ตอนที่ 1455 สำนึกผิด

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

ตอนที่ 1455 สำนึกผิด โดย Ink Stone_Fantasy

ตุบบ!

เย่หยวนเตะส่งร่างหลินซิ่งกลิ้งกระเด็นลงพื้น ก่อนจะจับลากนางให้อยู่ในท่าคุกเข่า

เบื้องหน้าคนที่นอนอยู่บนเตียงมิใช่ใครอื่นนอกเสียจากเจ้าท้วม เซี่ยะจิ้งอวี๋

“พี่ข้า น้องคนนี้ช่วยแก้แค้นให้ท่านได้สำเร็จแล้ว แม้นข้าต้องทิ้งชีวิต อย่างไรเสียพวกมันก็ต้องอยู่ไม่เป็นสุข! พวกมันทำลายทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของท่าน ในขณะที่ข้าทำลายทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของนังนี่ไปแล้ว! ข้าพานังนี่มาให้มาขอขมาต่อท่าน ชีวิตหรือความตายอย่างไรท่านจงตัดสินด้วยตนเอง!”

เย่หยวนเค้นเสียงเย็นสะท้านเอ่ยกล่าวทีละคำ

อาการบาดเจ็บของเย่หยวนในขณะนี้ไม่เบาเลย แต่นี่หาใช่เวลามานั่งห่วงอาการบาดเจ็บของตน

เขาทราบดีว่าหลังศึกสัประยุทธ์ครั้งใหญ่นี้ คลื่นมวลหนักจักต้องถาโถมเข้าใส่ตำหนักเจ้าเมืองหลวงในไม่ช้าก็เร็ว

ตอนนี้เหลือเวลาไม่มากแล้ว!

หลินซิ่งในปัจจุบันยังเหลือร่องรอยเทพธิดาอันน่าภาคภูมิได้อย่างไร?

นางในตอนนี้ผมเพากระเซอะกระเซิง เสื้อผ้าขาดหลุดรลุ่ยเปื้อนดินเปื้อนทราย ใบหน้าครึ่งหนึ่งบวมช้ำเป็นหัวหมู บริเวณหน้าท้องมีคราบเลือดที่แห้งแล้วสีดำแดงแลดูสยดสยอง

ที่สำคัญที่สุดคือ ความภาคภูมิใจทั้งหมดของนางถูกเย่หยวนทำลายจนหมดสิ้นแล้ว!

เย่หยวนไร้ซึ่งความเมตตาใดๆ ต่อหญิงสาวตรงหน้าเลย ในสายตาของเขานางเป็นเพียงอสรพิษร้าย

“แต่…แต่…”

หลินซิ่งกล่าวน้ำเสียงสั่นคลอนด้วยความกลัว

สีหน้าเย่หยวนมืดทมิฬลง พร้อมสะกดเจ้าท้วมที่อยู่บนเตียงเล็กน้อย

ภาพฉากอันน่าอัศจรรย์พลันบังเกิด จู่ๆ เจ้าท้วมก็ลืมตาตื่นขึ้น

หลินซิ่งที่เห็นแบบนั้นอดตะลึงมิได้ หากย้อนกลับไป เจ้าท้วมนอนสยบไม่ได้สติอีกเลยตั้งแต่ตอนนั้น

จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ตอนนี้เจ้าท้วมจะรอดชีวิตมาได้

เย่หยวนเพียงสะกิดอีกฝ่ายแค่สองสามที เจ้าท้วมก็ตื่นขึ้นมา?

อันที่จริงนี่ต้องยกความดีความชอบให้แก่โอสถเม็ดก่อนหน้าที่ให้กินไป เพียงว่าเจ้าท้วมยังหายใจติดขัดอยู่กลางอก จึงเป็นสาเหตุให้เขายังไม่ได้สติขึ้นมา

เพียงสะกิดให้เจ้าท้วมหายใจได้ราบรื่นขึ้น เขาก็ตื่นขึ้นมาอย่างแช่มช้า

“เจ้าท้วม! พี่ข้า! น้องคนนี้ช่วยล้างแค้นในเจ้าได้แล้ว! นอกเหนือจากหลินซิ่ง ที่เหลืออีกสี่คนล้วนถูกฆ่าสับเป็นเนื้อบดโดยสิ้น! ส่วนนังบ้านี่พิการไม่สามารถบ่มเพาะพลังได้อีกชั่วชีวิต! ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ท่านจัดการ!”

เซี่ยะจิ้งอวี๋ยังคงอ่อนแออย่างมากในเวลานี้ ปฏิกิริยาของเขาค่อนข้างเฉื่อยชาอย่างเห็นได้ชัด

เมื่อได้ยินคำกล่าวของเย่หยวน นัยน์ตาสีเทาที่เลื่อนลอยพลันค่อยๆฟื้นเปล่งประกายขึ้น

ดวงตากลมโตค่อยๆเหลือบมองไปที่ใบหน้าของหลินซิ่ง

ในอดีต แรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเจ้าท้วมเพื่อสอบเข้าสถานศึกษาหวูเมิ่งก็คือ หลินซิ่ง

หลายปีที่ผ่านมา เขาฝึกปรือบ่มเพาะพลังอย่างหนัก ทั้งหมดก็เพื่อทำให้ตนเองเป็นชายที่คู่ควรกับหลินซิ่ง เรื่องนี้มีเพียงตัวเขาเองเท่านั้นที่รู้

ทว่าแท้จริงแล้ว หญิงสาวนางนี้กลับเล่นตลกกับความรู้สึกของเขาโดยไร้ซึ่งความเมตตาใดๆ พร้อมเหยียบย่ำความรู้สึกที่เขามีให้จมดินมิดลงพื้น

หลินซิ่งเหยียบย้ำความภาคภูมิใจทั้งหมดของเขา จนกลายเป็นชายไร้ค่าคนหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เมื่อเขาตื่นขึ้นอีกครั้ง เทพธิดาอันน่าภาคภูมินางนี้กลับกลายมาเป็นหญิงสาวพิการไร้ค่าที่กำลังคุกเข่าตรงหน้าเขา

นี่รู้สึกดั่งว่าตัวเขากำลังฝันไป

เขาปรารถนาภาพฉากเช่นนี้เพียงใดกลับไม่มีใครทราบ!

เจ้าท้วมยามนี้ถึงกับพูดไม่ออก แต่เขาก็ทราบดีอยู่ภายในใจว่า น้องชายสหายรักของเขากำลังหยิบเศษซากชิ้นส่วนที่มีชื่อว่าศักดิ์ศรีของเขาขึ้นจากพื้นและนำมาประกอบใหม่อีกครั้ง!

เมื่อหลินซิ่งเห็นเจ้าท้วมตื่นขึ้นมา นางก็รีบตะเกียกตะกายกอดร่างของเจ้าท้วม พลางเอ่ยทั้งน้ำตาว่า

“อวี๋น้อยของข้า ทั้งหมดเป็นความผิดของซิ่งเอ๋อเอง! ตอนนั้นซิ่งเอ๋อถูกภูตผีเข้าสิง จึงเป็นสาเหตุที่ทำเรื่องบ้าๆเหล่านั้นไป! ในใจข้า…ในใจของข้ามีเจ้าอยู่ตลอด! อวี๋น้อย…พรุ่งนี้พวกเรามาแต่งงานกันเถอะ!”

หลินซิ่งทราบดีว่า ความหวังเดียวที่เหลืออยู่หากนางต้องการมีชีวิตต่อไปคือ การแต่งงานกับเจ้าท้วม

เซี่ยะจิ้งอวี๋ชอบพอนางมาก็หลายปีแล้ว ความรู้สึกที่ฝังลึกอยู่ในใจมันไม่มีทางลบเลือนออกไปได้ง่ายๆ

เย่หยวนมองนางด้วยสายตาสุดน่ารังเกียจ เขาอยากตบปากนางในตายในฝ่ามือเดียว

แต่เขากลับทำเช่นนั้นมิได้ เพราะให้เกียรติในการตัดสินใจของเจ้าท้วมเป็นหลัก ดังนั้นเขาจึงอดทนและไม่ปริปากเอ่ยอันใด

ในช่วงเวลานี้เอง ในที่สุดเจ้าท้วมก็รู้สึกฟื้นตัว

“ทำให้…นาง…หุบปากซะ”

เจ้าท้วมเอ่ยเสียงโรยรินดั่งยุง วาจาเพียงคำที่เปล่งออกมาก็ทำเอาเขาหมดแรงแล้ว

แน่นอนว่าประโยคนี้เขากล่าวกับเย่หยวน

เย่หยวนขมวดคิ้วถักหนาและเอ่ยกล่าวน้ำเสียงเหยียบเย็นขึ้นว่า

“พี่ข้าบอกให้เจ้าหุบปาก ได้ยินหรือไม่?”

สีหน้าการแสดงออกของหลินซิ่งเปลี่ยนไปทันที และไม่กล่าวส่งเสียงใดๆอีกต่อไป

เจ้าท้วมหอบตระหนี่คล้ายเหนื่อยจัดพักใหญ่ และรวบรวมพลังเอ่ยปากอีกครั้งว่า

“ข้ารู้…อยู่แล้วว่า…เจ้าต้องกลับ…มาช่วยข้า…แก้แค้น ฮ่า…ฮ่า…ข้าคิดว่าตาย…แน่ๆ”

เจ้าท้วมมีแรงกล่าวได้แค่ทีละคำสองคำ เห็นได้ชัดว่าสภาพของเขาในขณะนี้เลวร้ายถึงขีดสุด

เย่หยวนกล่าวท่าทีเคร่งขรึมว่า

“มีข้าอยู่ ต่อให้ท่านอยากตาย ข้าก็ไม่ปล่อยให้ตายแน่นอน! เมื่อหายดีแล้ว มาร่ำสุราสักครากันเถอะ!”

ดวงตาของเจ้าท้วมขุ่นมัวไร้แววประกาย เขาทราบดีว่า ต่อให้ตนหายดีกลับมาเดินได้ แต่เขาก็เป็นเพียงคนพิการคนหนึ่งเท่านั้น

เมื่อทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ถูกทำลายลง เขาจึงไม่สามารถบ่มเพาะพลังได้อีกต่อไปแล้วชั่วชีวิต

เช่นนั้น…ชีวิตต่อไปในภายภาคหน้ายังมีความหมายอันใด?

ทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าท้วมถูกทำลาย แตกต่างจากสถานการณ์ที่เย่หยวนเคยประสบโดยสิ้นเชิง ครั้งนั้นทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวนเพียงเสียหายหนักเท่านั้น

หลังจากที่ทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ถูกทำลายลง ต่อให้มีโอสถที่อุดมไปด้วยเต๋าสุดแกร่งกล้าเพียงใด แต่นั่นก็ไม่สามารถทำให้เขาฟื้นตัวได้เช่นกัน

เย่หยวนกัดฟันแน่นกล่าวว่า

“เจ้าท้วม ท่านเชื่อใจข้าหรือไม่?”

เจ้าท้วมตัวแข็งค้างอยู่พักหนึ่งก่อนพยักหน้าตอบเล็กน้อย

เย่หยวนกล่าวต่อว่า

“ดี! เช่นนั้นวันนี้ น้องคนนี้ขอสัญญากับท่าน ข้าจะหาวิธีทำให้ทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของท่านกลับมาใช้งานได้ดังเดิมในสักวัน!”

เจ้าท้วมมองไปทางเย่หยวนด้วยความประหลาดใจ ภายในใจเต็มไปด้วยคำถาม

มิใช่แค่เขาเท่านั้น แววดูถูกเหยียดหยามพลันสาดสะท้อนออกมาจากในดวงตาของหลินซิ่งเช่นกัน นางรู้สึกว่า เย่หยวนอวดอ้างคุยโม้เกินไป

ทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ถูกทำลายไปแล้ว เช่นนั้นจะซ่อมแซมให้ใช้งานได้อย่างไร?

ยิ่งไปกว่านั้นเย่หยวนจะรอดชีวิตจากวันนี้และต่อไปได้หรือไม่ เรื่องนี้กลับมิทราบ!

เขาฆ่าสมาชิกตระกูลฉินไปถึงสี่คน มีหรือที่ตระกูชลฉินจะนิ่งเฉย?

“ข้าเชื่อเจ้า!”

เจ้าท้วมยังคงกล่าวตอบน้ำเสียงจริงจัง

เขาทราบดีว่าเย่หยวนกำลังปลอบใจเขาเท่านั้น เพื่อให้เขากลับมามีแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตอีกครั้ง

แม้การปลอบจะดูเกินจริงไปมาก แต่นั้นก็ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นใจนัก

เย่หยวนพยักหน้าและกล่าวว่า

“แล้วในจัดการกับนังนี่อย่างไร?”

เจ้าท้วมเหลือบมองหน้าหลินซิ่งเล็กน้อยและเอ่ยกล่าวพลางถอนหายใจว่า

“ข้า…ไม่อยาก…เจอนางอีกแล้ว!”

ทั่วร่างกายของนางสั่นสะท้าน สีหน้าเผยถึงความอิ่มเอมปีติใจ

ต่อวาจาประโยคนี้ของเจ้าท้วม นางทราบทันทีว่า อีกฝ่ายยังมีจิตเมตตาไว้ชีวิตนาง

แม่ตอนนี้นางจะพิการ แต่ก็ยังดีกว่าต้องตายไป

เย่หยวนถอนหายใจเล็กน้อยพลางคิดกับตนเองไปว่า เจ้าท้วมใจดีเกินไปหน่อย

ความรู้สึกชอบกว่าหลายปีคงไม่ง่ายที่จะปล่อยทิ้งไปในท้ายที่สุด

“ไสหัวไป!”

เย่หยวนตะโกนไล่ตะเพิดนาง

“แน่นอน แน่นอน ข้า…ข้าจะรีบไสหัวไปเดี๋ยวนี้!”

หลินซิ่งคลานเข่าตะเกียกตะกายออกจากเรือนพักทันที

เย่หยวนถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนกล่าวว่า

“ตอนนี้ร่างกายของเจ้ายังอ่อนแอมาก พักผ่อนให้มากเถอะ”

เจ้าท้วมพยักหน้าเล็กน้อย เขาเหนื่อยมามากแล้ว

เย่หยวนประคองร่างเขาให้นอนลง จากนั้นเจ้าท้วมก็หลับไป

หลินซิ่งตะเกียกตะกายออกไปจากหอมหาสมบัติโดยไม่สนใจอาการบาดเจ็บใดๆ นางวิ่งและวิ่งหนีออกมาอย่างเร่งรีบ นางต้องหารออกจากสถานที่สุดเลวร้ายนี้โดยไวที่สุด

ซึ่งเบื้องหน้าทัพศึกตระกูลฉินก็มาถึงประจันหน้าหอมหาสมบัติแล้วเช่นกัน หลินซิ่งที่เห็นดังนั้นก็ระเบิดหัวเราะอย่างบ้าคลั่งและกล่าวว่า

“ฮ่าๆๆ เย่หยวน วันนี้เจ้าได้ตายแน่!”

แต่ทันใดนั้นเสียงชืดเย็นพลันดังขึ้นจากด้านหลังของนาง

“ไม่ว่าข้าจะตายหรือไม่อย่าได้กังวล แต่เจ้าได้ตายแน่นอน!”

“พร๊วดดด!”

หลินซิ่งยังไม่ทันได้ตอบสนองใดๆ ศีรษะของนางก็ถูกฝ่ามือเย่หยวนตบใส่จนระเบิดเป็นเลือดกลิ่นคาวฟุ้งกระจายพัดหายไปกับสายลม…

……………………………………………………………