ตอนที่ 1454 ไปขอขมาพี่ข้าซะ

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

ตอนที่ 1454 ไปขอขมาพี่ข้าซะ โดย Ink Stone_Fantasy

หลินซิ่งร่นถอยทำให้ฉินเจิ้งอยู่ในตำแหน่งถูกโจมตีจากทุกด้านรอบทิศไปโดยปริยาย

แรงคุกคามผนวกกับความเร็วเกินบรรยายของเย่หยวนแทบทำเอาเขาเหนื่อยจัดเจียนตาย

“บิดาคนนี้จะสู้กับเจ้าเอง!”

ฉินเจิ้งหาได้ใส่ใจที่หลินซิ่งหนีออกไปแบบนั้น เพราะยามนี้เขาไม่มีเวลามามัวสนใจอย่างอื่น

เขายอมแพ้ต่อกรงเล็บรัตติกาลสังหารแล้ว โดยฉินเจิ้งมุ่งเน้นขุมพลังที่หลงเหลือเพื่อแรงชีวิตกับเย่หยวน!

พลังโจมตีเต็มสูบของเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าขั้นสุด หาใช่สิ่งที่เย่หยวนจะสามารถต้านรับได้ไหว

“กุ้ยหยุน!”

เย่หยวนเปล่งเสียงร้องลั่นเรียกหา กุ้ยหยุนเข้าใจได้ในทันที

กรงเล็บรัตติกาลสังหารเพิ่มความเร็วเป็นทวีเท่า ปลดปล่อยออกไปเพื่อแยกเย่หยวนกับฉินเจิ้งออกจากกัน

แต่นี่ยังไม่จบแค่นั้น สองเท้าเย่หยวนก้าวย่างกระตุกวูบ ขณะที่กรงเล็บรัตติกาลสังหารของกุ้ยหยุนปลดปล่อยออกไปเป็นคำรบสอง

บูมมม!

การโจมตีของฉินเจิ้งกระแทกชนกับกรงเล็บโดยตรง แรงระเบิดที่ก่อเกิดส่งผลให้ร่างเย่หยวนถูกซัดกระเด็นออกไปพร้อมกระอักพ่นเลือดสดออกมาคำโต

“จันทร์…สลาย!”

หยิบยืมกรงเล็บรัตติกาลสังหารมาคอยคุ้มกัน เปิดจังหวะให้เย่หยวนสำแดงใช้จันทร์สลายออกไป

การปะทะชนระหว่างฉินเจิ้งกับกุ้ยหยุนส่งแรงผลักมหาศาล ถีบส่งร่างของเย่หยวน ผนวกกับจันทร์สลายที่ปลดปล่อยออกมาในขณะเดียวกัน ยิ่งส่งเสริมเพิ่มความเร็วของเย่หยวนจนถึงขีดสุด!

เบื้องหน้าทุกคนในตอนนี้เสมือนภาพฉากเบลเป็นเงาซ้อน ทันทีทันใดร่างของเย่หยวนพลันอันตรธานหายสิ้นจากจุดที่ยืนอยู่!

หลิวซิ่งทะยานหนีออกไปไกลกว่าสองร้อยฉื่อ ทว่าทันใดนั้นนางพลันรู้สึกได้ถึงจิตสังหารแห่งดาบที่พุ่งตรงมาจากด้านหลัง ถึงขั้นขนลุกซู่วยันหนังศีรษะทั่วร่างของนาง

เร็วเกินไป!

ตอนนี้หลินซิ่งเร่งหันขวับไปหาเย่หยวน ทว่ากลับไม่มีเวลาผนึกพลังสร้างปราการป้องกันแต่อย่างใด

ระยะสองร้อยฉื่อถือว่าใกล้ชิดเพียงขยับนิ้วต่อหน้าความเร็วของเย่หยวน

ซวบ!

ดาบพิชิตมารฟ้าเสียบทะลวงเข้าไปยังบริเวณช่องท้องของหลินซิ่งโดยตรง!

“อ๊ากกก!!”

หลินซิ่งกรีดร้องเสียงหลงสุดเวทนาจับใจ แกนทะเลจิตวิญญาณของนางถูกทำลายไม่เหลือ พลังปราณเทวะจำนวนมหาศาลไหลบ่าออกมาอย่างบ้าคลั่ง

ในช่วงเวลาขณะนี้เอง พลันเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันหลายฉากเหลือเกิน จนผู้คนมิอาจตอบสนองได้ทันแล้ว

ปฏิกิริยาของเย่หยวนไวแสงเปลี่ยนสีปรับเร็วมาก แม้จะบาดเจ็บหนักแต่ก็ยังประยุกต์กระบวนท่าได้ตามสถานการณ์แม้ถูกโจมตี!

บาดแผลระดับแค่นี้แน่นอนว่าหาได้ร้ายแรงอันใดเลยสำหรับหลินซิ่ง ทว่าตอนนี้นางกลายเป็นคนพิการไปโดยปริยายแล้ว

ทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของหลินซิ่งถูกทำลายไม่เหลือดี ในเวลานี้นางไม่สามารถระดมใช้พลังปราณเทวะได้อีกต่อไป

“พร๊วดด!”

อาการบาดเจ็บของเย่หยวนไม่สามารถระงับทนต่อได้ไหว ยามนี้เขากระอักพ่นโลหิตออกมาไม่หยุดยั้ง

เลือดสดสีแดงย้อนเสื้อผ้าอาภรณ์ของเขาในทันที

ทว่าปัจจุบันนี้ เย่หยวนเปรียบเสมือนเทพสงครามผู้กระหายเลือด ทำคนโดยรอบทั้งหวาดกลัวและเลื่อมใสในเวลาเดียวกัน

ใช้เวลาเพียงเศษเสี้ยวชั่วยาม เย่หยวนสามารถสังหารสามคนและทำให้พิการได้หนึ่งคน

หากไม่เห็นด้วยตาตนเองคงทำใจยากที่จะเชื่อว่า เซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าสามารถสร้างผลงานอันน่าทึ่งขนาดนี้ได้จริงๆ

พวกเขามิอาจสรรหาคำใดมาพรรณนาความเหลือเชื่อนี้ได้เลย

“เย่หยวน! ข้า…ข้าจะฆ่าเจ้า! เจ้า…เจ้ากล้าทำลายการบ่มเพาะพลังของข้าจริงๆ!”

บนถนนทั้งสามสายมีเพียงเสียงกรีดร้องโหยหวนสุดน่าสังเวชของหลินซิ่งเท่านั้นที่ดังขึ้น

ในขณะที่อีกด้านเป็นศึกสัประยุทธ์เดือดระหว่างกุ้ยหยุนและฉินเจิ้ง

การปะทะก่อนหน้าได้สร้างบาดแผลสาหัสให้แก่กุ้ยหยุนเช่นกัน แต่ตอนนี้หากต้องรับมือกับฉินเจิ้งที่สาหัสกว่า พลังเท่านี้นับว่าเพียงพอแล้ว

เย่หยวนเดินโซซัดโซเซตรงไปตรงหน้าหลินซิ่ง เมื่อนางเห็นอีกฝ่ายเดินตรงเข้ามา นางโกรธจัดดวงตาคู่นั้นแทบจะพ่นไฟออกมาได้

“เย่หยวน! เจ้าต้องตายอย่างสยดสยองเกินจินตนาการ! ข้าขอสาปแช่งเจ้า…”

เพี๊ยะ!!

เสียงตบหน้าดังกระหึ่ม ร่างของหลินซิ่งที่นอนกองกับพื้นพลันกระเด็นอีกรอบ

หลินซิ่งในปัจจุบันไร้ซึ่งพลังปราณเทวะมาคอยปกป้องร่างกาย เช่นนั้นนางจะทนต่อฝ่ามือตบของเย่หยวนได้อย่างไร? โดยไปครั้งเดียว หน้าของนางก็บวมปูดเป็นหัวหมูในทันที

สายตาที่จับจ้องของเย่หยวนปราศจากความเมตตาเห็นใจใดๆ แต่นั่นเปี่ยมล้นไปด้วยจิตสังหาร

คล้อยหลังถูกตบหน้าอย่างแรง หลินซิ่งก็ดูเชื่องขึ้นในทันใด

ในที่สุดนางก็รู้แล้วว่า ยามนี้นางหาใช่อัจฉริยะฟ้าประทานอันน่าภาคภูมิอีกต่อไป แต่กลับกลายมาเป็นคนพิการเฉกเช่นเดียวกับเจ้าท้วม

หลิวซิ่งยกมือขึ้นลูบใบหน้าที่ปูดบวมและช้อนสายตามองเย่หยวนทั้งน้ำตา ยามนี้ทั่วร่างสั่นเทาอย่างหนักด้วยความหวาดกลัวที่มีต่อเย่หยวน

ในสายตาของหลินซิ่งในปัจจุบัน เย่หยวนคือฆาตกรใจเหี้ยมที่ฆ่าคนได้ทุกเมื่อ

และเย่หยวนคนนี้ปราศจากความเห็นใจแต่อย่างใด

“ไป! ไปขอโทษพี่ชายข้าซะ!”

จากนั้นเย่หยวนก็กระชากคอเสื้อของนางขึ้น และลากร่างของหลิวซิ่งไปทั้งแบบนั้น

บูมมม!

ในอีกด้าน ฉินเจิ้งถูกกรงเล็บรัตติกาลสังหารกระหน่ำใส่ไม่หยุดหย่อน สภาพยามนี้เรียกได้ว่าตายยิ่งกว่าตาย

ณ ปัจจุบันเหล่าศิษย์ชั้นในระดับแนวหน้าทั้งห้าแห่งสถานศึกษาหวูเมิ่ง ตายสี่และพิการอีกหนึ่ง

และศึกสัประยุทธ์ครั้งนี้ใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งในสี่ชั่วยามเท่านั้น

ทั้งหมดเกิดขึ้นเร็วเกินไป จนตระกูลฉินและสถานศึกษาหวูเมิ่งยังไม่ทันรับรู้ด้วยซ้ำ

“ไป!”

กุ้ยหยุนกลับเข้าไปยังไข่มุกสยบวิญญาณเพื่อพักฟื้นพลัง ในขณะที่เขายังคงลากร่างของหลิวซิ่งเดินกลับไป

บนท้องถนนยามนี้ทุกคนกลับสบตากันไปมาเปี่ยมล้นความตื่นตกใจ

การต่อสู้ในวันนี้ได้ทำลายความเข้าใจเก่าๆของพวกเขาไปโดยสิ้นเชิง

“ข้า…ตอนนี้ข้าคงฝันไปกระมัง! เรื่องเช่นนี้เป็นความจริงหรือนี่! อาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าสามารถทำได้ขนาดนี้เชียว!”

“แข็งแกร่งเกินไป! พวกเขาล้วนเป็นศิษย์ชั้นในระดับแนวหน้าของสถานศึกษา แต่กลับถูกเย่หยวนฆ่าทิ้งภายในเวลาไม่กี่นาที!”

“พลังการต่อสู้ของเย่หยวนไม่เพียงแต่ทรงพลังอย่างมากเท่านั้น แต่สัญชาตญาณการต่อสู้ของเขายังเฉียบคมมาก สามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี พบเจอคู่ต่อสู้ประเภทนี้น่ากลัวที่สุดแล้ว!”

“ศึกในคราวนี้เกินพอแล้วที่จะถูกเขียนลงบนหน้าประวัติศาสตร์! หากไม่เห็นด้วยตาตนเองคงคิดว่าปั้นน้ำเป็นตัวขึ้นมาแน่นอน!”

“แต่เย่หยวนก็ถือได้ว่าสร้างปัญหาระดับวงกว้าง ไม่ว่าจะเป็นสถานศึกษาหวู่เมิ่งหรือตระกูลฉิน พวกเขาไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไปแน่! อาจทำให้ท่านเจ้าเมืองออกโรงด้วยตัวเอง!”

เมื่อฉินเทียนหนานได้ยินข่าวนี้ เขาพลันเคาะหูไปมาทันที สงสัยว่าตัวเองได้ยินอะไรผิดไปหรือไม่?

“ไร้สาระ! มองข้ามฉินเจิ้งกับฉินเป่ยไปได้เลย หลินซิ่งเป็นถึงศิษย์ชั้นในอันดับสองรองจากฉินเทียน ความแข็งแกร่งของเย่หยวนจะไปอยู่ในระดับเดียวกับนางได้อย่างไร? ไอ้บัดซบเย่หยวนทำให้นางพิการ? ไร้สาระสิ้นดี!”

ทว่าสีหน้าการแสดงออกของผู้ใต้บัญชาคนนั้นปราศจากเจตนาโกหกโดยสิ้นเชิง

“ท่านประมุขตระกูล แม้ว่าผู้ใต้บัญชาคนนี้จะใจหาญกล้า แต่ข้าไม่มีทางสร้างเรื่องหรือปั้นน้ำเป็นตัวเช่นนี้แน่นอน! เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงอย่างไม่ต้องสงสัย มีผู้พบเห็นเป็นพยานเป็นผู้คนทั่วทั้งเมือง ยามนี้ลือลั่นไปทั่วทุกมุม!”

เมื่อได้ฟังเช่นนั้น กล้ามเนื้อทั่วใบหน้าฉินเทียนหนานพลันกระตุกไม่หยุด หัวใจเขาคล้ายว่าถูกมีดคมกริบกรีดแทงเข้าไป

แม้ว่าฉินเจิ้งกับฉินเป่ยจะมิได้เก่งกาจเท่าฉินเทียน แต่ความสามารถของพวกเขายังเหนือชั้นกว่าผู้คนในระดับเดียวกันอย่างชัดเจน และในอนาคตต่อไปพวกเขาล้วนเป็นเสาหลักของตระกูลฉิน

ทว่าตอนนี้พวกเขากลับถูกเย่หยวนฆ่าทิ้งจนเกลี้ยง!

ฉินเทียนหนานพลันรู้สึกหวาดกลัวภายในใจ เรื่องราวที่เคยยั่วยุเย่หยวนไป บัดนี้กลับตามสนองตระกูลฉินแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ฉินเทียนเป็นตายร้ายดีอย่างไรกลับไม่ทราบ ส่วนสมาชิกชั้นสูงของตระกูลฉินก็ถูกกำจัดสิ้นซาก ผลกระทบเช่นนี้รุนแรงเกินตระกูลฉินจะทนรับไหว

ฉินเทียนหนานโกรธจัด เขาเอ่ยถามน้ำเสียงเยียบเย็นขึ้นว่า

“ตอนนี้เย่หยวนอยู่ที่ไหน?”

ผู้ใต้บัญชากล่าวว่า

“เย่หยวนทำให้หลินซิ่งพิการและจับนางไปขังไว้ในหอมหาสมบัติ สาเหตุของเรื่องราวทั้งหมดน่าจะเกี่ยวข้องกับเซี่ยะจิ้งอวี๋”

ในฐานะที่เป็นประมุขตระกูลฉิน เรื่องราวของเซี่ยะจิ้งอวี๋ เขาเองย่อมเคยได้ยินโดยธรรมชาติ

ตอนนี้เขาคิดแค่ว่าเย่หยวนต้องตายไปแล้วแน่นอน จึงอนุมัติให้ลงมือกับเจ้าท้วม

แม้นี่จะดูเป็นการทะเลาะเบาะแว้งระหว่างเยาวชน แต่ฉินเทียนหนานก็รู้สึกสะใจแทน คล้ายได้ระบายความแค้นออกไปบ้าง

ซึ่งก่อนหน้านี้ เขาเองก็กำลังคิดเรื่องงานแต่งระหว่างหลินซิ่งกับฉินเทียนพอดี

แต่เขากลับไม่คิดเลยว่า เรื่องเล็กๆ เพียงแค่นี้กลับสร้างผลกระทบอันใหญ่หลวงได้ขนาดนี้จริงๆ!

หลังจากผู้ใต้บัญชาจากไป ฉินเทียนหนานพลันกัดฟันแน่นด้วยความโกรธจัด

“ดูเหมือนว่าเรื่องนี้ข้าไร้ซึ่งทางเลือกอื่นนอกจากเชิญท่านพ่อออกโรง!”

………………………………………………………….