ามันจะไกลขนาดนั้นเลย”
“เธออยากลองไปที่นั่นดูไหม?” หวังเย้าถาม “อยากค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพยักหน้า
“งั้นก็ไปกัน!”
แล้วหวังเย้าก็อุ้มซูเสี่ยวซวีขึ้นมาและกระโดดออกจากจุดที่เขาเคยยืนอยู่ มันดูราวกับว่าเขากําลังบินข้ามภูเขาไปหุบเขาหน้าผา ต้นไม้และแม่น้ำไม่อาจขวางทางเขาได้ซูเสี่ยวซวีรู้สึกอบอุ่นและวางใจเมื่ออยู่ในอ้อมแขนของเขาดูเหมือนว่าพวกเขากําลังเข้าใกล้ภูเขาลูกนั้นแล้วไม่นานพวกเขาก็มาถึงที่ตีนเขา
“อืม ภูเขาลูกนี้สูงจริงๆ”ซูเสี่ยวซวีเงยหน้าขึ้นมองภูเขาจากจุดที่เธอยืนอยู่ “อยากขึ้นไปข้างบนไหม?”
“ค่ะ”
ซูเสี่ยวซวีเลือกที่จะขึ้นไปด้วยตัวเองโดยไม่ให้หวังเย้าอุ้มเธอขึ้นไป
ความสูงของเขาลูกนี้มากเป็นสองเท่าของภูเขาลูกก่อนที่พวกเขาจากมา ในช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่มีลมเหนือพัดผ่านมา ทําให้บริเวณนี้มีลมพัดแรง
แต่เส้นผมของซูเสี่ยวซวีกลับอยู่ทรงเหมือนเดิม ลมไม่สามารถพัดถูกตัวเธอได้สายลมหมุนวนรอบตัวพวกเขาและเคลื่อนไปทิศทางอื่นเมื่อมาถึงตัวพวกเขาแล้ว
ฮ้า ซูเสี่ยวซวีอ้าแขนกว้างเธอรู้สึกสบายและพึงพอใจเมื่อมองออกไปจากจุดที่เธอยืนอยู่กว่าที่พวกเขาจะรู้ตัวพระอาทิตย์ก็กําลังจะตกดินแล้ว เมื่อพวกเขาลงมาจากเขารอบด้านก็มืด
ที่บริษัทหนานชานเภสัช…
“ยากมากเลยนะครับกว่าจะได้เจอตัวคุณประธานเจิ้ง” ชายวัยกลางคนพูด
“โถ พี่ชาย ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาผมวิ่งวุ่นไปทั่วเลย” เจิ้งเหวายจวินพูด“เครื่องจักรเพิ่งเริ่มกลับมาทํางานอีกครั้งแล้วยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องจัดการผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”
เจิ้งเหว่ยจวินที่นั่งอยู่ในห้องทํางานของเขาหัวเราะออกมา
“ยาของบริษัทคุณเริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้นเรื่อยๆ และความต้องการก็เพิ่มสูงขึ้นมาก”
“ผมรู้ๆ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด“หลังปีใหม่นี้ ผมจะเร่งการผลิตเพิ่มขึ้นอีก”
“แล้วจะผลิตเพิ่มได้อีกเท่าไหร่เหรอ?”
“ประมาณ 20%
“เท่านั้นมันจะพอเหรอ?” ชายวัยกลางคนถาม “แต่ถึงคุณจะเพิ่มการผลิตเป็นสองเท่ามันก็คงไม่พอต่อความต้องการของตลาดอยู่ดี”
เขาเป็นหนึ่งในผู้จัดจําหน่ายยารายใหญ่คนหนึ่ง เขาได้ทําการค้าร่วมกับเจิ้งเหว่ยจวินหลังจากปีใหม่ผ่านไปแล้ว เขาก็รีบโผล่หน้ามาหาเจิ้งเหว่ยจวินเขาต้องการสินค้าเพิ่มที่สําคัญไปกว่านั้นเขายังต้องการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับเจิ้งเหว่ยจวินให้ยืนยาวที่สุดเอง
“ผมก็อยากทําแบบนั้นเหมือนกันแต่สมุนไพรที่ต้องใช้มันไม่พอน่ะสิครับ”เจิ้งเหว่ยจวินพูด“แค่บอกผมมาว่าคุณต้องการอะไรแล้วผมจะหาให้เอง!” เขาพูดพร้อมกับตบหน้าอกของตัว
“ผมโทรสั่งไปแล้ว อีกไม่นานสมุนไพรก็คงจะมาส่งที่นี่ แต่ปริมาณสมุนไพรดันไม่พอสําหรับการผลิตน่ะสิ”เจิ้งเหว่ยจวินพูด“แล้วเราก็กําลังคิดจะผลิตยาตัวที่สองออกมาด้วย”
“ยาตัวใหม่เหรอ? เป็นยาแบบไหน?”
“ยาขับพิษร้อน”
“มันเป็นยาที่ใช้ได้ทั่วไปใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว” เจิ้งเหว่ยจวินพูด
“เก็บไว้ให้ผมด้วยนะ”
“อย่าเพิ่งรีบครับ” เจิ้งเหว่ยจวินยิ้มพูด “ยายังไม่ผลิตหรือผ่านกระบวนการอะไรสักอย่าง”
“น้องชาย คุณพูดอย่างกับจะทําไม่ได้อย่างนั้นแหละ” ชายวัยกลางคนพูดทั้งสองพูดคุยกันไปได้สักพักก่อนที่ชายวัยกลางคนจะขอตัวกลับ
เฮ้อ นี่คนที่สามแล้วนะ!หลังจากส่งลูกค้ากลับไปแล้ว เจิ้งเหว่ยจวินก็ยืดเส้นยืดสายเล็กน้อย
ลูกค้ารายใหญ่ทั้งสามต่างเรียงหน้ากันมาพบเขาทันทีที่ปีใหม่ผ่านพ้นไป
“ยามันขายดีขนาดนั้นเลยเหรอ?” เขาคิด
ในความเป็นจริงยาของบริษัทได้รับเสียงตอบรับที่ดีเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นจากคลินิกหรือ
จากโรงพยาบาล มันขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
ในโรงพยาบาลประจําเขตเหลียนชาน…
“พี่พัน อย่ามาหลอกกันหน่อยเลย”
“ฉันจะทําแบบนั้นทําไมล่ะ?” พันจวินถาม “นายไม่รู้เหรอว่าอาการของนายมันหนักขนาดไหน?แล้วถ้านายไม่เชื่อนายก็ลองไปถามดูเองก็ได้เขามีชื่อเสียงในเรื่องการรักษามากมีหลายคน
ที่มาจากเมืองอื่นเพื่อให้ได้รักษากับเขาด้วยซ้ํา”
“ก็ได้ๆ พี่ถามดูให้หน่อยและบอกผมด้วยว่าต้องไปตอนไหน”
“ดี”
พันจวินรีบโทรไปหาหวังเย้าทันที
“พรุ่งนี้เป็นไง?”
“ได้” เพื่อนร่วมงานของเขาพูด
ช่วงนี้ เขามีอาการปวดศีรษะเรื่อรัง หลังจากที่ตรวจร่างกายกับทางโรงพยาบาลดูแล้วเขาก็ยังไม่สามารถหาสาเหตุของอาการได้เขายังไปตรวจที่โรงพยาบาลในเมืองแต่พวกเขาก็หาสาเหตุไม่พบเหมือนกันดังนั้นเขาจึงเลิกสนใจมันแต่แล้วอาการปวดหัวก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆจนทําให้เขาฝันประหลาดเขาเริ่มกลัวขึ้นมาเขาจึงไปหาหมอดูและหมอผีเพื่อแก้ไขเรื่องนี้แต่มันก็ไม่ได้ผลเขาจึงเอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับพันจวินที่แนะนําให้เขาไปพบกับอาจารย์ของอีกฝ่ายดู“ไม่ว่าจะหายหรือไม่ยังไงก็ขอบคุณมากนะไว้ฉันจะเลี้ยงข้าวพี่เอง”เช้าวันต่อมาพันจวินไปที่คลินิกในหมู่บ้านพร้อมกับเพื่อนร่วมงานของเขาพวกเขาเดินเข้าประตูไป
ทีม?
หวังเย้าถอนหายใจ
เขารับรู้ได้ถึงพลังความเย็นออกมาจากอีกฝ่าย
“หืม?” เมื่อเขาเข้ามาใกล้มากขึ้นซูเสี่ยวซวีก็เริ่มหันมาให้ความสนใจเขา
“มีอะไรเหรอ เสี่ยวซวี?”
“ฉันรู้สึกว่า มีบางอย่างผิดปกติกับผู้ชายคนนั้นค่ะ?” เธอตอบ
เธอรู้สึกว่า ผู้ชานคนนั้นมีบางอย่างที่ผิดปกติเธอไม่สามารถบอกได้ว่ามันคืออะไรมันจึงทําให้
เธอรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
“มีบางอย่างผิดปกติน่ะถูกแล้ว”หวังเย้ายิ้มพูด
“อาจารย์”
“หมอหวัง”
“มานั่งก่อนสิครับ”หวังเย้าพูด“บอกผมมาได้เลยว่าเป็นอะไรมา
“ได้ครับ”
ชายในวัยสามสิบคนนั้นก็เริ่มบอกเล่าอาการที่เกิดขึ้นกับเขาในหลายวันที่ผ่านมา
“มันเริ่มเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอครับ?ใช่วันที่สองของปีใหม่รึเปล่า?”
เขาที่เป็นหมอเหมือนกันใช้ความคิดเล็กน้อยและพูดว่า“อืมดูเหมือนวันที่สองจะไม่ได้เป็นอะไรมาก ผมรู้สึกว่า มันน่าจะเป็นวันที่สามมากกว่า”