บทที่ 588 : เริ่มภารกิจ!

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

“หลิงหยุน.. นี่เธอสามารถจัดการได้แน่ใช่มั๊ย?” เหลียงเฟิงอี้เอ่ยถามหลิงหยุนด้วยความเป็นห่วง เธอรู้สึกกังวล และตื่นตระหนกแทนเขา

หลิงหยุนตอบกลับไปตามความจริง “ก็ต้องลองดู..”

ซ่งเจิ้งหยางนั้นเคยเห็นทักษะการฝังเข็มของหลิงหยุนมาแล้ว เขาจึงรู้ตัวดีว่าความรู้และทักษะทางการแพทย์ของตนเองนั้น แทบจะไม่สามารถนำออกมาใช้ได้เลยเมื่ออยู่ต่อหน้าหลิงหยุน เขาจึงได้แต่พยักหน้ารับคำสั่งเงียบๆ และเดินเข้าไปช่วยพยาบาลแทน

ทันทีที่ประตูรถเปิดออก กลิ่นฉุนต่างๆที่ผสมผสานกันหลายอย่างนั้น ก็ยิ่งรุนแรงขึ้นกว่าเดิมเป็นสิบเท่า ผู้คนต่างก็ยกมือขึ้นปิดปากและจมูกทันที แต่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่รถขนคนไข้

“แม่เจ้า.. พวกคุณทำกับผู้ป่วยแบบนี้ได้ยังไง? บรรทุกพวกเขามาเหมือนกับผักปลา?”

“บางคนยังหมดสติอยู่เลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าป่วยเป็นอะไรมา ครอบครัวก็ไม่มาด้วย แล้วแบบนี้จะรักษาได้ยังไงกันล่ะ?!”

“อยากจะอ้วก..!!”

บางคนแทบจะอาเจียนออกมาพร้อมกับชี้ไปที่เปลคนไข้คนหนึ่ง

“ดูนั่นสิ.. หน้าเละไปหมดเลย! สงสัยโดนน้ำกรดมา..”

“แล้วดูคนนั้นสิ? ไม่รู้ว่าไปโดนอะไรมา เลือดไหลออกมาเต็มไปหมด สภาพแบบนี้ทำไมถึงไม่ส่งไปที่โรงพยาบาล หรือคลินิกแผนปัจุบัน ส่งมาที่คิลนิกแพทย์แผนจีนทำไมกัน?”

“แล้วดูคนที่นั่งหัวเราะอยู่นั่นสิ.. นั่นมันคนบ้าชัดๆ!”

“คนบ้าก็รักษาได้ด้วยเหรอ? ไม่มีทางหรอก.. จะรักษาได้ยังไงกัน?”

ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็พากันตกอกตกใจ และสยดสยองไปกับภาพที่เห็น แล้วทุกคนต่างก็เห็นตรงกันว่าคนไข้เหล่านั้นไม่เหมาะที่จะมาทำการรักษาที่นี่…

ทุกคนล้วนเข้าใจว่านี่ไม่ใช่การสร้างสถานการณ์ หรือจัดฉากเพื่อสนับสนุนหลิงหยุน แต่มันคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆ เพราะนี่ไม่ใช่โรคที่เสแสร้งแกล้งทำอย่างอาการปวดฟัน ปวดหัว หรือไอ แล้วมาให้หลิงหยุนรักษา

ใครกันที่จะสนับสนุนหลิงหยุนถึงขั้นกล้าลงมือราดน้ำกรดใส่หน้าตัวเอง? ใครกันที่จะกล้าเอามีดแทบตัวเองสิบกว่าแผล เพียงเพราะต้องการทดสอบความสามารถของหลิงหยุน?

แต่ต่อให้มีคนกล้าที่จะทำเช่นนั้นจริง ถึงแม้หลิงหยุนจะรักษาได้ แต่น้ำกรดที่กัดใบหน้าจนเสียโฉมไปแล้วนั้น จะมียาขนานใดรักษาให้หายได้!?

หลิงหยุนกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาครั้งใหญ่ และคลินิกสามัญชนเองก็กำลังอยู่ในขั้นวิกฤติด้วยเช่นกัน!

“เฮ้อ.. วันนี้คลินิกของหลิงหยุนคงต้องปิดตัวลงแน่ๆ..”

สมาชิกแก๊งมังกรเขียวที่กำลังยืนสูบบุหรี่อยู่นั้น ต่างก็ทิ้งทุกอย่างเพื่อมาทำตามคำสั่งของตี้เสี่ยวอู๋ เพราะคงไม่มีใครกล้าปฏิเสธที่จะมาช่วยเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ต่อให้เคลื่อนย้ายศพ พวกเขาก็ต้องทำ เพราะถึงอย่างไรก็ดีกว่าที่พวกเขาต้องลงไปนอนเป็นศพให้ผู้อื่นเคลื่อนย้ายเสียเอง

ผู้คนที่มุงดูอยู่ต่างก็พากันหลีกทางให้ และหลิงหยุนก็ยืนสั่งการด้วยท่าทีสงบนิ่ง ไม่ยกมือขึ้นปิดปากปิดจมูกเหมือนเช่นคนอื่นๆ

ดูจากสภาพ.. ผู้ป่วยส่วนใหญ่ล้วนก้าวเท้าข้างหนึ่งเข้าไปสู่ประตูยมบาลเสียแล้ว หากพวกเขาเคลื่อนย้ายอย่างไม่ระมัดระวังแม้แต่นิดเดียว ผู้ป่วยก็สามารถสิ้นใจตายได้ในทันที

“เสี่ยวอู๋.. สองรายนี้ต้องระมัดระวังอย่างมาก จำไว้ว่าอย่าให้เขาตกใจเด็ดขาด..”

“ครับพี่หยุน!”

ตี้เสี่ยวอู๋รับคำสั่ง และค่อยๆโน้มตัวเข้าไปในรถด้วยตัวเอง และด้วยความแข็งแกร่งของตี้เสี่ยวอู๋เวลานี้ เขาสามารถเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทั้งสองคนได้สำเร็จตามความต้องการของหลิงหยุน

ระหว่างที่คนไข้ซึ่งถูกน้ำกรดสาดเข้าที่ใบหน้าไปจนถึงลำคอถูกเคลื่อนย้ายออกจากรถนั้น ผู้คนที่มุงดูอยู่หลายๆคน ไม่อาจทนดูได้จนถึงกับต้องเมินหน้าหนี เพราะสภาพใบหน้าของเขานั้นมีเพียงเนื้อสีแดงสดดูน่าสยดสยองอย่างมาก บางคนถึงกับอาเจียนออกมาก็มี

-หลิงหยุน.. นี่.. เธอรักษาได้ใช่มั๊ย?-

หลังจากที่ท่านหมอเสี่ยวสังเกตการณ์มาพักใหญ่ เขาก็รีบส่งกระแสจิตถามหลิงหยุนด้วยความเป็นห่วง

หลิงหยุนเพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อย และส่งกระแสจิตตอบกลับไปว่า -ท่านปู่สบบายใจได้! คนไข้เหล่านี้ล้วนได้รับบาดเจ็บภายนอก ไม่ต้องกังวลใจไป..-

หลังจากเคลื่อนย้ายผู้ป่วยเสร็จสิ้นแล้ว หลิงหยุนก็ยกมือขึ้นปาดเหงื่อด้วยท่าทางสงบนิ่ง แต่ในใจกลับคิดว่าช่างโชคดีที่เขาได้ปลุกเสกยันต์บำบัดมาจำนวนมาก ไม่เช่นนั้นแล้ว วันนี้คงจะเป็นวันที่เขาต้องเสียหน้ามากที่สุดวันหนึ่งทีเดียว!

‘ดีนะที่ข้าเตรียมการมาล่วงหน้า!’ หลิงหยุนมองดูผู้ป่วยอาการโคม่าสิบกว่าคนพร้อมกับคิดในใจ

ยันต์บบำบัดระดับสามนั้น มีประสิทธิภาพถึงขั้นสามารถสร้างกล้ามเนื้อใหม่ได้ และยันต์บำบัดระดับสี่นั้น ไม่เพียงแค่ช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อที่ถูกน้ำกรดทำลายได้ แต่ยังสามารถช่วยให้ผู้ป่วยหายกลับมาดียิ่งกว่าเดิมได้อีกด้วย

ท่านหมอเสี่ยวได้ฟังคำพูดของหลิงหยุนก็ค่อยรู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้าง แต่ก็แอบกังวลใจอยู่ลึกๆ

‘มีผู้ป่วยอาการโคม่ามากถึงเพียงนี้ หลิงหยุนจะรักษาได้จริงๆงั้นหรือ? ถ้าทำได้จริง.. ก็เป็นเรื่องที่อัศจรรย์อย่างมากเลยทีเดียว!’

หลักการรักษาของแพทย์แผนจีนนั้น เป็นเรื่องของการรักษาอาการที่ต้นเหตุเสียมากกว่า แต่สำหรับผู้ป่วยที่บาดเจ็บภายนอกสาหัสมานั้น ต่อให้มีเข็มทองก็คงไร้ประโยชน์!

หนิงหลิงยู่ และเสี่ยวเม่ยหนิงต่างก็ยกมือขึ้นปิดปากปิดจมูก และวิ่งไปหาหลิงหยุนพร้อมกับจ้องมองเขาด้วยแววตากังวล และตื่นตระหนก!

ฉินตงเฉี่วย หลินเมิ่งหาน หลงหวู่ และฉางหลิง ต่างก็พากันวิ่งไปหาหลิงหยุนเช่นเดียวกัน..

กงเสี่ยวลู่ ซูปิงหยานก็วิ่งเข้าไปบริเวณใกล้ๆหลิงหยุนเช่นกัน แม้ทั้งคู่จะไม่สามารถเข้าใกล้หลิงหยุนได้เช่นหญิงสาวคนอื่น แต่ก็จ้องมองหลิงหยุนด้วยแววตาอ่อนโยน และเป็นห่วงเป็นใย

ทางด้านเหมี่ยวเสี่ยวเหมาที่เอาแต่ทะเลาะกับหลิงหยุนมาตลอดสองสามวันที่ผ่านมา วันนี้กลับส่งกระแสจิตปลอบโยนหลิงหยุน พร้อมกับเสนอความช่วยเหลือ

-หลิงหยุน.. นายต้องการให้ฉันช่วยอะไรมั๊ย?-  เหมี่ยวเสี่ยวเหมาถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

-เรื่องรักษาไม่ต้อง.. แต่ผมต้องการให้คุณช่วยส่งเจ้าทองอ้วนไปจับตามองคนขับรถทั้งสองคนนั่นไว้ หลังจากเสร็จภารกิจนี้ ผมจะเป็นคนลงมือฆ่าพวกมันเอง!- หลิงหยุนตอบกลับ

ใบหน้างดงามของไป๋เซียนเอ๋อเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวขณะที่จ้องมองไปยังรถสีดำซึ่งจอดห่างไกลออกไป หากหลิงหยุนไม่ห้ามไว้ นางก็คงลงมือกับธิดาพรรคมารไปแล้ว!

และตอนนี้ไป๋เซียนเอ๋อก็โกรธจนแทบคลั่ง!

ผู้ป่วยทั้งยี่สิบสองคนที่ถูกหามเข้าไปในคลินิกนั้น แต่ละคนมีสภาพไม่ต่างจากซากศพ บางคนหมดสติตั้งแต่ยังมาไม่ถึงคลินิกด้วยซ้ำ ใหนจะยังมีผู้ป่วยเสียสติอีก!

ต่อให้เป็นหมอเทวดาในตำนานจริงๆ ก็คงยากที่จะรักษาคนไข้ที่มีสภาพเช่นนี้ได้? และต่อให้เป็นหมอเทวดาจริง ก็คงทำได้เพียงแค่รักษา ไม่ใช่ชุบชีวิตใหม่! ชีวิตของผู้ป่วยเหล่านี้เรียกได้ว่าอยู่ในเงื้อมือของยมบาลแล้วก็ว่าได้ ขึ้นอยู่กับหลิงหยุนว่าจะสามารถช่วงชิงกลับคืนมาได้หรือไม่?

แม้แต่หมอเทวดาชื่อดังแห่งประเทศจีนอย่างเสี่ยวเจิ้งจี๋ที่อยู่ในเหตุการรณ์ ยังคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่หลิงหยุนจะสามารถรักษาอาการของผู้ป่วยเหล่านี้ได้ภายในเวลาสั้นๆ

และถึงแม้จะช่วยได้ ก็คงช่วยได้แค่คนหรือสองคนเท่านั้น หากต้องรักษาผู้ป่วยทั้งหมดพร้อมๆกัน หมอเองก็คงต้องล้มป่วยอย่างแน่นอน..

“เสี่ยวอู๋.. นายพาพี่น้องของเราไปช่วยกันทำความสะอาดแผลผู้ป่วยก่อน ผู้ป่วยพวกนั้นเคลื่อนไหวไม่ได้ พยาบาลลก็มีแต่ผู้หญิง คงไม่มีแรงจะยกหรือพลิกตัว..”

หลังจากที่ผู้ป่วยถูกหามเข้าไปในคลินิก หลิงหยุนก็สั่งให้ตี้เสี่ยวอู๋และลูกน้องเข้ามาช่วยงานด้านใน

หลิงหยุนไม่ใส่ใจกับคำวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คนรอบๆตัว  เขาเดินเข้าไปในคลินิกด้วยท่าทางสงบ และผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“ผู้ป่วยถูกย้ายเข้าไปในคลินิกหมดแล้ว..”

“หลิงหยุนจะรักษาได้จริงๆเหรอ? ไม่อยากจะเชื่อเลย!”

“คอยดูสิ.. เดี๋ยวคงต้องอุ้มศพออกมาแทน!”

“หมดกัน.. อนาคตของคลินิกแห่งนี้ ช่างน่าสงสารจริงๆ!”

เสี่ยวเม่ยหนิงได้ฟังก็ฉุนขึ้นมาทันที เธอจึงร้องตะโกนออกไปว่า “ฉันว่าพวกคุณหุบปากสักครู่กันก่อนจะดีมั๊ย? ให้พี่หลิงหยุนได้มีสมาธิในการรักษาคนไข้บ้างเถอะ!”

เสี่ยวเม่ยหนิงหันไปมองถังเทียนห่าวพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ลุงถังคะ.. คุณลุงช่วยส่งตำรวจมาจัดระเบียบที่นี่หน่อยสิคะ ตอนนี้คนมุงเต็มคลีนิคไปหมดแล้ว!”

ตอนนี้มีคนมุงดูอยู่ด้านนอกคลินิกมากมาย ระหว่างที่เคลื่อนย้ายผู้ป่วยเข้าไปในคลินิกสามัญชนนั้น ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาต่างก็หยุดดู แม้แต่รถก็หยุดขับเช่นกัน และตอนนี้สภาพการจราจรก็อยู่ในขั้นอัมพาต!

ผู้คนที่มามุงดูเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วจนเกือบจะถึงพันคนแล้ว ถังเทียนห่าวเห็นเด็กสาวตัวแสบกำลังไม่พอใจอย่างมาก จึงได้แต่ส่ายหน้าพร้อมกับตอบยิ้มๆว่า

“แม่สาวน้อย.. ลุงเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตั้งแต่เกิดเรื่องแล้ว แต่ตอนนี้การจราจรเป็นอัมพาตไปแล้ว ตำรวจก็เลยต้องวิ่งมาที่นี่แทน และต้องนี้พวกเขาก็กำลังเร่งรีบกันอยู่!”

สถานการณ์ดูเหมือนจะโกลาหลวุ่นวายหนัก มีหรือที่ถังเทียนห่าวในฐานะผู้อำนวยการสำนักงานรักษาความมั่นคงจะไม่สั่งการอะไรเลย? เขาได้สั่งให้ตำรวจจราจร ตำรวจหน่วยอาชญากรรม ตำรวจปราบจลาจล และแม้แต่หน่วยพิเศษให้เข้ามาควบคุมสถานการณ์ที่นี่แล้ว เพียงแต่ตอนนี้แม้แต่รถตำรวจก็เข้ามาไม่ได้ ทุกคนจึงต้องวิ่งมาแทน!

แม้แต่หัวหน่วยของเขตจิงฉีอย่างหลินจินไล๋ ก็ยังต้องสั่งการให้ตำรวจในพื้นที่มาควบคุมสถานการณ์ด้วยเช่นกัน

ตอนนี้แม้แต่ตัวเขาเองก็ต้องไปยืนอยู่หน้าถนน และผันตัวเองไปทำหน้าที่ตำรวจจราจรแทน แต่ก็โชคร้ายที่รถยังคงขยับไปใหนไม่ได้เลย

เด็กหนุ่มเพลย์บอยทั้งห้าคนถึงกับนิ่งไป พวกเขาได้แต่มองถังเมิ่งที่วิ่งเหงื่อท่วมตัวออกมาจากคลินิก และร้องตะโกนใส่ฝูงชนที่กรูกันเข้ามาราวกับคลื่นซินามิ

“ทุกคน.. กรุณาอยู่ในความสงบ ตอนนี้พี่หยุนเข้าไปในคลินิกและจะเริ่มทำการรักษาผู้ป่วยแล้ว!”

ตอนนี้เพลย์บอยหนุ่มทั้งห้าคนได้ยืนอยู่ในตำแหน่งที่สามารถมองเห็นเหตุการณ์ด้านในผ่านกระจกได้อย่างชัดเจน!