บทที่ 1490 – พระราชวังทะเลราชันย์ เมืองหลินห่าย ประสบความสำเร็จในการปรุงยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 6

สถานที่หลายแห่งถูกห้อมล้อมไว้ด้วยฤดูหนาว หิมะขาวปกคลุมทุกสิ่งทุกอย่าง ท้องฟ้าที่นี่ไม่มืดสลัว ดวงอาทิตย์ยังคงฉายแสงลงมา แต่มันก็เพียงให้ความร้อนนิดหน่อย มันช่วยให้ผู้คนรู้สึกอบอุ่นในจิตใจ

สภาพธรรมชาติในโลก 9 มหาทวีปเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมาก ที่นี่มีหลายสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ความหนาวเย็นของที่นี่มากเกินกว่าที่ชิงสุ่ยคาดเอาไว้

จักรววรดิหิมะนิรันดร์เป็นชื่อที่เหมาะสมอย่างแท้จริง

“น้องชาย พวกเราไม่ได้รีบร้อนอะไร หากเจ้ามีจุดหมายใดก็ขอให้บอกมาเถอะ!” หลางซวนบอกชิงสุ่ยเมื่อเข้าสู่จักรววรดิหิมะนิรันดร์

“ที่นี่เป็นทิศใต้สุดของจักรววรดิหิมะนิรันดร์ กลุ่มอำนาจต่างๆและเมืองหลวงอยู่ทางทิศเหนือ เจ้าต้องการให้ข้าไปส่งที่นั่นหรือไม่?” เขากล่าวต่อก่อนจะมอบแผนที่ให้กับชิงสุ่ย

ชิงสุ่ยเปิดดูแผนที่ของจักรววรดิหิมะนิรันดร์ มันมีรายละเอียดค่อนข้างมาก เช่นเดียวกับในโลก 9 มหาทวีป แผนที่เป็นสิ่งของที่ล้ำค่ามาก หลังจากที่มองดูสักครู่ เขาไม่ได้ปฏิเสธและรับแผนที่ไป มันจะเป็นประโยชน์และสำคัญเมื่ออยู่ในจักรววรดิหิมะนิรันดร์

“เช่นนั้นข้าต้องขอบคุณท่าน!”

“ไม่จำเป็นต้องสุภาพ ข้ายินดีช่วยเจ้าแม้ต้องเอาชีวิตเข้าแลก” ถึงแม้ว่าหลางซวนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น

“ตกลง พวกท่านไปกันเถอะ ข้าจะอยู่ที่จักรววรดิหิมะนิรันดร์สักพักหนึ่ง บางทีพวกเราอาจได้พบกันอีกที่เมืองหลวง” ชิงสุ่ยไม่ได้ถามถึงที่อยู่ของหลางซวน เนื่องจากเขาไม่ได้บอกชิงสุ่ย เช่นนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องถาม

หลางซวนและภรรยากล่าวอำลา กลุ่มของชิงสุ่ยมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือ เขายังไม่มีเบาะแสใด แต่เขารู้ดีว่าอีเย่เจี้ยนเก้ออยู่ในจักรววรดิหิมะนิรันดร์มานานกว่า 1 ปีแล้ว นี่เป็นการบอกเล่าจากเสวี่ยนั่ว

“ตอนนั้นเจี้ยนเก้อไม่ได้บอกเจ้าว่านางมาทำอะไรในจักรววรดิหิมะนิรันดร์หรือ?” ชิงสุ่ยมองไปที่เสวี่ยนั่ว เขาหวังว่าจะได้รับคำบอกใบ้เพื่อนำไปสู่การเพิ่มความหวังในการตามหาตัวเธอ

“อืม ข้าจำได้ว่าพี่สาวกล่าวถึงบางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับการไปที่พระราชวังทะเลราชันย์” เสวี่ยนั่วพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น

ชิงสุ่ยตกตะลึง บางทีเสวี่ยนั่วอาจไม่เข้าใจความหมายของสิ่งที่เธอบอก แต่ชิงสุ่ยเข้าใจมันทันที ตอนแรกอีเย่เจี้ยนเก้อจากไปเพราะสัตว์อสูรผลึก 7 เศียรซึ่งตอนนี้กลายเป็นสัตว์อสูรผลึก 9 เศียร

อีเย่เจี้ยนเก้อและสัตว์อสูรผลึก 9 เศียรได้รับมรกดบางอย่างภายในสถานที่อันแปลกประหลาด ขณะที่ตอนนี้เสวี่ยนั่วบอกว่าเธอจะไปที่พระราชวังทะเลราชันย์

ชิงสุ่ยคิดว่าอีเย่เจี้ยนเก้อน่าจะไปที่พระราชวังทะเลราชันย์เพื่อทำอะไรบางอย่าง เพราะเธอได้รับมรดกมา แต่เขาก็ทิ้งความคิดเหล่านั้นไว้ชั่วคราว เนื่องจากการค้นหาตัวเธอเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

“พระราชวังทะเลราชันย์น่าจะอยู่ในจักรววรดิหิมะนิรันดร์ใช่หรือไม่!” ชิงสุ่ยถามอย่างสงสัย

“ข้าพอจะรู้เรื่องอยู่บ้าง พระราชวังทะเลราชันย์สามารถพบได้ในแดนทะเลน้ำเเข็ง มันไม่ได้เป็นอาณาเขตของจักรวรรดิใด แต่พื้นที่ส่วนใหญ่ของทะเลน้ำแข็งอยู่ภายในจักรววรดิหิมะนิรันดร์” เสวี่ยนั่วกล่าวอย่างเร่งรีบ

ชิงสุ่ยคิดถึงแผนที่ของหลางซวน เขารีบนำมันออกมาและค้นพบทะเลน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ชื่อว่าแดนทะเลน้ำเเข็ง

เสวี่ยนั่วอธิบายถึงสิ่งที่รู้และข่าวลือของทะเลน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว ผู้ปกครองสูงสุดของแดนทะเลน้ำเเข็งเป็นพระราชวังทะเลราชันย์ ข่าวลือบอกว่ามีกลุ่มอำนาจก่อตัวขึ้นภายในพระราชวังทะเลราชันย์ซึ่งไม่ได้มีแค่มนุษย์ แต่ยังมีอสูรอมตะนิรันดร์ด้วยเช่นกัน พวกมันบางส่วนมีลักษณะนิสัยเหมือนมนุษย์ ส่วนรูปร่างหน้าตาก็ยังเป็นสัตว์อสูร

ชิงสุ่ยไม่ได้ตกใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้ อสูรอมตะนิรันดร์นั้นฉลาดเพียงพอที่จะพูดได้ นี่เป็นโลกที่ต่างไปจากช่วงชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา

“ตอนนี้พวกเราจะไปที่ไหนกันดี? แดนทะเลน้ำเเข็งหรือ?” หยินต่งถาม

“ลองไปเมืองที่อยู่ใกล้กับแดนทะเลน้ำเเข็งและตัดสินใจหาที่พักก่อนเพื่อวางแผน แดนทะเลน้ำเเข็งอาจไม่ได้อยู่ในที่ซึ่งเราสามารถก้าวเข้าไปได้ พวกเราควรจะไปดูก่อนแล้วค่อยหารือเกี่ยวกับแผนต่างๆ” ชิงสุ่ยครุ่นคิดก่อนที่จะตอบ

“อืม พระราชวังทะเลราชันย์ในแดนทะเลน้ำเเข็งนั้นทรงพลัง พวกเขากีดกันคนภายนอกที่จะเข้าไป แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้อยู่ภายใต้กลุ่มอำนาจใดก็ตาม แต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะเป็นปฏิปักษ์กับพวกเขา ผู้ที่บุกรุกเข้าไปในแดนทะลน้ำแข็งจะไม่ได้พบกับจุดจบที่ดี” เสวี่ยนั่วกล่าวราวกับว่าเธอกลัวที่จะเข้าไปในแดนทะเลน้ำเเข็ง

ชิงสุ่ยจ้องมองแผนที่และพบเมืองที่อยู่ใกล้ที่สุดกับแดนทะเลน้ำแข็งที่ชื่อว่าเมืองหลินห่าย

หลังจากกำหนดเป้าหมาย พวกเขาก็รีบมุ่งหน้าไปยังเมืองหลินห่าย แต่ด้วยความกว้างใหญ่ของจักรววรดิหิมะนิรันดร์ การเดินทางในครั้งนี้จึงใช้เวลานาน แม้ว่าชิงสุ่ยจะใช้ทักษะย่างก้าว 9 เทวาก็ตาม

สถานการณ์ก่อนหน้านี้กับตอนนี้ต่างกันโดยสิ้นเชิง เนื่องจากพวกเขาได้เบาะแสมาบ้างแล้ว อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ยังคงต้องใช้เวลาเกือบเดือนสำหรับการเดินทางไปถึงเมืองหลินห่าย

ระหว่างทางไปเมืองหลินห่าย พวกเขาได้แวะตามสถานที่ต่างๆ แต่มันก็เป็นแค่ช่วงสั้นๆ เสวี่ยนั่วและหลินเฟ่ยใกล้ชิดกันมากขึ้น

เสวี่ยนั่วได้เริ่มพูดคุยกับชิงสุ่ยในฐานะพี่ชายของเธอ เขาเป็นคู่สมรสของพี่สาวเธอ เธอจึงทำตัวเหมือนน้องสาวตัวน้อยๆต่อหน้าชิงสุ่ย เสวี่ยนั่วถือว่าชิงสุ่ยเป็นเหมือนญาติพี่น้องและมองว่าเขาเป็นคนดีคนหนึ่ง

ทันใดนั้นพวกเขาก็พบโรงเตี๊ยมและจัดการเข้าที่พักเพื่อพักผ่อน จากการเดินทางอย่างต่อเนื่องทำให้พวกเขาเกิดความเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ

สำหรับชิงสุ่ย เขารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นและไม่เหนื่อยล้า เขาใช้เวลาทุกวันอยู่ในดินแดนหยกยุพราชอมตะโดยปราศจากการพักผ่อนอยู่แล้วเป็นประจำ

เมื่อเข้าสู่ดินแดนหยกยุพราชอมตะ วันนี้ชิงสุ่ยตัดสินใจที่จะปรุงยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 6

มันนานมากแล้วตั้งแต่ที่เขาได้ปรุงยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 5  และตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะถึงเวลาที่เหมาะสม ดังนั้นชิงสุ่ยจึงตัดสินใจที่จะปรุงยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 6 ถ้าเขาประสบความสำเร็จ เขาจะเตรียมตัวปรุงยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 7 ต่อไป

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ สติของเขาก็พุ่งไปถึงระดับสูงสุดและพร้อมสำหรับการปรุงยา ชิงสุ่ยต้องปรุงยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 6 ก่อนที่จะคิดถึงสิ่งอื่น ตอนนี้เป้าหมายของเขาคือการเก็บสะสมและเตรียมยาเหล่านี้ให้มากพอสำหรับความต้องการของคนในตระกูลที่มากขึ้น

ชิงสุ่ยคุ้นเคยกับการปรุงยาเป็นอย่างดีจนถึงจุดที่ว่าสามารถทำมันได้โดยปิดตาอยู่ อย่างไรก็ตามยาที่เขาได้มาเมื่อเร็วๆนี้มีความต้องการวัตถุดิบที่สูงมากและความล้มเหลวก็สูงตามไปด้วย

ความล้มเหลวมักทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกเจ็บปวดในหัวใจ แต่เขาก็ยังพอที่จะรับไหวถึงแม้จะไม่เต็มใจก็ตาม เนื่องจากวัตถุดิบบางอย่างมีปริมาณที่จำกัด

หลังจากเตรียมพร้อม ชิงสุ่ยได้ไหลเวียนเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลและปรับสมดุลพลังของเขา จากนั้นเขาก็หยิบวัตถุดิบที่เตรียมเอาไว้เช่น ฤดูใบไม้ผลิแห่งชีวิต น้ำที่แช่อยู่ในศิลาพระพุทธองค์ศักดิ์สิทธิ์ หญ้าอสรพิษทองคำ…

แม้ว่าขั้นตอนการปรุงเรียบๆและน่าเบื่อ แต่เฉพาะชิงสุ่ยเท่านั้นที่บอกได้ถึงความยากลำบากของการกระทำนี้ มันต้องใช้สมาธิทั้งหมดจดจ่ออยู่ตรงนั้น เขาใช้การรับรู้ทางจิตวิญญาณเพื่อสังเกตการเปลี่ยนแปลงของตัวยา

ชิงสุ่ยไม่กล้าที่จะขยับทำอะไรอย่างโง่เขลา หนึ่งวันผ่านไป สองวันผ่านไป

ปัง!

ฝาหม้อยาเปิดออกในวันที่ห้า แต่เป็นอีกครั้งที่หม้อยาไม่ได้รับความเสียหาย เนื่องจากมันเป็นหม้อกลั่นยาเหล็กทองคำประกายเพลิงที่ไม่ใช่หม้อธรรมดา เช่นนั้นมันจึงไม่เป็นอะไร

เขาเคยคิดถึงช่วงเวลานี้หลายครั้ง มันแทบไม่มีความหวังสำหรับความสำเร็จในการทดลองครั้งแรก  5 วันของเขาหายวับไปอย่างสิ้นเชิงด้วยความล้มเหลว ในแง่บวกมันเป็นการสะสมประสบการณ์เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ

โดยไม่รู้ตัว สองเดือนได้ผ่านไปแล้ว แต่ชิงสุ่ยยังคงปรุงยาอยู่ เขาได้มาถึงขั้นตอนสุดท้าย แต่มันก็ยังล้มเหลว

ชิงสุ่ยหยุดพัก เขาเอนกายลงบนพื้น ใคร่ครวญตามปกติ สำหรับการล้มเหลวในขั้นตอนสุดท้ายเป็นผลมาจากสมุนไพรต่างๆยังไม่เพียงพอหรือข้อบกพร่องบางอย่างในระหว่างการปรุงยา อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยได้พยายามใช้วิธีการปรุงที่ดีที่สุดที่เขาทำได้ แต่มันก็ไม่มีประโยชน์

อย่างไรก็ตามยังมีวิธีการผสานเข้ากันตามธรรมชาติของตัวยา แต่มันถือว่าเป็นวิธีที่แย่ที่สุด แม้ว่ามันจะทำให้คุณสมบัติของตัวยาออกมาดี แต่อัตราความสำเร็จถือว่าต่ำ ดังนั้นด้วยยาที่มีค่าเหล่านี้ นักปรุงยาจึงลังเลที่จะใช้วิธีผสานเข้ากันตามธรรมชาติ อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยตัดสินใจที่จะลองใช้มัน

ติ่ง!

เสียงอันชัดเจนดังขึ้นและชิงสุ่ยก็ตกตะลึง เขารู้สึกเบิกบานใจ

โดยไม่คำนึงถึงความเมื่อยล้า เขาเปิดฝาหม้อยาในทันที มียาอยู่เพียง 2 เม็ด มันส่องประกายสีทองอยู่ที่ก้นหม้อยา มันช่างน่าประหลาดใจที่ได้รับยาถึง 2 เม็ดจากการปรุงครั้งแรก เขาใช้เคล็ดวิชาเบิกเนตรสวรรค์เพื่อดูคุณสมบัติของมัน

ยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 6!

คุณสมบัติ : เสริมสร้างร่างกาย เพิ่มพลังทางกาย 10 สุริยาหรือพลังโดยรวม 1,000 สุริยา ช่วยเสริมพลังให้กับจุดตันเถียน เส้นลมปราณ และอวัยวะภายใน มีผลมากขึ้นสำหรับผู้ที่มีร่างกายพิเศษ