บทที่ 1491 –เมืองหลินห่าย

ชิงสุ่ยมองไปที่ยาสวรรค์หยางระดับหกในมือตอนนี้ มันมีประสิทธิภาพที่มากกว่ายาเม็ดสวรรค์หยางระดับ5อย่างเห็นได้ชัด เพียงมันหนึ่งเม็ดก็สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้ถึง 10สุริยา ต่างกับยาเม็ดสวรรค์หยางระดับ5ที่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นมาได้เพียง3สุริยาเท่านั้น

ถึงอย่างไรมันก็เป็นเรื่องยากที่จะกลั่นมันออกมา เพียงเฉพาะยาเม็ดสวรรค์หยางระดับ5 ก็มีจำนวนน้อยกว่ายาเม็ดสวรรค์หยางระดับ4 ถึง3เท่าแล้ว ซึ่งยาเม็ดสวรรค์หยางระดับ6 ก็มีน้อยกว่ายาเม็ดสวรรค์หยางระดับ5ถึง4เท่าในตอนนี้ มันยังเป็นเรื่องลำบากในการกลั่นมันออกมา

แม้ว่าปกติชิงสุ่ยจะมีโอกาสอย่างมากในการกลั่นยาเม็ดต่างๆออกมา แต่ถึงอย่างไรมันก็ยังมีข้อจำกัดในเรื่องสมุนไพรที่เขามีอยู่ในตอนนี้

ดังนั้นชิงสุ่ยจึงได้หยุดกลั่นยาออกมาในช่วงสองสามวันมานี้ นั้นเพราะเขาไม่มีสมุนไพรมากพอในการกลั่นยาเม็ดสวรรค์หยางระดับ6 แต่ถึงอย่างไรก็ตามจำนวนที่เขามีในตอนนี้มันก็มากพอที่เขาจะสามารถใช้มันได้เป็นระยะเวลาหนึ่ง

ยิ่งไปกว่านี้สำหรับยาเม็ดสวรรค์หยางระดับ6 เป็นอะไรที่อัศจรรย์อย่างมาก มันเป็นยาที่ทรงพลังอย่างมาก นอกจากนี่มันยังมีผลเฉพาะแตกต่างตามแต่ละบุคคลอีกด้วย ในขณะที่คนที่มีความสามารถจะสามารถดูดซับมันได้จะได้ทำให้ความแข็งแกร่งของพวกเขาเพิ่มขึ้นได้อีก 2ถึง3เท่า นั้นหมายความว่ายาเม็ดสวรรค์หยางระดับ6จะสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้แต่ละคนได้สูงสุดถึง 20 30สุริยา และมีขอจำกัดที่น้อยที่สุดอยู่ที่10สุริยา นี่เป็นคนที่ชิงสุ่ยไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยก่อนที่เขาจะกลั่นมันออกมาได้

ชิงสุ่ยคาดไว้ว่ายาเม็ดสวรรค์หยางระดับ6จะหมดไปในเวลาเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น แต่ก็เพียงพอที่เขาจะเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นไปอีก1000สุริยาเรียบร้อยแล้ว

ในตอนนี้ชิงสุ่ยมีความแข็งแกร่งอยู่ประมาณ400สุริยาเท่านั้น มันจึงทำให้เขาดีใจอย่างมากที่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นมาได้อีกครั้งละไม่ต่ำกว่า 20สุริยา และมันเป็นสิ่งที่เขาพอใจอย่างมาก

ในตอนนี้ชิงสุ่ยค่อยล้างตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนที่จะออกมาจากดินแดนหยก ในตอนนี้มันก็เป็นเวลาเช้าเรียบร้อยแล้ว

เมื่อเห็นว่าชิงสุ่ยเดินออกมาจากห้องหยินต่งได้บอกคนอื่นๆให้นำอาหารไปให้เขา ถึงแม้ชิงส่ยจะไม่จำเป็นที่จะต้องกินอาหารทุกมื้อ แต่มันเป็นความรู้สึกและความเคยชินของมนุษย์เรา นอกจากนี้มันก็ยังเป็นการเติมเต็มพลังก่อนที่จะเริ่มสิ่งใหม่ๆอีกด้วย

“วันนี้พวกเราจะทำอะไรรึ?”หยิน ต่งถามชิงสุ่ย

“เราจะไปยังแดนทะเลน้ำแข็ง”ในที่สุดชิงสุ่ยก็หมดความอดทนและต้องไปสำรวจมัน

จักรวรรดิหิมะนิรันดร์นั้นเป็นสถานที่ๆเต็มไปด้วยข่าวลือว่ามีผู้บ่มเพาะที่อยู่ในจุดสูงสุดของขั้นบัญชาสวรรค์พินาศอาศัยอยู่และยังเป็นจักรวรรดิที่ถูกขนานนามว่าเป็นจักรวรรดิที่ทรงพลังเช่นเดียวกับพระราชวังทะเลราชันย์

อีกอย่างหนึ่งชิงสุ่ยนั้นต้องการที่จะสืบหาเกี่ยวกับอีเย้ เจี้ยนเก้อมันจึงทำให้เขาได้ตัดสินใจที่จะไปยังสถานที่แห่งนั้น นี่ก็เป็นเวลานานแล้วที่เขาไม่ได้ยินข่าวของเธอเลย มันทำให้ความอดทนของเขาแทบจะไม่เหลืออยู่

ในตอนแรกชิงสุ่ยสงสัยว่าอีเย้เจี้ยนเก้ออาจจะส่วนเกี่ยวข้องกับพระราชวังทะเลราชันย์ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ดีกับเขา แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่อาจจะวางใจได้

ในตอนนี้ไม่มีใครที่คิดจะขัดขวางเขา มันทำให้ชิงสุ่ยจึงได้ออกเดินทางไปยังแดนทะเลน้ำแข็งในทันที ตลอดเส้นทางอากาศค่อยๆหนาวขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่เขาได้มุ่งเดินขึ้นไปทางเหนือ

เมืองหลินห่าย เป็นเมืองที่สำคัญอย่างมากทางตอนเหนือขอทวีปแห่งนี้และมันก็เป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิหิมะนิรันดร์

อาคารและบ้านเรือนของที่แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาจากน้ำแข็งโดยทั้งหมด แม้แต่ก้อนหินยังถูกแช่งแข็งได้อย่างง่ายดาย มันเป็นเรื่องยากอย่างมากที่จะหาพื้นดินให้พบในสถานที่แห่งนี้

แดนทะเลน้ำแข็ง

ในเวลาอันสั่นชิงสุ่ยก็มาถึงจุดมุ่งหมายอย่างรวดเร็ว เมื่อเขามาถึงที่แห่งนี้ชิงสุ่ยตกตะลึงอย่างมาก

นั้นเพราะมันเป็นทะเลที่ได้แข็งเป็นน้ำแข็งดังชื่อของมัน นอกจากนี้ที่แห้งนี้ยังเต็มไปด้วยเรือขนาดใหญ่มากมาย เรียงรายกันอยู่ ส่วนมากจะเป็นเรือของชาวบ้านในแถบนี้เกือบทั้งหมด และทั้งหมดก็เป็นเรือหาปลาโดยทั้งสิ้น

แต่แน่นอนจักรวรรดิแห่งนี้มาได้ดำรงอยู่ด้วยการหาปลาเท่านั้นยังมีพืชบางชนิดที่หายากที่ต้องอาศัยอยู่ในอุณหภูมิที่ต่ำในการเติบโตอยู่ นอกจากนี้ก็ยังมีสมบัติมากมายที่หลับใหลอยู่ในท้องทะเลที่ลึกๆลงไป เช่นเดียวกับทวีปทั่วๆไปที่แห่งนี้ยังเต็มไปด้วยสัตว์ร้ายเช่นเดียวกัน

ในขณะที่ชิงสุ่ยมองเข้าเขาพบว่ามีพื้นที่คล้ายเกาะขนาดใหญ่มันเป็นที่ตั้งของพระราชวังทะเลราชันย์ ซึ่งมันเต็มไปด้วยความมั่งคั่งและสง่างามต่างกับ กลุ่มเรื่อที่อาศัยอยู่ท้องทะเล

ถึงอย่างไรพระราชวังทะเลราชันย์ก็เป็นสถานที่ๆลึกลับอย่างมาก พวกเขามีกลุ่มเรือของเขาเองที่ใช้ในการออกล่าในทะเลน้ำแข็ง ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังเป็นคนของจักรวรรดิหิมะนิรันดร์อีกด้วย ทำให้พวกเขามีความสามารถมากพอที่จะออกสำรวจแดนทะเลน้ำแข็งในส่วนลึกๆ ซึ่งเป็นที่คนทั่วๆไปไม่อาจเข้าไปได้

มันเป็นสิ่งที่ชิงสุ่ยสามารถเข้าใจได้ แม้แต่ชิงสุ่ยเองก็ยังรู้ตัวว่าเขาอาจจะไม่สามารถเข้าไปในดินแดนแห่งนั้นได้แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งอย่างปัจจุบัน

ในตอนนี้ชิงสุ่ยไม่ได้สนใจในเรื่องนี้ เขามุ่งเน้นไปที่กาเพิ่มความแข็งแกร่งของเขาก่อนที่จะเข้าไปพบเจอกับคนของพระราชวังทะเลราชันย์

ชิงสุ่ยได้ตัดสินใจที่จะพักอยู่ที่รอบๆนอกใกล้ๆกับชายหาด นอกจากนี้มันยังเป็นที่รวมตัวของผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งและนักเดินทางมากมาย

ความจริงเมืองหลินห่ายเคยเป็นเมืองหลวงมาก่อน แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างมันจะถูกได้ย้ายไปที่ส่วนอื่นของเกาะ

ครึ่งวันผ่านพ้นไปอย่าราบลื่น แทบไม่มีใครที่จะสนใจในตัวของเขาเลย เนื่องจากทุกๆคนก็มีหน้าที่ของตัวเองจึงไม่มีใครสนใจอะไรกับสิ่งอื่นๆ เช่นเดียวกับมดที่รู้และทำตามหน้าที่ของมันเท่านั้น

ในตอนนี้ชิงสุ่ยไม่ได้สนใจมากนักก่อนที่จะเริ่มเดินต่อ

ถนนหลินห่าย!

แม้ว่าถนนหลินห่ายจะเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนทะเลน้ำแข็ง  แต่มันก็ค่อนข้างที่จะห่างไกลกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้มันก็ยังอยู่สูงเหนือระดับน้ำทะเลกว่าร้อยเมตรและห่างออกไปกับตัวทะเลถึง 1000กิโล

ที่แห่งนี้เต็มด้วยผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งอย่างมาก สายตาของพวกเขาแตกต่างออกไปจากชาวบ้านโดยสิ้นเชิง

ผู้บ่มเพาะของที่แห่งนี้จัดได้ว่าเป็นผู้บ่มเพาะที่ได้รับการคัดสรรโดยธรรมชาติ เนื่องจากต้องทนจะสภาพอาการที่ย้ำแย่ แต่เต็มไปด้วยพลังปราณสวรรค์ที่บริสุทธิ์ทำให้พวกเขาแข็งแกร่งว่าผู้บ่มเพาะทั่วไป

ในตอนนี้ชิงสุ่ยมองหาบ้านสำหรับพักแต่ก็ไม่มีที่แห่งไหนถูกใจเขา เนื่องจากที่แห่งนี้มีแต่บ้านหลังเล็กๆเพียงแค่พออยู่อาศัยแต่มันก็ไม่เพียงพอที่จะใช้เป็นร้านขายยาของเขา

ในตอนนั้นเอง เสียงที่เย่อหยิ่งได้ดังขึ้น

“คุณชายดูจากเสื้อผ้าของพวกท่านแล้ว ดูเหมือนว่าท่านจะไม่ใช่คนของที่แห่งนี้ใช่หรือไม่ ยิ่งสาวงามที่อยู่ข้างๆท่าน ข้าก็ไม่เคยพบเห็นพวกนางมาก่อนเลย?”ชิงสุ่ยสามารถรู้ได้ทันทีว่าเสียงที่กล่าวออกมากำลังหมายถึงพวกเขาในตอนนี้ ชิงสุ่ยจึงได้ตัดสินใจหันไปมองที่ต้นกำเนิดของเสียงดังกล่าว

ในตอนนี้ชิงสุ่ยได้แต่ถอนหายใจออกมา “ในที่สุดสิ่งที่ต้องเจอก็ออกมาแล้ว”ทุกครั้งที่ชิงสุ่ยเดินทางไปไหนเขามักพบเจอกับคนที่เย่อหยิ่งและหลงใสในตัวเองเสมอ มันจึงกลายเป็นเรื่องแกติสำหรับเขาไปแล้ว

ในตอนนี้กลุ่มคนกว่า20คนได้ล้อมกลุ่มของชิงสุ่ยเอาไว้

ชายผู้นำของคนเหล่านี้คือฮั่ว  อิงจ้าว เขาเป็นบุตรคนที่สองของตระกูลฮั่วแห่งเมืองหลินห่าย เขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์อย่างมากในการบ่มเพาะ แต่กลับมีนิสัยเลวทรามจนได้รับฉายาผู้นำแห่งกลุ่มขยะแห่งเมืองหลินห่าย

นอกจากนี้เขายังมีชื่อเสียงที่แย่อย่างมาก ในด้านผู้หญิง แม้ว่าใบหน้าของเขาจะดูงดงามคล้ายกับผู้หญิงแต่เขากลับมีความต้องการทางเพศมากกว่าผู้ชายทั่วๆไปเสียอีก  ในอดีตมีผู้หญิงมากมายที่ถูกบังคับและตกเป็นของเขาเนื่องจากอำนาจของตระกูลฮั่ว ทำให้เขาหยิ่งผยองอย่างมาก

“ไม่ทราบว่าคุณชายมาจากไหน เอาเถอะช่างมัน ข้าจะบอกกฎของที่แห่งนี้ให้ คุณชายรู้รึไม่ว่าหญิงสาวที่เข้ามาในเมืองแห่งนี้พวกนางจะตกเป็นของข้า?”ชายคนนั้นกล่าวออกมาอย่างมีความสุข

“ถ้าเช่นนั้น หญิงชราคนนั้นก็เป็นภรรยาของท่านอย่างงั้นรึ” คำพูดของชิงสุ่ยทำให้เขาสำลักออกมา

“นี่เจ้าเป็นใครกล้ากล่าวเช่นนั้นกับนายน้อยของเราได้อย่างไร เจ้าอยากตายรึ?”ชายที่อยู่ข้างชายผู้นั้นกล่าวออกมา

ชิงสุ่ยหันไปมองที่พวกเขาและค่อยๆยิ้มออกมา คนเหล่านี้กำลังหาปัญหาให้กับตัวเองเสียแล้วในตอนนี้