บทที่ 150 แรงผลักดัน (ปลาย)
เมื่ออีกฝ่ายกล่าวจบ เยี่ยฉวนจึงถามกลับด้วยเสียงสุขุมนุ่มลึก “แต่มันไม่ใช่ขยะเสียหน่อย นั่นจะไม่เท่ากับว่าเป็นการหลอกลวงตัวเองอยู่หรอกหรือ ?”
“เป็นคำถามที่ดี !”
อาจารย์ใหญ่จี้มองไปที่เยี่ยฉวน “ข้ารู้สึกยินดีมากที่เจ้าคิดได้เช่นนี้ แต่ก่อนอื่นนั้น ข้าอยากให้เจ้าเข้าใจว่าแรงผลักดันก็คือความมั่นใจในตัวเองรูปแบบหนึ่ง เมื่ออยู่ต่อหน้าศัตรู เจ้าควรมั่นใจในตัวเองอย่างหนักแน่น ว่าคู่ต่อสู้ที่ขวางทางเจ้าทุกคนล้วนเป็นแค่ขยะ ! แต่แน่นอนว่าความมั่นใจไม่ใช่สิ่งเดียวกับความหยิ่งผยอง ใน เชิงกลยุทธ์นั้นเราไม่ควรประมาทและต้องให้ความสำคัญกับศัตรูฝ่ายตรงข้ามอย่างจริงจัง”
หลังจากที่พูดแบบนั้น อาจารย์ใหญ่จี้จึงชี้ไปที่ภูเขาลูกเล็กซึ่งพังทลายลงแล้วเมื่อครู่ “ภายในใจของข้า มันเป็นแค่ขยะ แต่เมื่อใดก็ตามที่ข้าได้โจมตีออกไปแล้ว ข้าก็จะไม่ลังเลแม้แต่น้อย ไม่ประมาทคู่ต่อสู้ และข้าจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจัดการกับมัน ข้าดูแคลนเจ้าแต่เพียงข้างในใจเท่านั้น แต่เมื่อประมือกันข้าจะให้ความสำคัญกับเจ้าเป็นที่สุด”
เยี่ยฉวนมองภูเขาลูกเล็กที่อยู่ไกลออกไปอย่างครุ่นคิด
อาจารย์ใหญ่จี้จึงถามขึ้นอีกครั้ง “เจ้ารู้หรือไม่ว่าจุดแข็งของอันหลานซิ่วคืออะไร ?”
เยี่ยฉวนหันไปมองอาจารย์ใหญ่จี้แล้วตอบเบา ๆ “ข้าคิดว่าจุดแข็งนั้นก็คือแรงผลักดันของนาง นางไม่ เคยหวั่นเกรงต่อสิ่งใดแม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าตัวเองก็ตาม เมื่อครั้งที่อยู่ต่อหน้าข้า นางก็ ไม่มีแม้สีหน้าหวาดหวั่นให้เห็น ในครั้งนั้นถึงแม้ว่าจะเอาชนะข้าไม่ได้ แต่นางก็ไม่ได้แสดงออกว่าเกรงกลัวข้า เลยแม้แต่น้อย แรงผลักดันเช่นนี้หาได้ยากยิ่งนักในหมู่คนรุ่นใหม่ของแคว้นเจียง”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ อาจารย์ใหญ่จี้ก็มองไปที่เยี่ยฉวน “เจ้าไม่มีแรงผลักดันก็จริง แต่เจ้ามีจุดแข็งที่คนอื่น ไม่มี”
“มันคืออะไรหรือ ?” เยี่ยฉวนหลุดถามออกมาโดยไม่รู้ตัว
อาจารย์ใหญ่จี้ตอบเสียงกระซิบ “ความไม่หวาดหวั่นต่อสิ่งใด นั่นยังไงล่ะ !”
“ไม่หวาดหวั่นงั้นหรือ ?” เยี่ยออกจะรู้สึกงุนงงเล็กน้อย
อาจารย์ใหญ่จี้อธิบาย “เจ้าไม่ได้ถูกแรงผลักดันเข้าครอบงำ แต่ถึงกระนั้นหาได้เกรงกลัวผู้ใดในสำนัก ศึกษาฉางมู่แม้แต่คนเดียว เจ้ากล้าที่จะปล่อยหมัดออกไปแม้รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีโอกาสที่จะชนะ แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าก็มิได้หวั่นเกรง เจ้ากล้าที่จะต่อสู้เมื่อถึงคราวจำเป็น และไม่เพียงเท่านั้น แต่เจ้ายังสามารถแสดงความแข็งแกร่ง ของตัวเองออกมาได้เมื่อเผชิญหน้ากับคุณหนูอัน บางทีนั่นอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมนางถึงได้เห็นคุณค่าในตัวเจ้า”
ดังนั้นอาจารย์ใหญ่จี้จึงสบตากับเยี่ยฉวนอีกครั้งก่อนกล่าว “เจ้าทำให้ข้านึกถึงประโยคหนึ่งที่ว่า ครั้งหนึ่งอาจเคยอ่อนแอ แต่ไม่มีใครเป็นเช่นนั้นตลอดกาล ยกเว้นคนขี้ขลาด“
เยี่ยฉวนยังคงนิ่งเงียบอย่างไม่รู้ว่าจะตอบอะไรดี “…”
ทันใดนั้น อาจารย์ใหญ่จี้ก็พูดขึ้น “ตามข้ามา !”
หลังจากนั้นเขาก็เดินนำเยี่ยฉวนไป ไม่นานนักทั้งสองคนก็มาถึงภูเขาอีกลูกหนึ่ง ภูเขาลูกนี้มีขนาดใหญ่กว่าภูเขาลูกก่อนหน้าหลายเท่านัก ภูเขาลูกก่อนแทบไม่อาจเรียกได้เต็มปากว่าเป็นภูเขา แต่ตอนนี้ ที่อยู่ตรงหน้า พวกเขาคือภูเขาจริง ๆ และมันก็ไม่ใช่ลูกเล็ก ๆ เสียด้วยสิ !
อาจารย์ใหญ่จี้ถามเยี่ยฉวน “เจ้ารู้สึกอย่างไรตอนที่เห็นภูเขาลูกนี้ครั้งแรก ?”
เยี่ยฉวนครุ่นคิดแล้วจึงตอบ “ข้าคิดว่า ถ้าท่านต้องการให้ข้าทลายภูเขาลูกนี้ให้ได้ภายในหมัดเดียวแล้วละก็ ท่านต้องเสียสติไปแล้วแน่ ๆ…”
อาจารย์ใหญ่จี้จิบสุรา “นี่แหละสิ่งที่เจ้ายังขาดอยู่ เจ้าไม่เคยกริ่งเกรงศัตรูที่แข็งแกร่งแม้สักนิด ข้อนี้ทำ ให้เจ้าได้เปรียบกว่าคนอื่นมาก แต่เจ้ามีพละกำลังมากพอที่จะสังหารคนพวกนั้นให้หมดงั้นหรือ คำตอบคือไม่เลย อันที่จริงข้าควรจะบอกว่าแท้จริงแล้วนั้น เจ้าจะมีแรงผลักดันแบบนั้นก็ต่อเมื่อน้องสาวของเจ้าตกอยู่ในอันตรายเท่านั้นเอง…”
เมื่อพูดจบ เขาก็ซดสุราในมือเข้าไปอีกหนึ่งอึก “จงยืนคิดอยู่ตรงนี้แล้วก็ตกผลึกเสีย และเจ้าจะเลิกเมื่อ ใดก็ได้ที่เจ้ารู้แจ้งแล้ว !”
หลังจากนั้นอาจารย์ใหญ่จี้ก็เดินโซซัดโซเซไปที่หินด้านหนึ่ง เอนตัวไปด้านข้างก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนหินที่ใกล้ที่สุดและส่งเสียงกรนออกมา
เยี่ยฉวนมองไปที่ภูเขาลูกเล็กตรงหน้าอย่างใช้ความคิดและตกอยู่ในความเงียบ
แรงผลักดันอย่างนั้นหรือ !
ในความเป็นจริงแล้ว เขาเองก็รู้สึกได้ถึงแรงผลักดันจากตัวของอันหลานซิ่วอยู่เหมือนกัน
อันหลานซิ่วทำให้เขารู้สึกว่าไม่มีเรื่องยากใด ๆ ที่จะทำให้นางสะดุดล้มหรือไม่มีใครที่นางไม่สามารถ เอาชนะได้
แต่แน่นอนว่าคนสร้างแรงผลักดันมากที่สุดก็คือสตรีลึกลับที่อยู่ในหอคอยแห่งเรือนจำนั่นแหละ !
ภาพเหตุการณ์บนเรือเหาะที่สตรีลึกลับโจมตีและฟาดฟันอีกฝ่ายด้วยกระบี่วารียังคงทำให้เขารู้สึก ใจเต้นไม่หาย !
“ลงกระบี่หนึ่งครั้ง หากข้าต้องการให้เจ้ามีชีวิต เจ้าอยู่ แต่หากข้าต้องการให้เจ้าตาย เจ้าก็จงมอดม้วย…”
“หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา !”
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เยี่ยฉวนก็ตกตะกอนทางความคิดทันที
วินาทีถัดมาเขาจึงหยิบกระบี่หลิงซิ่วของตัวเองขึ้นมาดู !
เยี่ยฉวนถือกระบี่เล่มยาวไว้ในมือแล้วทอดสายตามองไปที่ภูเขาลูกเล็กในระยะไกล ในจินตนาการของ เขานั้นมีฉากที่สตรีลึกลับปรากฏตัวบนเรือเหาะเล่นซ้ำอย่างต่อเนื่อง
ในครั้งนั้นนางถือกระบี่วารีไว้ในมือ จิตสังหารแผ่กระจายรุนแรงราวกับว่าไม่มีใครในโลกนี้ที่นางฆ่า ไม่ได้ !
“แล้วนั่นไม่ใช่แรงผลักดันหรือไร ?”
“นางใช้ ‘หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา’ นี่นา ดีล่ะ ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะใช้บ้าง !”
“แต่ทำไมมันถึงได้ดูแตกต่างกันมากนักนะ ?”
“การจัดวางความแข็งแกร่งและขอบเขตสภาพของจิตใจของข้าไม่ได้เป็นไปในทางที่ถูกต้องนี่เอง !”
“หนี่งกระบี่ชี้ชะตา จะต้องตัดสินระหว่างความเป็นและความตายได้ !”
“ที่สุดแล้ว สิ่งที่ทักษะกระบี่นี้ต้องการนั้นก็ไม่ใช่ลำดับขั้นที่สูงส่งอะไร แต่เป็นแรงผลักดันที่ว่า ถ้าข้าต้องการให้มันมีชีวิต มันย่อมต้องอยู่ และถ้าหากข้าต้องการให้มันตาย มันก็ต้องตาย ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง !”
เมื่อคิดได้ดังนี้เยี่ยฉวนก็ส่ายหน้าและหลุดยิ้มออกมา “ที่แท้ก็เป็นข้านี่เองที่เข้าใจทักษะกระบี่นี้ผิดไป”
ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงมองขึ้นไปบนยอดภูเขาสูงที่อยู่ไม่ไกล
ชิ้งงง !
เสียงกระบี่ดังขึ้นในทันใด และวินาทีถัดมา…
ครืนนน !
แรงผลักดันอันแข็งแกร่งแกว่งออกมาจากร่างกายของเยี่ยฉวน จากนั้นพื้นดินเบื้องหน้าก็ค่อย ๆ แตก ออกทีละนิ้ว !
ไม่ไกลจากตรงนั้น อาจารย์ใหญ่จี้ได้ลุกขึ้นมาจ้องเยี่ยฉวนด้วยสายตาว่าเปล่า “นึกบ้าอะไรขึ้นมาฮึ ? ข้าสอนการส่งแรงผลักดันไปยังหมัดให้เจ้าแล้ว แต่เจ้ากลับใส่มันลงไปในกระบี่แทนเนี่ยนะ เจ้าเพี้ยนไปแล้วหรือไง ?”