ตอนที่ 508 เผชิญหน้าลำพัง

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 508 เผชิญหน้าลำพัง

“ช่วงนี้พระชายากำลังทำสิ่งใดอยู่ ? ” มู่จวินฮานมองไปนอกหน้าต่างพร้อมเอ่ยถาม

“กำลังถ่ายทอดวิชาแพทย์ให้แก่บ่าว หมิงซินและปี้จูขอรับ” ได้ยินคำตอบของชิงเฟิงแล้วมู่จวินฮานก็พยักหน้า สตรีผู้นี้มีจิตใจยิ่งใหญ่จริงเชียว

เพียงแต่ในใจของนางล้วนนึกถึงแต่จวนอ๋อง สำหรับเขากลับรู้สึกเหมือนว่านางประเดี๋ยวดีประเดี๋ยวร้ายต่อสามี

มู่จวินฮานมิทราบเหตุผลที่แฝงอยู่ในการกระทำนั้นจึงเกิดความรู้สึกมิสบายใจ

“ดูเหมือนวันนี้พระชายากำลังเตรียมยา ท่านอ๋องอยากไปดูพระชายาหรือไม่ขอรับ ? ”

ชิงเฟิงเจตนาให้สองฝ่ายเข้าหากัน ถึงอย่างไรก็มองออกว่าอันหลิงเกอและมู่จวินฮานในตอนนี้มีช่องว่างบางอย่าง สำหรับเขาแล้ว ท่านอ๋องกับอันหลิงเกอยังคงเหมาะสมกันที่สุด

แต่หลังพระชายามู่กลับมาจากหอพิษกู่ก็เหมือนมีบางอย่างเปลี่ยนไปจริง ๆ

“…” มู่จวินฮานเงียบไปชั่วขณะ จากนั้นก็ยืนขึ้นเพราะเดิมทีเขาอยากไปดูนางอยู่แล้ว

ครั้นเห็นท่านอ๋องมิเกิดความสับสนแล้ว ในใจของชิงเฟิงจึงแอบยินดีมิน้อย

“เรียนพระชายา ท่านอ๋องมาเจ้าค่ะ”

หมิงซินและปี้จูค่อนข้างระมัดระวัง แตกต่างจากชิงเฟิงที่ในใจรู้สึกยินดีมิน้อย

“อือ พวกเจ้าออกไปก่อน” อันหลิงเกอเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ในใจเริ่มครุ่นคิดว่าจะเผชิญหน้ากับเขาเยี่ยงไร

ความสัมพันธ์ของนางและมู่จวินฮานมิได้หวือหวา มิได้แตกต่างไปจากตอนแรก แต่นางรู้ชัดเจนดีว่าในใจมิได้เป็นเยี่ยงนี้

ทว่าทุกครั้งที่เอ่ยถึงสาเหตุการตายของมารดา อันหลิงเกอเป็นต้องคิดมากเสมอ

ยิ่งกว่านั้นสถานการณ์ก็ยังซับซ้อน นางมิอาจมั่นคงต่อเขาและบุตรได้

บุตรของนางมีมู่เหล่าหวางเฟยคอยดูแล ส่วนสองสามีภรรยาทำได้เพียงปกป้องจวนอ๋อง

“ท่านมาแล้ว” ครั้นอันหลิงเกอเห็นเงาที่กำลังเดินเข้ามาก็ทำให้นางรู้สึกสบายใจ

“มิได้มาที่นี่เนิ่นนาน ทุกอย่างยังเหมือนเดิม” เรือนแห่งนี้มิเคยมีกลิ่นของเครื่องหอมอันใด มีแค่กลิ่นฉุนจางๆ ของสมุนไพรและกลิ่นหญ้าหอมผสมกลิ่นดิน

“จุดประสงค์ที่มาวันนี้ก็เพื่อเล่นหมากล้อมกับข้าหรือเจ้าคะ ? ” ทุกครั้งที่มา มู่จวินฮานล้วนใช้ข้ออ้างว่ามาเล่นหมากล้อมกับนาง มิรู้ว่าครั้งนี้…

“ข้าจักพาเจ้าออกนอกจวน”

ออกนอกจวนหรือ ?

“มิไปเจ้าค่ะ”

น้ำเสียงของอันหลิงเกอแฝงไปด้วยความอึดอัดเล็กน้อย ตอนนี้นางมิกล้าสบตามู่จวินฮานมากนัก เห็นได้ชัดว่าความรู้สึกของทั้งสองลึกซึ้งมากพอ แต่เรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ทำให้นางลังเลมิน้อย

คำพูดของจ้าวหลานหยู่เชื่อถือมิได้ แต่ความหมายที่แฝงอยู่ในหอพิษกู่แห่งนั้นดูเหมือนว่าการตายของมารดาจะผิดปกติ

ทางด้านหมิงซินกลับไปที่คลังเก็บยาเพราะมีหน้าที่ดูแลยาอยู่แล้วซึ่งนางก็เผลอหลับไป มิรู้ว่านอนหลับไปนานเพียงใดชิงเฟิงก็เข้ามาในโรงยาและเห็นนางหลับอยู่

ชิงเฟิงคิดว่านางล้มป่วยจึงรีบตีหมิงซินเบา ๆ จากนั้นก็เอ่ยถามว่า “หมิงซิน เจ้าเป็นอันใด ? ”

หมิงซินที่รู้สึกว่ามีคนมาตีจึงลืมตาขึ้นด้วยความง่วงงุน กระทั่งเห็นชิงเฟิงกำลังมองนางด้วยสีหน้าเป็นกังวล

“อื้อ…ข้าแค่เหนื่อยเท่านั้น” หมิงซินกล่าว

ชิงเฟิงได้ยินก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“ถ้าเหนื่อยก็นอนพักเสียเถิด พรุ่งนี้เรามีศึกสำคัญมากต้องรับมือ เจ้าควรพักผ่อนให้เพียงพอจักได้มีแรงต่อสู้กับเรื่องในวันพรุ่งนี้” ชิงเฟิงเอ่ย

“ศึกสำคัญหรือ ? ” หมิงซินหรี่ตามองเขา มิรู้ว่าเขากำลังหมายความว่าเยี่ยงไร

“พรุ่งนี้เจียงอ๋องจักมาจวนอ๋องมู่ของเรา”

มาทำอันใด ? หมิงซินมิรู้ ครั้งนี้มิใช่จ้าวหลานหยู่เพียงผู้เดียวเพราะยังมีฮ่องเต้อีกด้วย

พวกเขาอยากมาดูว่าอันหลิงเกอและมู่จวินฮานสามารถช่วยเหลือเรื่องในต้าโจวได้เยี่ยงไรบ้าง

ส่วนเวลานี้อันหลิงเกอและมู่จวินฮานออกนอกจวนไปยังสถานที่ฟังเรื่องเล่าในคราวก่อน

“พาข้ามาที่นี่ด้วยเหตุใดเจ้าคะ ? มิกลัวว่าครั้งนี้อวี๋หมิงหลันจะมาอีกหรือ ? ”

อันหลิงเกอมิได้ตั้งใจเย้ยหยันเขา แค่มิรู้ว่าเพราะเหตุใดคำพูดจึงแฝงไปด้วยความหึงหวงชัดเจน

“ข้ามีเรื่องอยากบอกเจ้า…” ยังมิทันกล่าวจบ ทันใดนั้นองครักษ์เงาของมู่จวินฮานก็ยื่นหน้าเข้ามาตรงข้างหูของเขา

เมื่อเห็นเขาสีหน้าเปลี่ยนไป อันหลิงเกอก็รู้ในทันทีว่าต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่

“เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือเจ้าคะ ? ” นางคิดได้ว่าต้องเกิดเรื่องขึ้นในจวนอ๋องมู่

“เราต้องกลับแล้ว”

มู่จวินฮานมองนางด้วยความเศร้าหมองเล็กน้อย แต่นัยน์ตาฉายแววกังวลมิอาจปิดบัง จวนอ๋องมู่ต้องเกิดเรื่องอย่างแน่นอน

“เจ้าค่ะ”

อันหลิงเกอกระโดดขึ้นม้าและตามเขาไปโดยมิลังเล เพราะการนั่งรถม้าในตลาดค่อนข้างช้าเกินไปและพวกนางรอมิได้

“จวนอ๋องเกิดเรื่องขึ้นหรือเจ้าคะ ? ”

ระหว่างทาง เสียงลมที่พัดผ่านทำให้อันหลิงเกอแทบพูดมิออก แต่นางยังพยายามตามอยู่ข้างกายของมู่จวินฮานตลอดเพราะอยากกลับจวนอ๋องโดยเร็ว

“โดนคนจากหอพิษกู่บุกโจมตี”

เหตุใดหอพิษกู่จึงลงมือโจมตีจวนอ๋องมู่ ?

สำหรับคำถามนี้ มินานคำตอบก็ปรากฏขึ้นในสมองของอันหลิงเกออย่างรวดเร็ว

เป็นหายนะจากราชวงศ์นั่นเอง

หากมิใช่เพราะฮ่องเต้ดึงดูดความสนใจของหอพิษกู่มายังจวนอ๋องมู่ก็คงมิเกิดเรื่องในครานี้ขึ้นหรอก

คิดได้ดังนั้นอันหลิงเกอก็ตระหนักได้ถึงความฉลาดปราดเปรื่องของฮ่องเต้ที่มิเคยประสงค์กำจัดหอพิษกู่มาแต่ไหนแต่ไร ทว่าอยากให้หอพิษกู่ลงมือทำร้ายพวกนาง

พระองค์รู้เต็มพระทัยว่าฟางหลิงซู่มีความหยิ่งยโสมาก รู้ว่าพวกเขามิมีทางยอมให้ผู้ใดคุกคามอย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้จึงตั้งพระทัยปล่อยข่าวลือที่เกี่ยวกับมู่จวินฮานออกไปเพื่อหลอกล่อให้มาลงมือจู่โจมจวนอ๋องมู่

ครั้งนี้หอพิษกู่มิได้ทำร้ายนางและมู่จวินฮาน เห็นได้ชัดว่าเป็นการเตือน

“เป็นอย่างไร…”

ครั้นกลับมาถึงจวน ชิงเฟิงก็รออยู่หน้าประตูแล้ว อันหลิงเกอเห็นว่าคนในจวนปลอดภัยแทบทุกคนจึงได้วางใจ

“หมิงซิน…”

“หมิงซินเป็นอันใด ? ”

อันหลิงเกอคาดมิถึงว่าหมิงซินจะเกิดเรื่อง ชิงเฟิงยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งมา พอเห็นลายมือบนกระดาษแผ่นนั้นอันหลิงเกอก็กำหมัดแน่นทันที

นั่นเป็นลายมือของฟางหลิงซู่ ดูท่าแล้วหอพิษกู่กำลังจับตามองนาง มิมีทางปล่อยนางไปโดยง่าย

‘ถ้าอยากให้นางปลอดภัย จงมาหาข้าที่หุบเขากู่’

มู่จวินฮานมิต้องอ่านก็พอรู้เนื้อหา เขารับจดหมายนั้นมาก่อนมองไปยังอันหลิงเกอด้วยแววตาจริงจังอย่างเห็นได้ชัด

“ข้าจักไปกับเจ้า ในเมื่อคนของเราโดนพาตัวไปจากจวนอ๋องมู่ ข้าต้องนำตัวกลับมาให้จงได้”

“มิได้เจ้าค่ะ” อันหลิงเกอส่ายหน้า นี่มิใช่เวลามาแสดงความอ่อนแอและนางมิอยากให้มู่จวินฮานไป

พวกนางล้วนมิใช่คู่ต่อสู้ของฟางหลิงซู่ ยิ่งมีคนมากเท่าไรก็เกรงว่าความเสียหายยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ในเมื่อฟางหลิงซู่มิได้ทำร้ายหมิงซินก็คงอยากพบนางเท่านั้น

“องครักษ์ นำตัวพระชายากลับไป ! ” ดูเหมือนรู้อยู่แล้วว่าอันหลิงเกอจะปฏิเสธ มู่จวินฮานจึงออกคำสั่ง อันหลิงเกอยังมิทันได้ตั้งตัวก็ถูกองครักษ์เข้ามาคุมตัวไว้

“นำตัวพระชายากลับไป หากมิได้รับคำสั่งจากเปิ่นหวางก็ห้ามปล่อยตัวนาง ! ” กล่าวจบ มู่จวินฮานก็จากจวนอ๋องไปโดยมิหันมามองอีก

อันหลิงเกอมองตามแผ่นหลังของเขา นางถูกองครักษ์คุมตัวไว้ แม้แต่โอกาสหนีก็ยังมิมีซึ่งทำให้นางหนาวไปทั้งกาย