ตอนที่ 509 ไปช่วยคน
หากมิใช่เพราะนาง บางทีมู่จวินฮานคงมิต้องไปช่วยสาวใช้เพียงลำพัง
“มู่จวินฮาน ! ” อันหลิงเกออยากวิ่งออกไป ศัตรูมากมายเยี่ยงนั้นนางมิมีทางทนเห็นมู่จวินฮานไปหอพิษกู่คนเดียวแน่
หอพิษกู่เป็นสถานที่เยี่ยงไร นางย่อมเข้าใจดี หากมู่จวินฮานเข้าไปมิเพียงไม่อาจช่วยหมิงซินออกมาได้ แม้แต่ตัวเองก็ต้องติดอยู่ในนั้นด้วย
“มู่จวินฮาน กลับมาเดี๋ยวนี้ ! ” เคยบอกว่าจักไปด้วยกันมิใช่หรือ เหตุใดเขาต้องเดิมพันชีวิตผู้เดียว !
“พระชายา อภัยให้ข้าน้อยด้วยขอรับ”
อันหลิงเกอมององครักษ์ที่นำตนเข้าเรือนเหล่านี้ มิได้หรอก เขาจักไปเยี่ยงนี้มิได้
“มู่จวินฮาน ! ”
อันหลิงเกอตะโกนออกไปสุดเสียง จากนั้นก็ล้วงหยิบมีดสั้นจากเอวออกมาและจี้คอตนเองในชั่วพริบตา นางจ้องเหล่าองครักษ์แล้วทำให้มิมีใครกล้าเข้ามา
แต่มู่จวินฮานได้จากไปแล้ว อันหลิงเกอรู้ว่าต่อให้ไล่ตามเขาไปยามนี้ก็ไล่ตามมิทัน ทว่านางมิอาจทนเห็นมู่จวินฮานไปเผชิญหน้าเพียงลำพังได้
“ถอยไป ! ” อันหลิงเกอออกแรงกดเล็กน้อย คมมีดจึงเสียดสีบนผิวหนังจนเลือดออก
“พระชายา ! ”
องครักษ์มิรู้ว่าต้องทำเยี่ยงไรจึงมองอันหลิงเกอและมิกล้าถอยออกไปแม้แต่ก้าวเดียว
“ถอยไป ! ” ครานี้อันหลิงเกอมองไปยังชิงเฟิง นางรู้ว่าในใจของชิงเฟิงมีความเป็นห่วงหมิงซินอย่างแน่นอน
“หากเขาต้องเผชิญหน้าเพียงลำพัง มิเพียงช่วยหมิงซินไม่ได้ ทว่าต้องเผชิญอันตรายด้วย ! ” เมื่อได้ยินคำพูดของอันหลิงเกอ นัยน์ตาของชิงเฟิงก็สั่นไหวคล้ายลังเลอย่างไรอย่างนั้น
“ปล่อยพระชายาไป ! ” ชิงเฟิงกัดฟันกรอด สุดท้ายก็เอ่ยออกไป
“แต่ท่านอ๋อง…”
“มิเป็นไร ข้าจักไปกับพระชายาเอง”
เมื่อได้ยินชิงเฟิงกล่าวเยี่ยงนี้ เดิมทีอันหลิงเกอคิดปฏิเสธแต่หลังจากเงยหน้าขึ้นมาได้มินานกลับรู้ว่าหากปฏิเสธไปก็เกรงว่าชิงเฟิงมิมีวันปล่อยไปแน่
ดังนั้นอันหลิงเกอจึงก้มหน้าลงแล้วรอให้องครักษ์เปิดทาง เพราะนางทำร้ายคนของมู่จวินฮานมิได้จึงแค่ใช้ตนเองบีบบังคับพวกเขาเท่านั้น
“ชิงเฟิง เจ้าคิดดีแล้วหรือ ? ” หลังกระโดดขึ้นหลังอาชา อันหลิงเกอก็มองไปยังชิงเฟิง
“ไปกันเถิดขอรับ”
ชิงเฟิงมองไปยังต้นไม้ใหญ่ที่อยู่มิไกล ภายในใจได้แต่คิดว่ามิยอมให้หมิงซินตกอยู่ในอันตรายเด็ดขาด
และเขารับรู้ได้ว่าความรู้สึกที่มีต่อหมิงซินยิ่งชัดเจนมากขึ้น ดังนั้นเขาจึงไร้ท่าทีปล่อยให้หมิงซินเป็นอันใดไป
ตอนนี้ทั้งสองคนควบม้าตรงไปยังหอพิษกู่ทันที อันหลิงเกอคุ้นเคยเส้นทางกว่ามู่จวินฮานด้วยเหตุนี้จึงพยายามไล่ตามให้ทัน
“หากท่านอ๋องถึงก่อนแล้วล่ะขอรับ”
“ข้าต้องไล่ตามเขาให้ทัน นั่นเป็นเรื่องของข้ากับหอพิษกู่ เขาจักเป็นอันใดมิได้ ! ”
อันหลิงเกอเอ่ยอย่างมั่นใจ ดูเหมือนคำพูดของนางทำให้ชิงเฟิงเชื่อมั่นจึงพยักหน้ารับ
“พระชายา ท่านอ๋องมีท่านจึงเหมือน*เสือติดปีกขอรับ”
ก่อนหน้านั้นมู่จวินฮานบำเพ็ญตนอยู่ในเมืองจิงมาโดยตลอด มิเคยเผยศักยภาพของตนเองออกไป หลังจากที่อันหลิงเกอปรากฎตัว มู่จวินฮานก็มิอาจปิดบังได้อีกและเขาค่อย ๆ เปิดเผยความสามารถออกมา
ชิงเฟิงรู้ว่าดีมู่จวินฮานมิใช่คนธรรมดา อีกทั้งยังค่อยรวบรวมกำลังอย่างลับ ๆ ด้วย
ในความเป็นจริงแล้วชิงเฟิงหวังให้ท่านอ๋องได้รับเกียรติที่ควรเป็นของตนแม้เพียงอึดใจเดียวก็ตาม
“…”
อันหลิงเกอหัวเราะ ก่อนอื่นต้องไปถึงกำแพงด้านหลังของหุบเขากู่ เข้าไปทางนี้นางล้วนคุ้นเคยโครงสร้างและอย่างน้อยแค่มาถึงก่อนมู่จวินฮานก็พอ
“ชิงเฟิง เจ้าไปขวางท่านอ๋องที่ประตูด้านหน้า ข้าจักเข้าไปด้วยตนเอง”
“มิได้ขอรับพระชายา ! ”
ชิงเฟิงเห็นอันหลิงเกอเตรียมกระโดดเข้าไปจึงรีบขวางนางไว้
เมื่อครู่อันหลิงเกอทำให้เขาตกใจมิน้อย ตอนนี้ยังคิดเข้าไปผู้เดียวอีก เหตุใดพระชายามักชอบเอาชีวิตมาเดิมพัน จิตใจช่างกล้าหาญเสียจริง
ชิงเฟิงรู้ว่าตนพานางออกนอกจวนได้แต่มิสามารถทำให้นางตกอยู่ในอันตราย
หากยามนี้พระชายาเข้าไป เขารู้ว่าหอพิษกู่มิมีวันปล่อยนางออกมาโดยง่าย
แม้มิรู้ว่าต้นสายปลายเหตุของพระชายาและหอพิษกู่เป็นเยี่ยงไร แต่ในท้ายที่สุดเขาต้องปกป้องจวนอ๋องมู่ให้ปลอดภัย ปกป้องพระชายาให้รอดพ้นอันตราย !
“หากเจ้าเข้าไปก็มีแต่สร้างปัญหาให้ข้า หากเจ้ามิยอมขัดขวางมู่จวินฮาน เช่นนั้นก็เฝ้าอยู่ตรงนี้ ถ้ามีอันใดผิดสังเกตก็เรียกกำลังเสริมมาช่วยพวกข้าได้”
อันหลิงเกอรู้ว่าสำหรับชิงเฟิงแล้วมิมีประโยชน์อันใด นางจึงทำได้แค่ใจอ่อน
“แต่…”
“มิมีคำว่าแต่ นี่คือคำสั่งและเป็นการจัดการสมเหตุสมผลที่สุดแล้ว”
พอได้เห็นอันหลิงเกอแสดงเหตุผลเยี่ยงนี้ ชิงเฟิงย่อมรู้ว่ามิควรซื่อตรงเกินไป
“ขอรับ แต่พระชายาระวังตัวให้ดีนะขอรับ ! ”
ชิงเฟิงกัดฟันกรอดพลางคุกเข่าข้างหนึ่งลงพื้น มิกล้าเงยหน้ามองอันหลิงเกอ เขารู้ว่าสตรีผู้นี้มีความสามารถในการหลอกล่อผู้คนแต่ก็ยังอดเป็นห่วงมิได้
“น้อมส่งพระชายาขอรับ ! ”
“เจ้าเฝ้าที่นี่เถิด หากมีอันตรายจักได้รีบไปก่อน จำไว้ว่าทุกอย่างมีความเกี่ยวพันกับชีวิต” ชิงเฟิงพยักหน้าหนักแน่น ถือว่าเป็นคำตอบ
อันหลิงเกอเห็นเขาเยี่ยงนี้ก็รีบกระโดดขึ้นบนกำแพงและเข้าไปในกำแพงทันที หอพิษกู่แห่งนี้นางคุ้นเคยเป็นอย่างดีจึงเดินต่อไปอย่างราบรื่น
เพียงแต่มิแน่ใจว่าหมิงซินถูกจับตัวไว้ที่ใด ทำได้เพียงตามหาราวกับคนตาบอด
“เจ้ามาแล้ว”
เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้น อันหลิงเกอหยุดชะงักทันที แต่ในเวลาเดียวกันนางก็วางใจเพราะฟางหลิงซู่อยู่รับมือกับตนที่นี่ มู่จวินฮานก็ยังเดินทางมามิถึง
ดูท่าแล้วการควบคุมของฟางหลิงซู่มีความพอดี รวมทั้งนางกระโดดเข้ามาจากกำแพงก็อาจรวมอยู่ในแผนการของเขาแล้วก็ได้
“ฟางหลิงซู่ สาวใช้ของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์ มิควรดึงนางมาเกี่ยวข้อง”
น้ำเสียงของอันหลิงเกอแสดงถึงความมิมั่นใจเล็กน้อยเพราะรู้ดีว่าฟางหลิงซู่เป็นคนเยี่ยงไร
แต่เวลานี้อันหลิงเกอกำลังเดิมพันและการที่นางสามารถเข้าออกหอพิษกู่ได้ก็ย่อมพิสูจน์ว่าพวกเขาไร้เหตุผลสังหารนางอย่างแน่นอน
อันหลิงเกอคิดว่าตนยังมีประโยชน์ต่อพวกเขา แต่คาดมิถึงว่าทำให้คนในจวนอ๋องได้รับบาดเจ็บเพราะนาง
“หืม ? ”
ฟางหลิงซู่มิได้ตอบคำถามของนาง คล้ายกำลังรออันใดบางอย่าง
“มู่จวินฮานก็มาแล้ว”
ได้ยินคำพูดของฟางหลิงซู่ อันหลิงเกอก็ตื่นตกใจทันใด
“อย่าทำร้าย…”
อันหลิงเกออดกล่าวเสียงดังมิได้ ทว่าต้องเสียใจในการแสดงออกของตน
ทันทีที่เงยหน้ามอง ฟางหลิงซู่ก็คุมความรู้สึกทั้งหมดไว้แล้วจึงรู้ว่าตกสู่หลุมพรางของเขา
เหมือนเขารู้ว่าหากมู่จวินฮานมานางต้องแสดงท่าทางเยี่ยงนี้ ทั้งหมดล้วนอยู่ในการเดินหมากของเขา
“ฟางหลิงซู่ หากเจ้าสนใจ ข้ารับปากจักร่วมมือกับเจ้า แต่เจ้าอย่าทำร้ายคนรอบกายข้าเลย”
ฟางหลิงซู่มิได้กล่าวสิ่งใด ดูเหมือนมิได้สนใจคำพูดของนางอีกด้วย
ถูกต้อง อันหลิงเกอรู้ชัดดีว่าต่อหน้าฟางหลิงซู่แล้ว นางถูกใช้ประโยชน์เป็นแค่เหยื่อ
“อันหลิงเกอ หากเจ้าเป็นของข้าแล้วจักไร้ผู้ใดคุกคามเยี่ยงนี้ได้” คำพูดของฟางหลิงซู่ทำให้อันหลิงเกองตกตะลึง เขาหมายความว่าเยี่ยงไร
นางมิเชื่อว่าคุณชายแห่งหอพิษกู่ชอบนางเพราะรู้จักฟางหลิงซู่ดี หากมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ก็มิมีทางเกี่ยวพันกับนางแน่
…
*เสือติดปีก หมายความว่า คนเก่งยิ่งได้รับการส่งเสริมก็ยิ่งเก่งขึ้นไปอีก