บทที่ 37 Ink Stone_Romance
ไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลเรื่องการต้องพกนาฬิกาไปไหนมาไหน เพราะการที่มิเอลแนะนำสาวใช้ของตนมาให้อาเรียนั้นเป็นที่พึงพอใจเป็นอย่างมาก
เธอรู้สึกว่าวันนี้พระอาทิตย์จะตกเร็วไป หรือบางทีการที่ออสการ์มาเยี่ยมอาจจะเป็นตัวกระตุ้นทำให้รู้สึกแบบนั้น
หลังจากที่แยกกันไปวันนั้นเขาก็ไม่มาให้เจอหน้าอีกเลย ได้เจอที่ร้านอาหารอยู่ไม่กี่ครั้ง แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจ ต้องเพราะเรื่องนั้นแน่ๆ
‘นิสัยเด็กจริงๆ’
ดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับข่าวอะไรเพิ่ม จึงปล่อยคนรับใช้ของตนให้ไปพัก และอาเรียก็ไม่พลาดที่จะใช้โอกาสนี้พาตัวคนรับใช้ของมิเอลเข้ามา
เธอบอกว่ายังไม่ต้องการคนรับใช้มากนัก แค่มีผู้ช่วยสักคนไว้สั่งงานเล็กๆ น้อยๆ ก็เพียงพอแล้ว มิเอลได้ยินเช่นนั้นจึงแนะนำแอนนี่ให้แก่เธอ
มันไม่ใช่แค่ครั้งเดียวที่มิเอลพูดชื่อสาวใช้คนนี้ออกมา แต่มันเกิดขึ้นหลังจากที่อาเรียนต้องคว่ำนาฬิกาทรายเพื่อย้อนอดีตกลับไปและเพิ่มคำว่า ‘หากเป็นสาวใช้ที่ยังเด็กก็คงจะดีมากเลยล่ะ’
เพราะฉะนั้น ไม่จำเป็นต้องเลือกด้วยซ้ำ เป้าหมายแรกในการใช้นาฬิกาทรายก็เพื่อพาตัวแอนนี่กลับมาอย่างไรล่ะ
หล่อนต่างจากเจสซี่ตรงที่เมื่ออาเรียจดจ่ออยู่กับหนังสือ จะปล่อยเธอไว้คนเดียวแล้วไปพักผ่อน แต่แอนนี่มีไว้เรียกใช้ได้ตลอดเวลา ตั้งแต่เช้าถึงค่ำ ต้องไปไหนมาไหนตามอาเรียตลอด
ได้รับข้อเสนอนี้จากมิเอลแล้วก็รู้สึกดีขี้น มิเอลคงยังไม่รู้ว่าอาเรียกับออสการ์คุยเรื่องอะไรกัน หล่อนต้องสงสัยจนนอนไม่หลับแน่ และเพื่อจะผลักไสคนที่ขัดหูขัดตาหล่อนอย่างอาเรียให้ตกหลุมลึกนั่น
“แอนนี่ ช่วยเอาชาไปเปลี่ยนให้หน่อยได้ไหม”
“ค่ะ เลดี้”
เธอวานของร้องแอนนี่ทั้งที่ยังไม่เงยหน้าจากหนังสือ ไม่นานแอนนี่ก็กลับมาพร้อมกับชากาใหม่ ดูเหมือนว่าจะเตรียมไว้ก่อนแล้ว
‘สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะเด็กแค่ไหนก็เพราะเป็นคนรับใช้ของมิเอลสินะ’
นึกว่าจะดูดีแค่ภายนอกแต่เธอชำนาญการด้านต่างๆ มากกว่าที่คิด เพราะแม้จะอายุน้อยแต่เวลาของเธอในการเป็นคนรับใช้ยังอีกนานอย่างไรล่ะ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นคนสนิทของมิเอลที่คนในคฤหาสน์ต่างเอ็นดูด้วย แน่นอนว่าต้องชำนาญงานอยู่แล้ว
อาเรียที่มองเธอกำลังรินชาให้อย่างสุภาพอยู่ใกล้ๆ เผยสีหน้าประหลาดใจราวกับค้นพบอะไรบางอย่างพลางพูดกับเธอ
“ผิวเธอดีมากเลยนะเนี่ย”
“…คะ”
“เพราะบนหน้ามีกระพอมองจากที่ไกลตอนนั้นยังไม่รู้ว่าเธอทั้งผิวขาวดูน่ารักขนาดนี้”
อย่างนั้นหรอกเหรอ ผิวที่ไม่ได้ดูดีอะไรมากมายกลับได้รับคำชมเช่นนี้ แอนนี่ไม่รู้จะตอบกลับอย่างไรได้แต่หน้าแดงก่ำอยู่อย่างนั้น อาเรียยังคงกล่าวชมอยู่อย่างนั้น
“ตาก็โต จมูกก็เชิดสวย และยังผิวขาวสะอาดสะอ้านนะเนี่ย”
“…”
“แค่แต่งตัวให้ดูดีหน่อย ก็ไม่ด้อยไปกว่าคนชั้นสูงเลยนะ”
แม้จะได้รับคำชมอย่างไม่ขาดสาย แต่แอนนี่ก็ไม่ได้โต้แย้งอะไร ทำได้เพียงแค่ก้มมองพื้นพลางเผยใบหน้าแดงก่ำ เพราะอาเรียและเธอก็ไม่ได้สนิทสนมถึงขั้นที่จะทำอะไรแบบนั้นได้
ยิ่งไปกว่านั้นก่อนหน้านี้อาเรียเป็นคนที่ทำให้เจ้านายของเธอขายหน้าอีกด้วย เกิดมาจากลูกนางโสเภณีต้นกำเนิดที่แย่ยิ่งกว่าคนธรรมดา แต่ดันโชคดีได้กลายเป็นชนชั้นสูง ตัวตนของเธอแตกต่างจากชาติกำเนิดชนชั้นสูงแท้จริง สมควรมีไว้ให้ด่าทอเท่านั้น
แน่นอนว่าการได้รับคำชมจากเธอที่ไม่ได้มีดีอะไรเลย ไม่รู้ว่าจะตอบกลับอย่างไรเสียจริง
ทันใดนั้นอาเรียลุกขึ้นจากที่นั่งพลางก้มมาลูบแก้มของแอนนี่
ไม่ได้พูดเหลวไหลเลย เทียบกับชาวบ้านธรรมดาทั่วไปแล้ว เป็นผิวที่ได้รับการบำรุงที่ดีเลยล่ะ หรือว่าบางทีในขณะที่เธอทำงานเป็นข้ารับใช้อาจจะเอาเงินทั้งหมดที่หามาไปลงทุนบำรุงก็เป็นได้ ดูเหมือนว่าเธอมีความสนใจในการเสริมเติมแต่งมากกว่าที่คิด
และถือว่านั่นเป็นโอกาสที่ดีมากเลยล่ะ
“วันนี้ไม่มีทั้งคาบเรียน ไม่มีทั้งตารางงาน งั้นมาเล่นด้วยกันสักครู่ดีไหม”
ไม่แน่ใจว่าคำพูดนั้นบอกกับตัวเองหรือเปล่า แอนนี่เบิกตากลมโตขึ้น แน่นอนว่าเพราะคำพูดของเธอ อาเรียจึงถามว่าทำไมถึงได้ช้าอืดอาดอยู่อย่างนั้นพลางจับมือเธอลากไปนั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง
“เลดี้คะ”
“เพราะเธอมีผิวที่ดีอยู่แล้วแต่ดันมีกระบดบังใบหน้า ฉันเห็นแล้วอดสงสารไม่ได้เลยต้องทำเช่นนี่อย่างไรล่ะ”
อาเรียหยิบเครื่องสำอางที่เธอยังไม่เคยใช้มันสักครั้งเดียวจากในลิ้นชักออกมา แน่นอนว่าตั้งแต่ย้อนเวลามายัง ‘ปัจจุบัน’ ยังไม่เคยใช้เครื่องสำอางชิ้น ‘นี้’ เลยอย่างไรล่ะ ในอดีตเธอใช้มันแต่งหน้าอยู่แทบทุกวันจึงรู้วิธีใช้อย่างดี
‘ถึงจะมีอยู่แค่ไม่กี่ชิ้น แต่เท่านี้ก็คงจะเพียงพอให้แอนนี่ตะลึงจนตาลุกวาวได้สินะ’
เหมือนกับเธอในอดีตไม่มีผิด เพราะว่าเธอยังเด็กอยู่เลยได้รับเครื่องสำอางแค่ไม่กี่ชิ้นพอเป็นพิธีแต่มันก็เพียงพอที่จะใช้เติมแต่ง
“อ๊ะ เย็นค่ะ!”
เมื่อเธอนำโลชั่นที่สกัดมาจากพืช ทาลงบนใบหน้าของแอนนี่อย่างละเมียดละไม หล่อนก็ส่งเสียงขึ้น
ทว่าเมื่อหล่อนเห็นใบหน้าเป็นเงาวาวของตัวเองในกระจกก็ไม่ส่งเสียงอะไรต่อ
หลังจากปรับสภาพผิวแล้วจึงบดผงไข่มุกทาลงบนใบหน้า และจัดคิ้วให้ดูเรียบร้อย ท้ายสุดหลังจากเติมสีให้ทั้งสองแก้มแล้วจึงทาลิปสติกสีแดงที่ริมฝีปาก เป็นอันเสร็จสิ้น
“เป็นไง”
“นี่… ใช่ดิฉันจริงๆ เหรอคะ”
“เหมือนอย่างที่ฉันคิดไว้ แค่ปกปิดรอยกระนิดหน่อยก็ดูดีขึ้นเป็นเท่าตัวเลยล่ะ”
แอนนี่จ้องมองตัวเองในกระจกไม่แม้แต่กะพริบตา ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถละสายตาจากรูปลักษณ์ของตัวเองที่เปลี่ยนไปได้
อาเรียที่มองแอนนี่อยู่นั้น หวีผมให้เธออย่างอ่อนโยนพลางกระซิบข้างหู
“ฉันไม่ใช้อันนี้แล้ว หากเธอต้องการจะเอาไปใช้ก็ได้นะ”
“…คะ”
“เครื่องสำอางอันนี้อย่างไรล่ะ ฉันยังเด็กอยู่แล้วก็ไม่มีกระ น่าจะไม่มีปัญหาอะไรที่ต้องใช้มันหรอก เลยบอกว่าเธอจะเอาไปใช้ก็ได้นะ”
เครื่องสำอางที่แอนนี่ใช้ตอนนี้เป็นของที่ชาวบ้านธรรมดาไม่สามารถมีอยู่ได้ ราคาแพงก็เป็นเหตุผลอย่างหนึ่ง แต่เพราะจริงๆแล้วเป็นของที่ขายให้กับชนชั้นสูงเท่านั้น
คุณภาพของเครื่องสำอางต่างกับของชาวบ้านอย่างไรล่ะ ถ้าใช้ของที่มีส่วนผสมของตะกั่วที่ยิ่งใช้ไปผิวจะยิ่งเสีย ต่างกันเพราะเครื่องสำอางนี้สกัดมาจากธรรมชาติและโคลนคุณภาพใช้แล้วผิวจะไม่เสีย
และเป็นชิ้นที่แอนนี่เคยแอบเอาของมิเอลมาทาอยู่สองสามครั้ง บอกว่าเอาเครื่องสำอางชั้นสูงแบบนี้ไปใช้ก็ได้เหรอ นี่เธอฝันอยู่รึเปล่านะ
“สำหรับฉันมันไม่ใช่ของราคาแพงเท่าไหร่หรอก หากไปขอก็ได้มาเพิ่มอีก และการที่ฉันมีคนรับใช้แสนสวยแบบนี้จะได้เป็นหน้าเป็นตาให้ฉันได้อย่างไรล่ะ”
แอนนี่ยังคงดูสับสนอยู่ เพราะถ้าหากไม่ได้เลื่อนขึ้นไปอยู่ในตระกูลชั้นสูงอย่างอาเรียก็ไม่แม้แต่จะได้แตะเลยด้วยซ้ำ จู่ๆเธอกลับได้มันมา
อาเรียช่วยจัดทรงผมแอนนี่ให้เรียบร้อยแล้วหยิบปิ่นปักผมอันเล็กที่อยู่ในห้องแต่งตัว พลางติดลงบนผมของเธอ แม้จะไม่มีเพชรพลอยติดอยู่ที่ปิ่นปักผมแต่ก็มีริบบิ้นสีแดงน่ารักติดอยู่
จากนั้นอาเรียที่พอใจก็เผยยิ้มกว้างพลางลูบแก้มของแอนนี่ด้วยความเอ็นดู
“ถึงจะช้าไปหน่อย แต่ปิ่นปักผมอันนี้ฉันให้เป็นของขวัญในการเป็นข้ารับใช้ของฉันนะ จริงๆ แล้วต้องให้เข็มกลัดทองเหมือนกับเจสซี่นี่นา…”
“…!”
แอนนี่เบิกตาโตขึ้นเพราะคำพูดว่าเข็มกลัดสีทอง เพราะก่อนหน้าถึงจะไม่อยากเห็นเท่าไหร่แต่ก็อดมองไม่ได้อยู่ดี แม้จะได้รับจากอาเรียก็ตาม แต่เธอก็ไม่นึกว่าตนจะได้รับเหมือนกัน จึงเงี่ยหูรอฟังคำพูดต่อไป
“เพราะยังไม่ได้ทำอะไรเลยนี่นา จะให้เหมือนกันไม่ได้สิ เจสซี่น่ะ คอยอยู่ข้างๆ รับใช้ฉันมาตั้งนานแล้ว จึงสมควรที่จะให้ แต่เธอ…”
อาเรียที่ยิ้มอย่างอ่อนโยน ทันใดนั้นแววตาก็แข็งกร้าวขึ้น
“ยังไม่ทำอะไรเลยนี่นา”
“เอ่อ…”
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรดวงตาของแอนนี่สั่นไหวเนื่องจากคำพูดที่เฉียบแหลมนั้น
“เอ่อ.. อย่าเข้าใจผิดไปล่ะ ไม่ได้จะสั่งให้ทำอะไรหรอก ฉันหมายถึงว่าต้องสร้างความเชื่อใจกันก่อน เพราะตอนนี้ไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตามฉันยังรู้จักเธอไม่ดีพอเลยนี่ ใช่ไหมล่ะ”
แน่นอนว่าคำพูดนั้นหมายถึงไม่ต้องทำอะไรนี่นา ทำไมถึงได้ยินเป็นความหมายอื่นกันนะ แม้จะไม่รู้ภาษาแต่เธอก็ต้องพยักหน้าอยู่ดี
อาเรียยิ้มพอใจกับแอนนี่ที่เห็นด้วยอย่างง่ายดายพลางจับมือเธอ ใบหน้าที่ดีใจของเธอดูไร้เดียงสาเหมือนกับเด็กรุ่นเดียวกันกับเธอ
“เอาล่ะ ตอนนี้ก็แต่งตัวเหมือนกับเลดี้ในตระกูลชั้นสูงเรียบร้อยแล้ว มาฝึกมารยาทในงานเลี้ยงน้ำชาดีไหม อีกหน่อยเธอก็ต้องตามฉันไปงานเลี้ยงด้วยนี่นา”
สมกับที่เธอรอคอยจะได้แต่งหน้าอาเรียจึงให้ยืมเสื้อผ้าของเธอด้วย ก่อนหน้านี้ตอนที่เธอยังเป็นชาวบ้านธรรมดาแม้จะซื้อชุดนี้มาจากบูทีค แต่ก็ยังดีกว่าชุดสาวใช้ปกติ
ถึงจะเป็นชุดเดรสที่ไม่ได้ดูดีอะไรนักและแอนนี่ก็สามารถหาซื้อได้ แต่เธอก็แสดงสีหน้าปลื้มใจจนอาเรียลืมสีหน้านั้นไม่ได้เลย
แม้ต้นกำเนิดของทั้งคู่จะต้อยต่ำ แต่อย่างไรก็ตามอีกฝ่ายหนึ่งเป็นชนชั้นสูง การได้ดื่มชากับเจ้านาย รวมถึงได้ลิ้มรสชาที่เจสซี่รินให้ก็เหมือนราวกับว่าเธอได้โลกทั้งใบไปแล้ว
“คิดว่าจะรู้สึกแปลกไปบ้างแต่ก็ดูคล่องอยู่เหมือนกันนะ”
“ขะ.. ขอบคุณค่ะ เลดี้”
จริงๆแล้วแอนนี่ไปฝึกซ้อมอยู่คนเดียวหรือเปล่า เพราะเธอเคลื่อนไหวได้เป็นธรรมชาติมาก แอนนี่ยิ้มรับคำชมของอาเรียด้วยสีหน้าเขินอาย
“แน่นอนว่ายังไม่เพียงพอที่จะไปงานเลี้ยงน้ำชาของเหล่าบรรดาเลดี้ได้หรอกนะ โดยเฉพาะจังหวะข้อมือ มันดูแข็งๆ น่ะ เอาล่ะ ต้องทำแบบนี้”
“เอ่อ…”
แอนนี่มองมือของอาเรียที่ดูสง่างามสลับกับมือของตนที่ดูแข็งทื่อพลางกัดริมฝีปาก เพราะไม่ได้รับการอบรมที่ถูกต้อง เธอแค่สังเกตจากมิเอลและเอามาทำตามเท่านั้นจึงปิดบังความเงอะงะไม่ได้
“ยังไงซะซ้อมกับข้าแบบนี้ไปเรื่อยๆก็จะดีขึ้นเองล่ะ ไม่ว่าอะไรก็ตาม ประสบการณ์สำคัญเสมอนี่นา”
“…เจ้าค่ะ! เลดี้!”
“งั้นวันนี้เธอกลับไปพักผ่อนได้ ไม่มีอะไรต้องให้ทำแล้วล่ะ จะสั่งอะไรแค่เจสซี่คนเดียวก็เพียงพอแล้ว แค่อย่าลืมไปฝึกสิ่งที่ได้เรียนไปวันนี้ก็พอนะ”
จู่ๆ เธอก็แสดงสีหน้าเหมือนทำอะไรผิดเลยโดนเอ็ดมาซะอย่างนั้น อาเรียจึงกระซิบข้างหูว่า ‘ใครจะไปรู้ล่ะ บางทีอาจจะเกิดเหตุการณ์แบบท่านแม่ฉันก็ได้’
“……!”
โต๊ะที่ซ้อมเสร็จแล้วก็ถูกจัดแจงอย่างเรียบร้อย แอนนี่ที่ดีอกดีใจก็หายเข้าไปในห้องของอาเรีย เมื่อนึกถึงใบหน้าที่ต่างไปจากทุกครั้ง อาเรียอดหัวเราะไม่ได้
‘กว่าจะพาตัวมาได้ เรื่องเยอะเสียจริง แต่ก็เป็นเรื่องง่ายตามที่คิดเพราะเธอไม่ได้ใช้แม้กระทั่งนาฬิกาทรายเลย’
แม้จะเป็นในความฝันก็ตามมิเอลจะรู้ความจริงนี้ไหมนะ ความจริงที่ว่าคนรับใช้ที่เธอส่งมาให้ ตกหลุมพรางของเธอจนโงหัวไม่ขึ้น
‘ช่างโง่เขลาเหลือเกิน… ความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริงคงจะทำแกนอนไม่หลับสินะ’
แน่นอนว่าดูจากการกระทำของแอนนี่แล้ว อย่างน้อยการแนะนำตระกูลชั้นสูงเล็กๆ ให้หล่อนไม่ใช่เรื่องยากอะไรนัก ถ้าหากเป็นระดับภรรยาหลวงคงจะยากไป แต่ระดับสนมก็พอจะเอื้อมถึงอยู่
‘อย่างไรก็ตามเลี้ยงแอนนี่ไว้ไปไหนมาไหนด้วยกันน่าจะเป็นเหยื่อล่อที่ดีเลยล่ะ’
ต้นเหตุมาจากที่เธอเคยโดนหลอกจากคนรับใช้ในอดีตจนโดนบั่นหัว
หากจำกัดต้นเหตุไปแล้ว ต่อไปไม่ว่าเธอจะทำอะไร เรื่องนั้นจะไม่เป็นอันตรายกับตนเองแน่นอน
…………………………………