ตอนที่ 481

The Divine Nine Dragon Cauldron

แต่สถานการณ์ในการต่อสู้ก็น่าเป็นห่วงอย่างมาก และยิ่งนานไปก็ยิ่งมีคนที่แข็งแกร่งเข้าร่วมการต่อสู้มากขึ้น ดังนั้นแล้วแม้ว่าจะเป็นพวกเขาก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมองดูการต่อสู้อย่างห่างๆ

 

ที่ทุ่งหญ้าซากศพ ปากทางเข้าถ้ำที่โผล่ในสัตว์ประหลาดมานานถูกปิดไปแล้ว ด้านในตัวมัน ลูกแก้วโลหิตที่กลืนกินซื่อหลิงเข้าไปได้ขยับไปมาราวกับหัวใจ ทันใดนั้นหัวใจก็เปล่งแสง ภายในของมันสั่นอย่างรุนแรง

 

เมื่อมองจากโลกภายนอก สัตว์ประหลาดยักษ์ที่รูปร่างคล้ายงูปรากฏจากพื้นของทุกหญ้ากว้างใหญ่! ร่างของมันมีสีขาวเงินราวกับโลหะ มันยาวแสนศอก และร่างกายยังหนาพันศอก! ที่ผิวขาวเงินของมันมีเส้นหนวดสีแดงพุ่งออกมาจากทุกทิศทาง!

 

ที่แสนลี้ไกลออกไป เหล่ายอดฝีมือจากตำหนักชิงวิญญาณที่กระจัดกระจายรอบทุ่งหญ้าซากศพได้หนีไปจากทุ่งหญ้าซากศพแล้ว เมื่อพวกเขาผ่านต้นไม้สวรรค์ก็มีเส้นด้ายสีแดงมากมายพุ่งออกมาจากพุ่มไม้

 

เมื่อเส้นไหมสีแดงตัดผ่าน เหล่าราชามนุษย์ทั้งกลุ่มก็ขาดท่อนกลายเป็นเนื้อบด พวกเขาถูกเส้นหนวดด้ายกลืนกินจนหมดสิ้น

 

ที่ห่างไกลออกไปอีกล้านลี้ กลุ่มคนเก้าคนกำลังขุดเอาสมุนไพรเทพออกมาด้วยความตื่นเต้น และทั้งเก้าคนยังเป็นยอดฝีมือในระดับกึ่งเทพ!

 

“ศิษย์พี่กง ผ่านไปครึ่งเดือนกว่าเราจะทำลายผนึกเข้ามาได้ สมุนไพรเทพพวกนี้เป็นของเราทั้งนั้นเลย!”

 

หญิงสาวอายุสิบแปดมองชายชุดเขียวที่ก้มหน้าขุดสมุนไพรเทพอย่างหลงใหล

 

ยอดฝีมือทั้งหมดในระดับกึ่งเทพที่นี่ต่างนับถือชายชุดเขียว

 

ศิษย์พี่กงยิ้ม

 

“นี่ก็เพราะการร่วมมือร่วมใจของพวกเจ้าและคนอื่นๆด้วย”

 

หญิงสาวส่ายหน้าด้วยความเขินอาย

 

“ไม่ใช่หรอก ศิษย์พี่คนเดียวที่มีพลังทำลายผนึกได้ พวกเขามิได้ทำสิ่งใด ศิษย์พี่คู่ควรแล้วที่เป็นศิษย์นอกลำดับสิบของสำนักจันทร์กระจ่าง ถ้าศิษย์พี่ไม่อยู่ที่นี่ พวกข้าก็คงไม่ได้มาอยู่ตรงนี้ พวกข้าคงจะถูกสังหารตายหมดถ้าต้องเจอกับพวกซื่อหลิงที่มาจากตำหนักชิงวิญญาณ”

 

สีหน้าทุกคนดูหวาดกลัวเมื่อนางพูดถึงซื่อหลิง พวกเขามาที่กระโจมเทพในชั้นเจ็ดได้ไม่นานแต่ก็ได้พบกับเรือรบของตำหนักชิงวิญญาณ

 

โชคดีที่พลังของศิษย์พี่กงนั้นมีมหาศาล เขาเผชิญหน้ากับซื่อหลิงด้วยตัวคนเดียวและเสมอกัน

 

ศิษย์พี่กงส่ายหน้าและยิ้มแย้ม

 

“คนที่น่ากลัวโดยแท้จริงจากตำหนักชิงวิญญาณก็คือโจวฉีหมิง แม้ซื่อหลิงจะแข็งแกร่ง เขาก็อาจจะทำอะไรพวกเราไม่ได้ แต่พวกเราสบายใจได้ โอกาสที่จะได้เจอพวกนั้นอีกแทบจะเป็นศูนย์”

 

ศิษย์พี่กงเป็นยอดฝีมือที่มาจากสำนัก เขาเผชิญหน้ากับซื่อหลิงได้ เขายังเป็นหัวหน้าจากสำนักจันทร์กระจ่างที่นำคนมายังกระโจมเทพสวรรค์ และสำนักจันทร์กระจ่างก็อยู่ในดินแดนพรสวรรค์ทั้งสิบแปด

 

ในตอนนี้ สมุนไพรเทพถูกขุดออกมาสำเร็จ แต่ชายหนุ่มชุดเขียวก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นว่ารากของสมุนไพรเทพนั้นถูกรัดด้วยเส้นไหมสีแดง! ก่อนที่เขาจะเข้าใจว่าเส้นไหมสีแดงโลหิตคืออะไรมันก็หายไปแล้ว

 

และไม่นานก็มีเสียงกรีดร้องจากความเจ็บปวดดังขึ้น ศิษย์พี่กงรู้สึกได้แต่เพียงความเย็นที่หน้าผากก่อนที่สติจะหลุดลอยไป ร่างกายของเขาอ่อนแอลง ร่างของเขาถูกสูบจนเหลือแต่เพียงโครงกระดูกด้วยความเร็วสูง!

 

ไม่นาน ใต้ดินรอบๆก็มีรากไม้พุ่งออกมา รากไม้นั้นบางราวกับเส้นด้ายและมีสีแดงของโลหิต มันรัดผู้คนโดยรอบ เสียงกรีดร้องด้วยความเศร้าความกลัวคละคลุ้งกันอย่างต่อเนื่อง

 

เหล่าเส้นไหมโลหิตกลับสู่ใต้ดิน นอกจากพลังโลหิตที่หลงเหลืออยู่ในอากาศก็ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนไปจากที่นี่เลย! ไม่มีใครรู้เลยว่าทั้งกลุ่มของสำนักจันทร์กระจ่างเพิ่งจะถูกสังหารตายหมด!

 

เหตุการณ์แบบเดียวกันเกิดขึ้นกับชั้นเจ็ดในกระโจมเทพ เหล่ายอดฝีมือถูกกลืนกินไปอย่างเงียบๆ มิใช่แค่คนจากสำนักจันทร์กระจ่าง

 

แม้แต่สัตว์อสูรที่อาศัยอยู่ในกระโจมเทพก็มิอาจรอดพ้นจากความตายไปได้ สัตว์อสูรจำนวนมากบินหนีไปในส่วนลึกของชั้นเจ็ดอย่างบ้าคลั่ง

 

******

 

ที่เขาจักรพรรดิสายฟ้า ยอดฝีมือกึ่งเทพสองคนยืนอยู่หน้าเขาจักรพรรดิสายฟ้าที่ตอนนี้กลายเป็นซากเมือง

 

“พวกเรามาสายเกินไป ตำหนักสายฟ้าถูกคนอื่นเปิดไปแล้ว!”

 

หัวหน้านั้นเป็นหญิงสาวอายุยี่สิบปีที่สง่างาม คิ้วของนางราวกับถูกวาดขึ้นมา ใบหน้าเรียบเนียน ดวงตางดงามสดใสราวจันทรา มันงดงามราวกับอัญมณี

 

นางผิวขาวราวหิมะที่ตกในที่สูง ผิวของนางดูอมชมพูและเปล่งประกายเมื่อแสงตะวันสาดส่อง มันงดงามอย่างน่าตกใจ

 

รูปร่างของนางยังงดงามอย่างมากอีกด้วย ความผอมบางและส่วนโค้งเว้าขับกล่อมให้ทั้งร่างราวกับรูปสลัก นางดูเยือกเย็น แม้นางจะไม่ได้ดีใจหรือโศกเศร้า นางก็ทำให้คนอื่นรู้สึกถึงความบริสุทธิ์งดงามอย่างประหลาดราวกับดอกบัวที่โผล่พ้นวารีและมิอาจมีใครได้เด็ดดม

 

“ป้าลู่ ใครกันที่เข้าตำหนักสายฟ้าไปได้? แล้วยังทำลายเขาจักรพรรดิสายฟ้าจนอยู่ในสภาพนี้อีก? หรือจะเป็นโจวฉีหมิงจากตำหนักชิงวิญญาณ?”

 

ผู้พูดคือเด็กหนุ่ม เขาพูดกับหญิงสาวด้วยความนับถือ

 

ฐานพลังของชายหนุ่มนั้นไม่ได้อ่อนแอไปกว่าซื่อหลิงซึ่งน่าตกตะลึงเป็นอย่างมาก แต่หญิงสาวตรงหน้าที่อายุใกล้เคียงยี่สิบปีกลับถูกเรียกว่าป้า! ในตอนนี้ ชายหนุ่มนั้นมองดูร่างกายอันสง่างามของหญิงสาวอย่างลับๆ เขาเผยความนับถือและความหลงใหลออกมาด้วย

 

หญิงสาวสกุลลู่ส่ายหน้าเบาๆ

 

“ไม่ใช่! ไม่มีพลังอสูรที่นี่ แล้วโจวฉีหมิงก็ไม่มีพลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้! ถ้าข้าเดาไม่ผิด คนหนึ่งที่มาที่นี่คงเป็นหยางยี่เต๋าจากตำหนักศีลหวนคืน หลังจากกลับไปเราจะแจ้งตำหนักศีลหวนคืนให้พาหยางยี่เต๋ามาอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น”

 

หญิงสาวพูดอย่างหยาบคาย นางสั่งให้คนจากตำหนักศีลหวนคืนเข้ามาหานางตรงๆ!!

 

“เข้าใจแล้วท่านป้า!”

 

ชายหนุ่มแสดงความนับถือออกมา เขาไม่กล้าจะขัดคำพูดนางแม้แต่น้อย

 

หญิงสาวสกุลลู่ชายตามองพื้นดินในระยะสิบลี้ที่ยุบลงไป นางคิดอยู่กับตัวเอง

 

“นั่นมันการหลอมรวมต้นกำเนิดสามธาตุ..เอ๋? บ้าบิ่นนัก”

 

นางเหลือบมองไปในทิศทางของป่าศิลา

 

“ทำไมอู๋ยี่ยังไม่กลับมาอีก?”

 

ชายหนุ่มรีบตอบ

 

“รายงานท่านป้า ศิษย์น้องอู๋ยี่น่าจะอยู่ระหว่างทาง ไม่มีเวทยักย้ายมากนักในชั้นหก นางอาจจะมาช้าสักเล็กน้อย”

 

นางขมวดคิ้วเบาๆ

 

“เอาเถอะ เจ้าจะพักกับข้าที่นี่ชั่วคราว เจ้าไปตรวจสอบสถานการณ์รอบๆ อย่าให้ใครมารบกวนพวกเราได้”

 

“รับทราบ ท่านป้า!”

 

ชายหนุ่มโค้งคำนับทันที เขาบินขึ้นฟ้าไปตรวจสอบดูเขาจักรพรรดิสายฟ้าที่ล่มสลายเพื่อไม่ให้ใครเข้ามารบกวนป้าของเขา

 

ทันใดนั้นชายหนุ่มก็พบว่ารอยแตกของศิลาบนเขาจักรพรรดิสายฟ้านั้นมีสีแดงเล็กน้อยราวกับว่ามีบางสิ่งเติบโตมาจากเขาศิลา ชายหนุ่มตกใจและกำลังจะก้มลงมองดู แต่จู่ๆก็มีด้านแดงหลายสิบเส้นพุ่งออกมา

 

ชายหนุ่มตกตะลึง เขารีบถอยหนี แต่เส้นด้ายแดงก็เร็วอย่างไม่น่าเชื่อ มันตามทันเขาอย่างง่ายดายและทะลวงผ่านร่างกายไป ชายหนุ่มกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด!

 

เลือดเนื้อของเขาถูกสูบไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเขารู้ตัวก็พบว่าตัวเองกำลังจะตายไปแล้ว แต่จู่ๆก็มีลำแสงเฉือนขอบนภาตัดผ่านเส้นด้ายหลายสิบเส้นออกไป

 

และในเวลาเดียวกัน ชายหนุ่มก็ปลิวไปหมื่นศอกพร้อมกับแสงเงา ข้างๆเขาคือหญิงสาวสกุลลู่ที่ขมวดคิ้วเบาๆ นางก้มลงมองเขาจักรพรรดิสายฟ้าที่อยู่เบื้องล่าง

 

นางชี้ไปยังเขาจักรพรรดิสายฟ้าอย่างเรียบง่าย สายฟ้าคำรามลั่นพุ่งซัดใส่เขาจักรพรรดิสายฟ้าที่อยู่มาไม่รู้กี่ปี มันกลายเป็นเถ้าถ่านจนหมด!

 

จากนั้นนางก็โบกมือพัดฝุ่นตวันให้หายไปและพบกันเส้นดายโลหิตจำนวนมาก!

 

พวกมันมาจากใต้ดิน มันทะลวงฝุ่นควันพุ่งเข้าใส่พวกเขาทั้งสอง นางสะบัดดัชนีเบาๆ ด้ายโลหิตระเบิดหายไป มันกลายเป็นพลังโลหิตที่แสบจมูก

 

ชายหนุ่มรอดตายหวุดหวิด แต่ความเจ็บปวดมหาศาลในร่างกายก็ยังคงอยู่ เขาพูดด้วยความกลัว

 

“ท่านป้า นั่นมันอะไรกัน?”

 

หญิงสาวครุ่นคิดและมองไปยังทุ่งหญ้าซากศพ

 

“น่าจะเป็นอสูรที่หลับใหลอยู่ มันแข็งแกร่งมาก พลังของข้าถูกกดเอาไว้ ข้าอาจจะสู้กับมันไม่ได้! ไปที่ป่าศิลา ถ้าอู๋ยี่ยังมีชีวิตอยู่ นางจะรู้ว่าต้องไปที่ใด”

 

 

กลับมาที่ซือหยู…

 

หลังจากี่บ่มเพาะพลังมาสามวันสามคืน ซือหยูใช้วิชาเลี่ยงสายฟ้าและดวงใจอัสนีได้อย่างชำนาญ ในตำรายังมีประสบการณ์ในการบ่มเพาะของจักรพรรดิสายฟ้าอยู่ด้วย ซือหยูแค่ต้องทำความเข้าใจเล็กน้อยเท่านั้นและบ่มเพาะได้สำเร็จ

 

ซือหยูดีใจ แต่เขาก็ยังไม่ไปไหน เขากลับหยิบเอาลำดับห้าธาตุออกมาดู ลูกแก้วทั้งห้าลอยตามคำสั่งของเขา

 

ซือหยูตาลุกวาว รอยแตกสีดำเกิดขึ้นบนหน้าผากของซือหยูในทันที ผนึกสายฟ้าขนาดเท่านิ้วโป้งลอยออกมา

 

ผนึกนั้นถูกส่งไปยังลูกแก้วสีม่วงที่มีผนึกวิญญาณอยูาภายใน วิญญาณในผนึกนี่เองที่ใช้ควบคุมลำดับห้าธาตุ

 

ผนึกสายฟ้าที่ซือหยูสร้างนั้นมีทั้งพลังวิญญาณและสายฟ้าผสมกัน มันจมเข้าสู่ในผนึกวิญญาณในลูกแก้ว ผนึกวิญญาณที่มีพลังวิญญาณมหาศาลนั้นมิอาจกั้นขวางผนึกสายฟ้าของซือหยูได้เลย

 

ผนึกสายฟ้าฝังในผนึกได้สำเร็จ จากนั้นซือหยูก็ทำให้สายฟ้าในผนึกระเบิดออกมา เมื่อพลังสายฟ้าผสมกับวิญญาณมันก็ทำให้โจมตีวิญญาณได้ ผนึกวิญญาณภายในถูกระเบิดหายไป

 

ซือหยูลืมตากว้างด้วยความดีใจ! วิชาดวงใจอัสนีนั้นใช้ได้ผลดีจริงๆ!

 

ผนึกของลูกแก้วหนึ่งลูกถูกทำลายไปแล้ว ซือหยูทำอย่างเดิมกับลูกแก้วลำดับที่เหลือ ไม่นานเขาก็ทำลายผนึกได้ทั้งหมด แทบจะเรียกได้ว่าลำดับห้าธาตุเมฆาแห้งเหือดได้กลายเป็นของเขาแล้ว!

 

ที่ทวีปจิวโจว ภายในสำนักที่เต็มไปด้วยเมฆาและม่านหมอก เสียงคำรามด้วยความโกรธแค้นดังออกมาเป็นระยะเวลานาน! พลังอันแข็งแกร่งจากจ้าวเทวะแผ่ไปรอบทิศทาง

 

ที่กระโจมเทพสวรรค์

 

ซือหยูหยดโลหิตตัวเองเพื่อชำระลำดับทั้งห้าพร้อมกัน! ไม่นานก็มีข้อความแปลกๆเกิดขึ้นในจิตใจ

 

“ลำดับห้าธาตุเมฆาแห้งเหือด กึ่งสมบัติวิญญาณ เมื่อลูกแก้วทั้งห้าถูกใช้พร้อมกัน พลังของมันจะเทียบได้กับสมบัติวิญญาณ!”

 

ซือหยูดีใจที่ได้ของที่เหนือกว่าคาด ลูกแก้วทั้งหมดเป็นกึ่งสมบัติวิญญาณ และเมื่อใช้งานทั้งชุดพร้อมกัน มันจะมีพลังเทียบเท่าสมบัติวิญญาณ!

 

ที่เหมือนกับเข็มเก้าหยินหยาง เข็มทุกเล่มเป็นสมบัติเทพระดับกลาง แต่เมื่อใช้งานทั้งหมดพร้อมกัน มันจะมีพลังเทียบเท่าสมบัติเทพระดับสูง!

 

“เมื่อลูกแก้วทั้งห้ารายล้อมตัว มันจะกลายเป็นเครื่องป้องกัน และยังใช้พันธนาการศัตรูที่แข็งแกร่งได้อีกด้วย”

 

ซือหยูเห็นพลังป้องกันของมันแล้ว มันป้องกันได้แม้กระทั่งระดับที่เหนือกว่าขอบเขตภูติ! ส่วนความสามารถในการพันธนาการนั้นเขาต้องทดลองใช้เอง

 

ซือหยูผู้เป็นเจ้าของสามารถควบคุมลูกแก้วทั้งห้าได้พร้อมกัน เขาสามารถสร้างลำดับห้าธาตุได้ด้วยตัวเอง ถ้าเขาเจอกับศิษย์สำนักอสูรอีกครั้ง เขาอาจจะไม่ต้องหนีอีกต่อไปแล้ว!

 

และบาดแผลของเขาก็ฟื้นฟูมาแล้วเช่นกัน ซือหยูยืนขึ้นและออกไปจากที่ลับ เขาบินขึ้นสู่นภาและมองพื้นที่โดยรอบ

 

ในกระโจมเทพสวรรค์ เขาเหลือเพียงสิ่งเดียวให้ทำนั่นก็คือการหามุกเงินเลี่ยงสายฟ้าและโลหิตของมังกร แต่ชั้นเจ็ดของกระโจมเทพนั้นกว้างใหญ่นัก ซือหยูรู้สึกเหมือนกำลังงมเข็มในมหาสมุทร

 

ในตอนนั้นเอง เกิดเสียงดังมาจากไกลๆท้องนภา ซือหยูเงยหน้ามองและพบกับหญิงสาวอายุสิบแปดปี นางหน้าซีดเผือด นางกำลังหนีด้วยความหวาดกลัว

 

รูปร่างของนางงดงามเป็นอย่างมาก หน้าตาของนางก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน! และร่างกายนางยังดูเป็นผู้ใหญ่ที่น่าจับจ้อง!

 

ใบหน้าขาวบริสุทธิ์ไร้ริ้วรอยงดงามเป็นอย่างมาก คิ้วของนางโก่งดั่งคันศร ดวงตาของนางราวกับวิหคที่ดูเยือกเย็น ปลายจมูกงุ้มลง คางคมเล็กน้อย ริมฝีปากแดงไม่ต่างกับกุหลาบ นางดูสวยแต่ก็ดูเย็นชา

 

ความเย็นชาของนางแตกต่างกับหลงหวูชิง หลงหวูชิงนั้นไร้เทียมทานและหยิ่งยโสด้วยความแข็งแกร่งที่สุดของนาง เมื่อนางเงียบนางก็ไม่คิดจะพูดมากนัก ส่วนสตรีตรงหน้า ความเย็นชาของนางมาจากอารมณ์ ความเย็นชานั้นยังดูไร้หัวใจอีกด้วย

 

นางพบว่ามีคนอยู่ข้างหน้า นางตกใจมากเพราะไม่คิดเลยว่าจะได้พบกันมนุษย์ในที่รกร้างเช่นนี้!

 

ซือหยูมองนางด้วยความระวัง เขาตระหนักได้ว่าข้างหลังนางคือกลุ่มสัตว์อสูร ไม่สิ…มันไม่ได้อยู่กันเป็นกลุ่ม มันคือคลื่นสัตว์อสูรที่ปกคลุมนภา เงาของพวกมันปกคลุมผืนดินจนมืด!

 

คลื่นสัตว์อสูรนี้เติมเต็มนภาและภาคพื้น! ข้างหลังนางมีสัตว์อสูรอยู่นับไม่ถ้วน!! นางอยู่แค่ตรงหน้าเหล่าสัตว์อสูรเท่านั้น หากนางหยุดเมื่อใด นางจะถูกคลื่นสัตว์อสูรดูดกลืนเข้าไป

 

ซือหยูตกใจอย่างมาก มันเกิดอะไรขึ้นกัน? แล้วอะไรที่ทำให้สัตว์อสูรพวกนี้หวาดกลัว?

 

แต่ซือหยูไม่มีเวลาให้คิดอีก เขาหยิบเอาเรือบินเทวะออกมาโดยไม่ลังเล เขาอัดพลังวิญญาณลงไปและหนีขึ้นสู่นภา ด้วยสัตว์อสูรปริมาณมากมายเช่นนี้ ถ้าหากเขาจมเข้าไป เขาจะไม่มีทางมีชีวิตรอดแน่

 

หญิงสาวงดงามแต่เย็นชาตกใจเมื่อเห็นเรือรบ นางตัวแข็งทื่อ

 

“เรือบินเทวะของสำนักอสูร?”

 

นางดูสีหน้าประหลาด นางรีบบินไปทางซือหยูอย่างเร่งรีบ นางหายใจเร็วและแรง

 

“ได้โปรดรอก่อน พาข้าไปด้วย ข้าจะให้สมบัติเทพกับเจ้าหนึ่งชิ้นเป็นของขวัญ!”

 

สมบัติเทพรึ? ในตอนนี้ยากมากที่สมบัติเทพธรรมดาๆจะต้องตาซือหยูนอกซะจากสมบัติเทพระดับสูง ดังนั้นซือหยูจึงไม่คิดจะฟังนาง เขาใช้เรือบินเทวะและเร่งความเร็วขึ้นอีก

 

นางเป็นกังวลและกัดฟันแน่น

 

“สหายตรงนั้นน่ะ ข้ารู้ว่าจะหาสมบัติวิญญาณได้ที่ไหน ถ้าเจ้าช่วยข้า ข้าจะบอกข้อมูลกับเจ้าอย่างแน่นอน!”

 

สมบัติวิญญาณรึ? ซือหยูสนใจมัน เขามองดูหญิงสาวและพยักหน้า

 

“ก็ได้ ขึ้นมา”

 

หญิงสาวบินขึ้นเรือบิน จากนั้นเรือบินเทวะจึงเปลี่ยนเป็นเงาพุ่งหายลับขอบนภา เวลาผ่านไปทั้งวัน รังสีพลังของคลื่นสัตว์อสูรไม่ตามมาอีกแล้ว ซือหยูผ่อนคลายอยู่บ้าง

 

“แม่นาง เจ้าเจอกับสัตว์อสูรพวกนั้นได้ยังไง?”

 

ซือหยูเอ่ยปากถาม

 

นางแปลกใจอยู่บ้าง ซือหยูนั้นไม่ได้ถามเรื่องสมบัติวิญญาณเป็นอย่างแรก! สมบัติวิญญาณนั้นล่อตาล่อใจคนธรรมดาได้มาก ยากสำหรับนางที่จะจินตนาการว่าอีกฝ่ายจะยังใจเย็นอยู่ได้

 

“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ข้ากำลังเก็บสมุนไพรเทพอยู่ แต่จู่ๆพวกมันก็แห่เข้ามา ข้าต้องหนีจนมาเจอเจ้า”

 

จู่ๆก็แห่เข้ามา? ซือหยูครุ่นคิด เขาหรี่ตามองดูพื้นที่โดยรอบ