“เจ้านาย อย่าซ่อมแซมยานอวกาศที่พุพังนี่เลย”

ในตอนนี้ กระทิงสีครามตะโกนออกมา “นำวัสดุเหล่านี้มาใช้ฟื้นฟูลูกปัดพิภพเถอะ นี่คือสิ่งประดิษฐ์เซนต์ เมื่อใดที่ฟื้นฟูขึ้นมา จะสามารถมอบผลประโยชน์ที่มหาศาลให้กับเจ้านายได้ ไม่รู้ว่าดีกว่าการฟื้นฟูยานอวกาศลำนี้มากแค่ไหน”

มันต้องการที่จะครอบครองวัสดุเหล่านี้ เพราะว่าสิ่งเหล่านี้มีคุณประโยชน์อย่างมากสำหรับลูกปัดพิภพเช่นกัน สามารถที่จะซ่อมแซมจุดต่างๆ ฟื้นฟูลูกปัดพิภพจนกลับมาสู่ช่วงเวลาแห่งความรุ่งโรจน์เช่นเดิม

“ผายลม”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ แมวนักปราชญ์ก็มีอารมณ์ฉุนเฉียวทันที “ยานดาราจักรคือยานอวกาศระดับเซนต์ ถือว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์เซนต์เช่นกัน เมื่อใดที่ฟื้นฟูขึ้นมา จะสามารถหลบหนีเข้าสู่ความว่างเปล่าได้อย่างอิสระ เข้าออกดินแดนลึกลับของจักรวาลได้ตามอำเภอใจ สามารถโลดแล่นไปได้ในทุกหนแห่ง”

“ต่อให้เผชิญกับการไล่ล่าของเซนต์ ก็ยังสามารถหลบหนีออกมาได้อย่างง่ายดาย ต่อให้การฟื้นฟูลูกปัดของเจ้าจะมีประโยชน์เช่นกัน ทว่าการปลูกผักทำฟาร์มนั้น มีที่ไหนที่จะเทียบได้กับประโยชน์ของยานดาราจักร”

การฟื้นฟูยานดาราจักรคือความปรารถนาสูงสุดในชีวิตของมัน การที่มีความหวังในการฟื้นฟูภายในระยะเวลาอันสั้นนั้น ทว่าตอนนี้ไม่คาดคิดว่าจะมีบางคนที่ต้องการแย่งชิงวัสดุไป นี่มีที่ไหนที่มันจะยอมได้

“เจ้าแมวโง่ เจ้าพูดว่าอย่างไรนะ อะไรคือการปลูกผักทำฟาร์ม ช่างกล้าหาญเหลือเกินที่เอ่ยคำเหล่านี้ออกมา….”

กระทิงสีครามก็โมโหจนเจียนตาย “ปลูกผักทำฟาร์มแล้วอย่างไรกัน การบ่มเพาะของเจ้านายจำเป็นต้องมีเม็ดยาและสมุนไพรวิญญาณที่มหาศาล หากได้รับการสนับสนุนจากลูกปัดพิภพ มันจะให้ผลลัพธ์สองเท่าทั้งๆที่ใช้ความพยายามเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น”

“ภายในจักรวาล วัตถุภายนอกใดๆล้วนเป็นสิ่งที่ไร้ค่า มีเพียงแค่แกนพลังฉีเท่านั้นที่เป็นรากฐานสำคัญที่สุด การที่มีความช่วยเหลือของลูกปัดพิภพนั้น จะทำให้เจ้านายพัฒนาขึ้นไปในระดับเซนต์ได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ทว่ายานอวกาศของเจ้าคืออะไร เป็นเพียงแค่เครื่องมือในการเดินทาง ภายในจักรวาลก็ยังมียานอวกาศอื่นๆอีกมากมาย”

“เวรเอ๊ย เจ้าวัวโง่ คิดว่ายานดาราจักรเป็นยานอวกาศทั่วๆไปรึ? นี่คือยานอวกาศระดับเซนต์ มีเซนต์เพียงน้อยนิดเท่านั้นที่จะครอบครองยานอวกาศเช่นนี้ได้ ทว่ายังกล้าที่จะเปรียบเทียบยานดาราจักรกับยานอวกาศอื่นๆอีก ลูกปัดทรุดโทรมของเจ้ามีอะไรพิเศษกัน?!”

แมวนักปราชญ์และกระทิงสีครามก็แทบที่จะลงมือลงไม้ต่อกัน

“เอาล่ะ ไม่ต้องทะเลาะกัน”

เซี่ยปิงก็พูดอย่างเหนื่อยใจ ห้ามปรามชายชราทั้งสองที่เกือบจะปะทะกัน “อันดับแรกข้าจะใช้วัสดุเหล่านี้ในการฟื้นฟูยานดาราจักร เมื่อถึงเวลานั้น หากมีวัสดุใดๆหลงเหลืออยู่ ก็สามารถที่จะนำไปฟื้นฟูลูกปัดพิภพได้”

ภายใต้การชั่งน้ำหนักผลดีและผลเสีย เขาก็ได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด

เพราะถึงอย่างไรการที่มอบวัสดุเหล่านี้ทั้งหมดให้กับกระทิงสีคราม มันก็ยังไม่เพียงพอที่จะฟื้นฟูลูกปัดพิภพได้อย่างสมบูรณ์ เพราะว่าการที่ต้องการจะฟื้นฟูลูกปัดพิภพจนกลับสู่สภาวะสมบูรณ์นั้น จำเป็นที่จะต้องใช้วัสดุที่พิเศษบางอย่าง ซึ่งในตอนนี้เขายังไม่มี

ทว่ายานดาราจักรแตกต่างออกไป วัสดุเหล่านี้เพียงพอที่จะซ่อมแซมมันจนสมบูรณ์ได้

ยิ่งไปกว่านั้นจากประสบการณ์เมื่อครู่นี้ เขาก็รู้สึกหวั่นเกรงเซนต์มากยิ่งขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงการที่จะมีเซนต์คนอื่นๆจู่โจมเขาในภายภาคหน้าและเพื่อความปลอดภัยของตนเอง การเลือกฟื้นฟูยานดาราจักรจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

หากมีอันตรายใดๆขึ้นมา เขาก็สามารถที่จะขี่ยานดาราจักรหลบหนีออกไปได้อย่างรวดเร็ว จะไม่ถูกเซนต์สังหารไป

“ฮ่าฮ่า เยี่ยมมาก”

แมวนักปราชญ์ก็ตื่นเต้นขึ้นมา

“รับทราบ เจ้านาย”

เมื่อได้ยินเซี่ยปิงตัดสินใจแล้ว ถึงแม้ว่ากระทิงสีครามจะไม่สบอารมณ์กับแมวนักปราชญ์มาก ทว่ามันก็ไม่ได้ปฏิเสธ เพราะถึงอย่างไรการฟื้นฟูยานดาราจักรก็ค่อนข้างมีผลประโยชน์ที่ชัดเจน

ยิ่งไปกว่านั้นมันก็ไม่ได้เป็นกังวล ตราบใดที่ติดตามเซี่ยปิงต่อไป ไม่ช้าก็เร็วจะต้องมีสักวันที่ลูกปัดพิภพจะฟื้นฟูขึ้นมาจนอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์

………….

ยานดาราจักรก็ออกเดินทางและแยกออกจากอาณาเขตดวงดาวที่อยู่ภายใต้การปกครองของนิกายฟ้าดิน เข้ามาสู่อาณาเขตดวงดาวของนิกายเมฆาทะยาน นี่ก็เป็นการเข้าใกล้โลกแห่งเมฆามากขึ้นเรื่อยๆ

“หยุด”

ทันใดนั้นเซี่ยปิงก็ลืมตาขึ้นมาจากการบ่มเพาะอย่างกะทันหันและบอกให้แมวนักปราชญ์หยุดยานอวกาศทันที

“มีอะไรรึ?”

แมวนักปราชญ์ก็เหมือนจะสัมผัสได้ว่าน้ำเสียงของเซี่ยปิงแปลกไป เหมือนกับจะพบเจอศัตรูที่ทรงพลัง

“ศัตรูโจมตี เหมือนว่าจะแอบซุ่มอยู่ที่นี่เป็นระยะเวลานาน”

เซี่ยปิงหรี่ตาลง

“มีศัตรูซุ่มโจมตีรึ? เป็นไปได้อย่างไรกัน ทำไมยานดาราจักรถึงไม่ได้ส่งสัญญาณเตือนใดๆ?” แมวนักปราชญ์ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เพราะว่าระบบการตรวจจับของยานดาราจักรก็ทรงอำนาจอย่างมาก แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครหลบซ่อนไปจากระบบตรวจจับนี้

“ออกไปต้อนรับแขกกันเถอะ”

เซี่ยปิงก็ไม่ได้อธิบายใดๆ หากระบบไม่ได้ทำการเตือนเขา แม้แต่เขาเองก็คงจะไม่รู้ว่ามีศัตรูที่แอบซุ่มโจมตีเขาอยู่ที่นี่

ยิ่งไปกว่านั้นสถานที่แห่งนี้ก็อยู่ใกล้กับโลกแห่งเมฆา เขาไม่ต้องการที่จะเปิดเผยตำแหน่งของโลกแห่งเมฆา ดังนั้นจะต้องหาทางจัดการกับศัตรูในสถานที่แห่งนี้

วิซ!

ร่างของเขากระพริบหายไป ออกไปจากยานดาราจักรอย่างกะทันหัน ปรากฏตัวอยู่ในผืนอวกาศ

ในช่วงเวลานี้ ร่างกายของเซี่ยปิงก็ห่อหุ้มไปด้วยกลุ่มพลังงาน ยืนตระหง่านอยู่ในผืนอวกาศนี้ นี่คือคุณสมบัติเฉพาะของยอดฝีมือในระดับแตกฉาน สามารถที่จะมีชีวิตอยู่ในอวกาศได้ ไม่ต้องเกรงกลัวรังสีคอสมิกใดๆของจักรวาล

“ออกมาซะ คิดว่าข้ายังไม่ค้นพบพวกเจ้าอีกอย่างนั้นหรือ?”

เขายืนไขว้มือไว้ข้างหลังทั้งสองข้างพร้อมกับมองผืนอวกาศในระยะที่ห่างออกไป

ปัง!

หลังจากที่กล่าวจบ ผืนอวกาศในจุดนั้นก็บิดเบือนขึ้นมา มีคลื่นผันผวนที่รุนแรงแผ่ออกมาอย่างกะทันหัน ทันใดนั้นก็มีแสงพระพุทธที่ส่องสว่างอยู่ในทุกทิศทาง เหมือนกับว่าจะทำให้ผืนอวกาศที่มืดมิดนี้ส่องสว่างขึ้นมา

ซู่ ซู่ ซู่!!!

ทันใดนั้นก็มีพระผู้อาวุโสจำนวนมากกว่าสิบคนปรากฏขึ้นมาอวกาศผืนนี้ ซึ่ง12ในนั้นเป็นยอดฝีมือในระดับกฎเทวรูปและสามคนที่เหลือเป็นยอดฝีมือในระดับลงทัณฑ์สายฟ้า

ทว่าผู้นำของพวกเขาเป็นพระที่สวมใส่ชุดจีวรสีเทา บนใบหน้ามีแผลเป็น มีใบหน้าที่ดุร้ายอย่างมาก บนจีวรมีตัวอักษรสีเลือดสองตัวที่เขียนว่าโพ่วฌา ร่างกายเต็มไปด้วยออร่าจิตสังหารที่น่าสะพรึงกลัว ไม่ได้รู้สึกถึงความอ่อนโยนของพระแม้แต่น้อย

เหมือนกับว่านี่ไม่ใช่พระ ทว่าเป็นปีศาจร้าย

“ระวังตัวด้วย นี่คือโพ่วฌาพระผู้อาวุโสของพระพุทธศาสนา เป็นพระที่มีชื่อเสียงโด่งดังในทางตะวันตกของจักรวาล มีอำนาจบารมีที่ยิ่งใหญ่ ครั้งหนึ่งเขาเคยฆ่าล้างภูตผีปีศาจในดาวเคราะห์มากกว่าสิบแห่ง ทิ้งกองกระดูกไว้นับไม่ถ้วน”

แมวนักปราชญ์ก็เอ่ยออกมา ย้ำเตือนเซี่ยปิง นี่คือหนึ่งในพระผู้อาวุโสที่แข็งแกร่งที่สุดของพระพุทธศาสนา ทำให้ปีศาจจำนวนนับไม่ถ้วนหวาดกลัวเพียงแค่ได้ยินชื่อ ถือว่าเป็นนักฆ่าของพระพุทธศาสนา

นี่ก็เป็นบุคคลทางพระพุทธศาสนาที่เป็นตำนาน มีชื่อเสียงก้องกังวานไปทั่วทั้งจักรวาล

“เดิมทีเป็นพระผู้อาวุโสนี่เอง ทว่าเหตุใดจึงแอบซุ่มโจมตีข้าอยู่ที่นี่? อย่าบอกนะว่าท่านต้องการที่จะเชิญข้าไปเลี้ยงมื้ออาหาร” เซี่ยปิงหรี่ตาลงและมองไปที่กลุ่มของพระผู้อาวุโสเหล่านี้

“โยมเซี่ย โยมพูดถูกแล้ว พวกเราต้องการที่จะชวนโยมเซี่ยกลับไปทานอาหารเจกับพวกเรา ไม่รู้ว่าโยมเซี่ยจะสนใจหรือไม่? พระที่สวมใส่จีวรสีแดงประนมมือทั้งสองข้างและยิ้มออกมาเล็กน้อย

“ข้าขอปฏิเสธ ข้ามีธุระที่ต้องจัดการ ไม่มีความสนใจที่จะกลับไปกับพวกท่าน”

เซี่ยปิงก็กวักมือ ปฏิเสธไปในทันที

เขาสามารถสัมผัสได้ถึงเจตนาที่ชั่วร้ายของพระเหล่านี้ เมื่อใดที่ติดตามฝ่ายตรงข้ามกลับไป บางทีเขาอาจจะไม่ได้กลับออกมาอีก

“เหอะ จะต้องพูดจาไร้สาระอะไรกับเจ้าเด็กนี่กัน การที่พวกเรามาที่นี่ไม่ใช่เพื่อที่จะเชิญเจ้าไปเลี้ยงมื้ออาหาร”

ในตอนนี้พระโพ่วฌาเริ่มพูดขึ้นมา มีสีหน้าที่ดุร้าย “เจ้าหนู เจ้ามีความผิดอยู่ กลับไปกับข้าซะ เรื่องนี้อยู่เหนือการควบคุมของเจ้า ต่อให้จะไม่ยินยอม ก็ต้องยินยอม”

น้ำเสียงของเขาเผด็จการและไร้เหตุผลอย่างมาก

“พระโพ่วฌา การที่เจ้าเคลื่อนไหวออกมาอย่างเปิดเผยและไม่เกรงกลัวเช่นนี้ เจ้าต้องการที่จะทำสงครามกับนิกายฟ้าดินของข้ารึ? บางทีผลที่จะตามมาอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะสามารถแบกรับได้ หวังว่าเจ้าจะคิดพิจารณาให้รอบคอบเสียก่อน”

เซี่ยปิงหรี่ตาลง

“คิดพิจารณาตูดข้าสิ เจ้าแย่งชิงมรดกสืบทอดของพระมหาสุภัททะไปซึ่งเป็นสมบัติทางพระพุทธศาสนาของพวกเรา ครอบครองความสามารถศักดิ์สิทธิ์ทางพระพุทธศาสนาของข้าไป นี่คือความผิดที่ร้ายแรง ต่อให้เจ้าจะตายไปนับร้อยครั้งก็ไม่สามารถที่จะชำระบาปนี้ได้ ทว่าพระพุทธศาสนาของข้ามีความเมตตาต่อสรรพสัตว์ทั้งปวง จะไม่ฆ่าเจ้า ทว่าเจ้าจะต้องถูกขังเป็นระยะเวลาหนึ่งแสนปี จะต้องกลับตัวกลับใจนับถือพระพุทธศาสนา หากตรัสรู้เมื่อไหร่จะสามารถออกไปได้ ทว่าหากไม่สามารถตรัสรู้ล่ะก็ จะต้องถูกขังไปตลอดทั้งชีวิต ไม่อนุญาตให้ทักษะทางพระพุทธศาสนาของข้ารั่วไหลออกไปสู่โลกภายนอกได้เด็ดขาด”

พระโพ่วฌาแสยะออกมา