ร่างบอบบางของธิดาพรรคมารที่นั่งอยู่ข้างหลิงหยุน หันมาเผชิญหน้ากับเขาโดยไม่สนใจสายตาแทะโลม พร้อมพูดออกไปอย่างไม่ช้าและไม่เร็วนัก
“ถ้าเจ้าปล่อยให้คนไข้ที่ข้านำมาตายไปหนึ่งคน ข้ารับรองว่าจะต้องมีคนตายเพิ่มขึ้นอีกมาก หากเจ้าไม่เชื่อ.. และอยากจะลองดูก็ได้!”
“แล้วเรื่องค่ารักษาล่ะ..”
“เจ้าขโมยรถหรูขององค์กรนักฆ่าไปสิบกว่าคัน นั่นก็น่าจะเพียงพอที่จะจ่ายค่ารักษาแล้วนี่..”
หลิงหยุนถึงกับเหงื่อตก.. แม้เขาจะแข็งแกร่งมาก แต่ธิดาพรรคมารก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลย สถานการณ์จึงค่อนข้างอึดอัดอย่างมาก!
แม้หลิงหยุนจะกำลังถูกธิดาพรรคมารคุกคาม แต่ในใจของเขากลับรู้สึกยินดี และตอบกลับไปว่า
“นี่เจ้าคงคิดว่าข้าไม่กล้าทำอะไรเจ้าสินะ? ข้าจะบอกอะไรให้ หากเจ้ากล้าแตะต้องเสี่ยวเม่ยเม่ย ข้าจะถล่มเจ้าให้ราบทีเดียว?”
ธิดาพรรคมารหันไปมองหลิงหยุนด้วยแววตาสยดสยอง พร้อมกับแสร้งทำเป็นหวาดกลัว
“โอ้โห.. น่ากลัวจังเลย! นี่ข้าหวาดกลัวมากจริงๆนะ! ว่าแต่เจ้ามีปัญญาหาข้าพบงั้นรึ?”
ธิดาพพรรคมารไม่มีอ่อนข้อให้หลิงหยุนเลยแม้แต่นิดเดียว หลิงหยุนเองถึงกับไปต่อไม่ถูกเลยจริงๆ
ชีวิตของเสี่ยวเม่ยเม่ยอยู่ในเงื้อมือของนาง และหลิงหยุนเองก็ได้เห็นกับตาแล้วว่าธิดาพรรคมารนั้นเจ้าอารมณ์ และโหดเหี้ยมมากเพียงใด? หากนางต้องการฆ่าใครสักคน นางก็สามารถทำได้ในชั่วพริบตาเดียว!
ด้วยความแข็งแกร่งของหลิงหยุนเวลานี้ หากต้องปะทะกับธิดาพรรคมาร ก็คงไม่ถึงกับพ่ายแพ้ให้แก่นางแน่ แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถเอาชนะนางได้ อย่าว่าแต่จะทำให้นางได้รับบาดเจ็บเลย..
ตอนนี้ที่คลินิกสามัญชนมีทั้งคนรักและเพื่อนของหลิงหยุนอยู่เต็มไปหมด หากธิดาพรรคมารโกรธจนถึงขั้นลงมือสังหารทุกคนแล้วล่ะก็ ผลลัพธ์ที่ตามมาคงยากที่จะจินตนาการได้!
และต่อให้หลิงหยุนแข็งแกร่งพอที่จะสังหารนางได้ เขาเองก็คงรู้สึกลังเล และไม่กล้าทำเช่นนั้น!
แม้ว่าหลิงหยุนจะไม่ได้เห็นใบหน้าของธิดาพรรคมารทั้งหมด แต่เพียงแค่รูปร่างที่แสนงดงามนี้ ก็ทำให้เขาตัดสินใจได้ลำบากเสียแล้ว
ในบรรดาหญิงสาวของหลิงหยุนทุกคนนั้น ธิดาพรรคมารนับว่ามีเรือนร่างงดงามที่เทียบเท่าไป๋เซียนเอ๋อได้ แต่ถึงกระนั้นก็ยังด้อยกว่าเล็กน้อย
“เอาล่ะ.. เจ้าต้องการให้ข้าอะไรบ้าง?!”
ธิดาพรรคมารกระแอมเล็กน้อยก่อนจะตอบหลิงหยุนที่กำลังสูดลมหายใจลึกเพื่อสงบสติอารมณ์
“ก็ไม่มีอะไรมาก! เจ้าแค่ทำตามที่ข้าบอกไปเมื่อครู่ มันไม่ยากเกินไปสำหรับเจ้าไม่ใช่รึ? ได้ยินมาว่าเจ้าเป็นหมอที่เก่งกาจ ข้าก็อยากจะรู้ว่าเจ้าจะเก่งอย่างที่ผู้คนร่ำลือกันหรือไม่?”
ธิดาพรรคมารพูดพร้อมกับทำแววตาไร้เดียงสา..
“อีกอย่าง.. ข้าก็ไม่ได้บังคับให้เจ้าทำเรื่องชั่วช้าสักหน่อย! ข้าขอให้เจ้าช่วยชีวิตคนไข้เท่านั้นเอง มันไม่ได้เกินความสามารถของเจ้าไม่ใช่รึ?”
“ไม่เกินความสามารถของข้าอยู่แล้ว!”
หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมกับกัดริมฝีปากแน่น ในเมื่อไม่สามารถปฏิเสธได้ หลิงหยุนจึงจำเป็นต้องตอบตกลง
แต่หลิงหยุนเองก็ไม่ลืมที่จะข่มขู่นางกลับไปเช่นกัน “นางมารน้อย.. เจ้าฟังข้าให้ดีนะ! สักวันข้าจะทำให้เจ้าได้รู้ว่าเป็นผู้หญิงควรต้องทำตัวเยี่ยงไร?!”
ธิดาพรรคมารยิ้ม และดูเหมือนนางจะไม่ใส่ใจกับคำพูดของหลิงหยุน จากนั้นนางก็พูดขึ้นมาว่า
“เอาล่ะ.. คนไข้ยี่สิบกว่าคนกำลังถูกลำเลียงมาส่งที่คลินิกของเจ้าแล้ว หากเจ้ารักษาพวกเขาไม่ได้ ก็อย่าได้ตำหนิข้าก็แล้วกัน!”
ในที่สุดการต่อรองของทั้งคู่ก็สิ้นสุดลง หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยก่อนจะถามออกไปว่า “เจ้าจะเข้าไปในคลินิกพร้อมกับข้าหรือไม่?”
ธิดาพรรคมารส่ายหน้ายิ้มๆ “ข้าเองก็อยากจะตามเจ้าเข้าไปด้านใน แต่เกรงว่าบรรดาหญิงสาวของเจ้าที่อยู่ในคลินิกจะไม่พอใจข้าน่ะสิ!”
หลิงหยุนจ้องหน้าธิดาพรรคมารพร้อมกับถามไปว่า “เจ้ากล้าถอดผ้าคลุมหน้าออกให้ข้าได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเจ้าหรือไม่?”
ตอนนี้หลิงหยุนเข้าสู่ระดับสูงสุดของขั้นปรับร่างกาย-7 แล้ว และสามารถที่จะผ่านเข้าสู่ขั้นปรับร่างกาย-8 ได้อย่างง่ายดาย จิตหยั่งรู้ของเขาในเวลานี้ก็ค่อนข้างทรงอานุภาพ
ระหว่างที่พูดคุยต่อรองกันอยู่นั้น หลิงหยุนเองก็ได้ใช้จิตหยั่งรู้สำรวจดูใบหน้าที่แท้จริงของธิดาพรรคมาร แต่น่าเสียดายที่นางใช้พลังชี่เป็นเกราะป้องกัน และพลังชี่ของนางก็หนาแน่นจนจิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนไม่สามารถมองทะลุผ่านเข้าไปได้
ธิดาพรรคมารได้ฟังคำพูดของหลิงหยุน ก็รีบยกมือที่ขาวราวหิมะของนางขึ้นปิดหน้าทันที จากนั้นก็ทำทีร้องเตือนหลิงหยุนว่า
“ข้าไม่กล้าเปิดหรอก.. ใบหน้าของข้าทั้งอัปลักษณ์แล้วก็น่าเกลียด จะกล้าให้เจ้าเห็นได้อย่างไร!”
น่าเกลียดอย่างนั้นรึ? จะมีใครเชื่อ?! ผิวที่นวลเนียนและขาวใสราวกับผลึกแก้ว อีกทั้งดวงตากลมโตที่สามารถสื่อสารทางสายตาได้ ไม่ว่าชายใดได้พบเห็น จิตใจก็คงต้องอ่อนยวบอย่างแน่นอน เช่นนี้แล้ว.. มีหรือส่วนที่ซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าคลุมหน้านั่น จะอัปลักษณ์และน่าเกลียดไปได้!
หลิงหยุนรู้สึกหงุดหงิด จึงได้แต่หัวเราะและตอบกลับไปว่า “ข้าก็คิดเช่นนั้น.. หน้าตาของเจ้าคงจะต้องอัปลักษณ์แล้วก็น่าเกลียดอย่างมากทีเดียว หากผู้ใดได้พบเห็นกลางดึกก็คงจะต้องตกใจ และหวาดกลัวมากอย่างแน่นอน..”
ธิดาพรรคมารคิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะหยาบคายกับนางถึงเพียงนี้ แววตาของนางเปลี่ยนเป็นโกรธเกรี้ยวพร้อมกับกรีดร้องออกมาอย่างไม่พอใจ
“เจ้าอยากตายมากนักรึ?!”
ในที่สุดหลิงหยุนก็สามารถทำให้ธิดาพรรคมารโกรธได้สำเร็จ เขาถึงกับหัวเราะออกมาอย่างพึงพอใจ
แต่การได้นั่งอยู่ในที่แคบๆกับธิดาพรรคมารสองต่อสองเช่นนี้ รวมทั้งกลิ่นกายที่หอมรัญจวนใจของนางนั้น ก็ทำให้หลิงหยุนรู้สึกมีความสุขได้อย่างน่าประหลาด
ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้น จู่ๆ จิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนก็สัมผัสได้ว่ามีรถขนของสองคันกำลังวิ่งตรงมายังคลีนิคสามัญชน และกำลังจอดอยู่ที่หน้าคลินิกของเขา
“นางมารน้อย.. หากเจ้าเก่งจริงก็เจ้าอย่างเพิ่งหนีไปเสียก่อนล่ะ! รอให้ข้าเสร็จสิ้นภารกิจนี้เสียก่อน ข้าจะมาจัดการกับเจ้าทีหลัง!”
หลิงหยุนรู้ดีว่าตอนนี้ผู้ป่วยจำนวนยี่สิบกว่าคนได้ถูกนำตัวมาส่งที่คลินิกแล้ว เขาจึงรีบพูดทิ้งท้ายก่อนจะเปิดประตู และวิ่งตรงกลับไปยังคลินิกทันที
เมื่อรถขนของสองคันหยุดลง กลิ่นฉุนน่าขยะแขยงก็เล็ดลอดออกมาจากรถ และฟุ้งกระจายไปในอากาศ ทุกคนรีบยกมือขึ้นปิดจมูก และถอยห่างออกไปทันที ไม่มีใครต้องการอยู่ใกล้แม้แต่คนเดียว
กลิ่นฉุนน่าขยะแขยงที่ฟุ้งกระจายออกมานั้น คือกลิ่นคาวเลือดที่ปะปนกับเหงื่อของผู้ป่วย กลิ่นของยาฆ่าเชื้อ และกลิ่นปัสสาวะของคนไข้บางรายด้วย!
“ช่างโหดเหี้ยมนัก..!”
หลิงหยุนใช้จิตหยั่งรู้สำรวจสภาพผู้ป่วยที่อยู่ภายในรถ แม้เขาจะคุ้นเคยกับกลิ่นคาวเลือด และเคยพบเห็นภาพผู้คนที่มีเลือดเต็มตัวมามากมาย แต่สภาพที่เห็นในรถตอนนี้ก็ทำให้เขาอดที่จะรู้สึกขยะแขยงจนต้องขมวดคิ้วไม่ได้!
รถขนของสองคันบรรทุกคนไข้มาจำนวนยี่สิบสองคน แต่ละคันบรรทุกคนไข้ที่นอนอยู่ในเปลหามมาคันละสิบเอ็ดคน ผู้คนที่มุงดูอยู่ต่างก็ยืนเบียดเสียดกันจนแทบไม่มีที่ว่าง
ในจำนวนผู้ป่วยทั้งสิบสองคนนั้น อย่างน้อยสิบสองคนที่มีอาการโคม่า และชีวิตของพวกเขากำลังอยู่ในขีดอันตราย อีกหกคนได้รับบาดเจ็บสาหัส และมีบาดแผลขนาดใหญ่ ซึ่งมีทั้งบาดแผลเลือดออกที่ศรีษะ บาดแผลตามร่างกาย แม้กระทั่งเนื้อหลุดลอกก็มี
ผู้ป่วยหนักอีกสองคนเป็นชายชราที่มีรูปร่างผอมโซจนเห็นเนื้อหุ้มกระดูก เรียกได้ว่าหากลอกหนังออกมาก็คงพบโครงกระดูกทันที
ส่วนสองคนสุดท้ายนั้น คนหนึ่งนอนหมดสติ ส่วนอีกคนถูกจับมัดไม่ให้เคลื่อนไหวได้ และกำลังหัวเราะคลุ้มคลั่งราวกับคนเสียสติ
เรียกได้ว่าทั้งผู้ป่วยโคม่า ผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส คนหมดสติ และคนบ้า!
ผู้ป่วยบางคนมีผ้าพันแผลเต็มตัว บางคนยังมีเข็มคาอยู่ที่แขน บางคนดูเหมือนยังไม่ได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วยซ้ำไป เพราะเลือดสดๆยังคงไหลไม่หยุด และกำลังกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด
แทบไม่ต้องคิดเลยว่า.. คนไข้เหล่านี้ล้วนถูกนำตัวออกมาจากโรงพยาบาลในเมืองจิงฉู บางคนถูกนำมาขณะที่ยังอยู่บนเตียงผ่าตัด บางคนถูกนำมาขณะที่แพทย์กำลังทำการรักษาอยู่ด้วยซ้ำไป ไม่รู้ว่าคนขององค์กรนักฆ่านำตัวคนไข้เหล่านี้ออกมานานเท่าไหร่แล้ว เพราะดูจากสภาพแต่ละคน บางคนพร้อมเสียชีวิตได้ในทันที
แต่จากที่หลิงหยุนสังเกตดูอย่างละเอียด ผู้ป่วยเหล่านี้ล้วนได้รับการจัดการเบื้องต้นจากยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน ผู้ป่วยที่มีอาการโคม่าล้วนได้รับการจี้จุดเพื่อไม่ให้เสียชีวิตก่อนจะมาถึงมือหลิงหยุน เพราะภายในร่างกายยังมีร่องรอยของพลังชี่ที่ใช้ชะลอชีวิตผู้ป่วยหลงเหลืออยู่ แต่ก็เพียงแค่ชะลอชีวิตเท่านั้น!
-ช่างชั่วช้าจริงๆ! นี่เจ้ายังเป็นคนอยู่หรือไม่?-
หลิงหยุนส่งกระแสจิตไปถึงธิดาพรรคมารที่อยู่ไกลออกไปอย่างไม่พอใจ
แต่ธิดาพรรคมารกลับตอบหลิงหยุนอย่างสะทกสะท้าน -ข้าก็แค่สั่งการ ไม่ได้ลงมือด้วยตัวเองสักหน่อย! แต่ถ้ามีคนตายในมือเจ้า.. ถึงตอนนั้นข้าก็อาจจะเสียใจบ้างก็ได้?-
ธิดาพรรคมารตอบโต้หลิงหยุน หลิงหยุนเองก็ถึงกับเงียบไป ความจริงแล้วเขาเองก็ไม่ได้เป็นห่วงชีวิตผู้คนถึงขนาดนั้น แต่เพียงแค่รู้สึกหงุดหงิดรำคาญเสียมากกว่า
แน่นอนว่าคนที่ขับรถส่งของทั้งสองคันนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-1 ทั้งคู่ แต่คนอื่นอาจะมองเห็นพวกเขาเป็นแค่คนธรรมดาๆ
หลังจากที่จอดรถแล้ว.. ทั้งคู่ต่างก็เดินลงมาจากรถเกือบจะพร้อมกัน คนหนึ่งเดินไปที่ประตูรถพร้อมกับร้องตะโกนบอกอีกคนว่า
“เร็วเข้า รีบๆขนพวกมันลงจากรถ!”
ฟังจากคำพูดแล้ว.. ทำให้เห็นว่าคนขององค์กรนักฆ่าล้วนแล้วแต่โหดเหี้ยมและเลือดเย็น ที่สามารถใช้รถบรรทุกสินค้าขนผู้ป่วยใกล้ตายมาที่นี่ อีกทั้งยังทำราวกับว่าสิ่งที่พวกเขาขนมานั้นเป็นเพียงสิ่งของที่ไร้ชีวิต
“ได้.. เจ้าเปิดรถให้ข้าก่อน!”
หลิงหยุนอาจจะลังเลหากต้องสังหารธิดาพรรคมาร แต่เขาไม่ลังเลที่จะเอาชีวิตของนักฆ่าสองคนนี้แน่ รอให้เขาจัดการกับภารกิจนี้เสร็จสิ้นเสียก่อน..
“เสี่ยวอู๋.. เรียกคนของนายมาที่นี่ สั่งให้พวกเขาเข้าไปจัดเตรียมคลินิกด่วน!”
“เหยาลู่.. คุณกับพยาบาลทั้งสามคน เข้าไปในคลินิกเตรียมน้ำอุ่น และจัดการทำความสะอาดตัวคนไข้”
หลิงหยุนยืนสั่งการด้วยสีหน้าที่สงบนิ่ง แต่ดวงตากลับจับจ้องอยู่ที่ยอดฝีมือขององค์กรนักฆ่าทั้งสองคนที่กำลังเคลื่อนย้ายคนไข้เข้าไปด้านใน
ในเวลานั้นเอง เหลียงเฟิงอี้และซ่งเจิ้งหยางต่างก็มองหน้ากัน และเดินเข้าไปหาหลิงหยุน
“หลิงหยุน.. ให้พวกเราช่วยมั๊ย?”
หลิงหยุนตอบกลับไปว่า “พวกคุณสองคนช่วยผมไม่ได้หรอก! แต่ถ้าพวกคุณต้องการจะช่วยจริงๆ ก็ไปช่วยพยาบาลทำความสะอาดแผลคนไข้จะดีกว่า เพราะผมต้องรีบทำการรักษาพวกเขา!”