บทที่ 149 แรงผลักดัน (ต้น)
ใบหน้าของเยี่ยฉวนและคนอื่น ๆ แข็งค้าง
ส่วนอาจารย์ใหญ่จี้ก็หยุดพูดคุยและดื่มต่อไปเรื่อย ๆ
จากนั้นโม่อวิ๋นฉีจึงได้หยุดคิดเล็กน้อยก่อนจะกล่าวขึ้น “อาจารย์จี้ เอ่อ ท่านก็บริหารจัดการความสัมพันธ์ ไม่เก่งจริง ๆ นั่นแหละ…”
เมื่อถูกอาจารย์ใหญ่จี้จ้องหน้า โม่อวิ๋นฉีก็อึกอักขึ้นมาทันที เขารีบแก้ตัว “อาจารย์จี้ ท่านใจเย็น ๆ ก่อนและโปรดอย่าขยับ…”
อาจารย์ใหญ่จี้ส่ายศีรษะเบาๆ “ในทวีปชิงนั้น แต่เดิมสำนักศึกษาฉางหลานเคยมีวันวานอดีตอันรุ่งเรือง !แต่อย่างไรเสียสิ่งเหล่านั้นย่อมมิอาจหวนคืนกลับมา ในตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์อันใดหากจะรื้อฟื้นถึงมัน พวก เจ้าสามคนมากับข้าที่ด้านหลังภูเขาเดี๋ยวนี้เลย”
หลังจากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนและจากไป
เยี่ยฉวนและอีกสามคนที่เหลือลุกขึ้นเดินตาม
ภายในห้องโถงนั้นเหลือเพียงเยี่ยหลิง
เยี่ยหลิงใช้มือเล็ก ๆ ของตัวเองคว้าจับเยี่ยฉวนเอาไว้แน่น “ท่านพี่… ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่เจ้าค่ะ…”
ดวงตาทั้งคู่ของนางเต็มไปด้วยความแน่วแน่
ที่ด้านหลังภูเขา
อาจารย์ใหญ่จี้ได้พาทั้งสามคนไปที่น้ำตก สายตาของเขาหยุดลงที่ไป๋เจ๋อ “จากนี้ไป ข้าจะเพิ่มระดับ ความเข้มข้นในการฝึกฝนของพวกเจ้า ข้าจำเป็นจะต้องกระตุ้นพลังเลือดอสุรกายที่อยู่ภายในร่างกายของเจ้า และดึงมันออกมาใช้ให้เร็วที่สุด”
หลังจากนั้นเขาจึงชี้ไปที่ลูกตุ้มเหล็กขนาดเท่าศีรษะมนุษย์สองอันซึ่งวางกองอยู่ไม่ไกล !
อาจารย์ใหญ่จี้กระซิบบอก “เจ้าต้องถือมันขณะที่ลงไปในน้ำตกด้วย”
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ไป๋เจ๋อก็พยักหน้า เขาแขวนลูกตุ้มเหล็กสองอันนั้นไว้กับตัว และเมื่อร่างกาย ถูกเพิ่มน้ำหนักอย่างกะทันหัน ตรงพื้นข้างใต้เท้าของเขาก็เกิดเป็นรอยบุบขึ้นอย่างชัดเจน !
ไป๋เจ๋อลงไปที่น้ำตกท่ามกลางสายตาของทุกคนโดยมีโซ่คล้องเท้าเอาไว้…
ไม่นานนัก เสียงเกลียวคลื่นร้องคำรามคล้ายสัตว์กำลังเห่าหอนก็พลันดังขึ้นตรงริมเชิงน้ำตกนั้น
นี่มันโหดร้ายเกินไปแล้ว โม่อวิ๋นฉีถึงกับเบือนหน้าหนีเพราะทนไม่ได้ที่จะมองภาพนั้นตรง ๆ
จากนั้นอาจารย์ใหญ่จี้จึงหันมองไปที่โม่อวิ๋นฉีบ้าง เมื่อรู้สึกตัวว่าถูกมองอยู่ สีหน้าของโม่อวิ๋นฉีก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนจะกล่าวขึ้น “อาจารย์จี้ ไม่ต้องหรอก ข้าคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งพอแล้วล่ะ”
อาจารย์ใหญ่จี้ถามกลับอย่างไม่จริงจังนัก “เจ้าแน่ใจหรือ ?”
โม่อวิ๋นฉีรีบพยักหน้าตอบ “แน่นอน !”
จี้อันซื่อมองไปที่เยี่ยฉวน “ถ้าอย่างนั้นเจ้าจงใช้ ‘หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา’ กับเขาไปก็แล้วกัน !”
โม่อวิ๋นฉีพูดไม่ออก “…”
เยี่ยฉวนเพียงหันหน้ามามองเท่านั้น โม่อวิ๋นฉีพลันกระโดดหนีทันที “อาจารย์จี้ นี่ท่านล้อเล่นหรือเปล่า ? ท่านเมาแล้วแน่เลย ดังนั้นก็อย่ามาสั่งให้ข้าทำอะไรบ้า ๆ เลยนะ !”
จี้อันซื่อกล่าวขึ้นแบบลอย ๆ “ให้เจ้าตายในเงื้อมมือของศิษย์ฉางหลานยังดีกว่าตายด้วยน้ำมือของพวกศิษย์จากสำนักฉางมู่ หากเป็นเช่นนั้น เจ้าก็คงตายตาหลับแล้ว”
โม่อวิ๋นฉีเงียบลงในทันใด
เยี่ยฉวนเดินมาหาและตบบ่าเขาเบาๆ “ก็แค่ต้องทนเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้นเอง ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเสียหน่อย แต่ตอนนี้มันไม่สำคัญแล้วล่ะว่าเจ้าจะอยากก้าวผ่านความยากลำบากใด ๆ นั่นหรือเปล่า ข้าสัญญาว่าจะไม่ทุบตีเจ้าจนปางตายแน่นอน อย่างมากสุดก็แค่พิการเท่านั้นแหละ !”
โม่อวิ๋นฉีเบ้ปาก ริมฝีปากสั่นระริก เขาลังเลเล็กน้อยก่อนจะค่อย ๆ มองไปที่อาจารย์ใหญ่จี้ “พวกท่านก็พูดมาเถอะว่าจะทรมานข้าอย่างไรบ้าง ?!”
อาจารย์ใหญ่จี้ดูเหมือนจะไม่ใส่ใจนัก แต่เวลาต่อมากลับมีสายโซ่เหล็กยาวมากปรากฏขึ้นต่อหน้า โม่อวิ๋นฉี และลูกเหล็กขนาดเล็กจำนวนมากก็ได้ถูกมัดไว้บนโซ่อีกทีหนึ่ง
อาจารย์ใหญ่จี้สั่งอย่างใจเย็น “ใส่มันแล้ววิ่งไปรอบ ๆ ด้านหลังภูเขาร้อยรอบ จงทำแบบนี้ตอนเช้าหนึ่งครั้งและตอนเย็นหนึ่งครั้งในทุก ๆ วัน แต่หากเกินเวลาที่กำหนดจะถูกต้องเพิ่มอีกยี่สิบรอบ…”
เยี่ยฉวนแสดงสีหน้าแปลก ๆ ออกมาเล็กน้อย
“พื้นที่หลังเขากว้างไม่ใช่น้อย ๆ หากวนครบยี่สิบรอบ คงจะได้ระยะทางประมาณสี่สิบหรือห้าสิบลี้… ทว่ายังจะต้องแบกโซ่ไปกับลูกบอลเล็ก ๆ เหล่านั้นด้วย… ข้าว่าข้าทำไม่ได้แน่ ๆ!”
สีหน้าของโม่อวิ๋นฉีซีดลงอย่างกะทันหัน “อาจารย์จี้ นี่ท่านต้องการให้ข้าวิ่งจนขาขาดหรือยังไงกัน ?”
อาจารย์ใหญ่จี้พูดอย่างเฉยเมยว่า “วิ่งจนเสียขาย่อมดีกว่าปล่อยให้ผู้อื่นมาหักขา จากนี้ไปถ้าเจ้ายัง มัวพูดพล่ามไร้สาระอยู่อีกข้าจะให้เพิ่มอีกสิบรอบ !”
โม่อวิ๋นฉีปิดปากสนิท “…”
หลังจากนั้นครู่หนึ่งโม่อวิ๋นฉีก็เริ่มออกวิ่ง เขาร้องไห้น้ำตาพรากไปด้วยขณะที่ขยับขา แต่ไม่มีใครรู้ว่าเขาร้องไห้เรื่องอะไร…
ในตอนนี้เองที่อาจารย์ใหญ่จี้มองไปที่เยี่ยฉวน
เยี่ยฉวนยิ้มกว้าง “ข้ายินดีจะฝึกฝนทุกรูปแบบตามที่ท่านต้องการ !”
อาจารย์ใหญ่จี้มองเยี่ยฉวน มีความซับซ้อนฉายขึ้นในแววตา “พลังที่เจ้าใช้ในสำนักศึกษาฉางมู่อยู่ใน ขั้นปฐพีงั้นสินะ ?”
เยี่ยฉวนพยักหน้ารับ
อาจารย์ใหญ่จี้ถอนหายใจเบาๆ “เจ้าถือเป็นศิษย์ที่ออกจะมีความลับไม่น้อย แต่ทั้งหมดนั่นไม่สำคัญ หรอก มากับข้าสิ !”
หลังจากนั้นเขาก็มาถึงภูเขาลูกเล็ก ๆ พร้อมกันกับเยี่ยฉวนและจี้อันซื่อ
ภูเขาลูกเล็กตรงหน้า ก็คือภูเขาที่เยี่ยฉวนทลายไม่สำเร็จก่อนหน้านี้
เยี่ยฉวนกระซิบกระซาบ “ท่านต้องการให้ข้าต่อยเจ้าภูเขาลูกเล็กนี้หรือไม่ ?”
อาจารย์ใหญ่จี้ตอบ “ทั้งใช่และไม่ใช่ !”
เยี่ยฉวนมองอาจารย์ใหญ่จี้
อาจารย์ใหญ่จี้ตอบเสียงเบา “เจ้าคือผู้ฝึกกระบี่ แต่ก็เป็นด้านหมัดมวยด้วยเช่นกัน ข้าอาจไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับเต๋าแห่งกระบี่มากนัก แต่ข้าเองก็พอจะมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเต๋าแห่งศิลปะการต่อสู้อยู่บ้าง”
ด้วยเหตุนี้ อาจารย์ใหญ่จี้จึงชี้ไปยังภูเขาลูกเล็กที่เห็นอยู่ไกล ๆ “เจ้าคิดว่ามันคืออะไร ?”
เยี่ยฉวนตอบด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำอย่างจริงจัง “ก็ภูเขา !”
อาจารย์ใหญ่จี้ส่ายหน้า “มิใช่ มันคือสิ่งกีดขวางที่อยู่ต่อหน้าเจ้ายังไงล่ะ !”
เมื่อสิ้นเสียงลง อาจารย์ใหญ่จี้ก็ปล่อยหมัดไปข้างหน้า
ตู้มมม !
ภายใต้การโจมตีของหมัดนั่น ภูเขาลูกเล็กก็พลันพังทลายลงทันที !
เศษภูเขากระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยให้เห็นทันตา !
เมื่อเห็นเช่นนี้แล้วเยี่ยฉวนก็รู้สึกทึ่งขึ้นมาเล็กน้อย !
เยี่ยฉวนรู้ดีว่าความแข็งแกร่งของอาจารย์ใหญ่จี้นั้นทรงพลังมากทีเดียว แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังตกใจทุก ครั้งที่ได้เห็นพลังจากหมัดนั่นอยู่ดี
ไม่แน่ว่าวันหนึ่งพลังหมัดของเขาอาจแข็งแกร่งถึงขนาดนี้บ้างก็เป็นได้ !
อาจารย์ใหญ่จี้หันไปมองเยี่ยฉวน “รู้ไหมว่าอะไรคือสิ่งที่เจ้าต้องการมากที่สุดในตอนนี้ ?”
เยี่ยฉวนส่ายหน้า
อาจารย์ใหญ่จี้พูดเสียงกระซิบ “เวลาที่เจ้าโกรธ เจ้าอาจมีเคล็ดวิชาต่อสู้ให้พึ่งพา แต่แน่นอนว่าแรงผลักดันของเจ้าย่อมมีไม่พอที่จะรองรับมันแน่ เจ้ามีทักษะในการฆ่าเพียงพอแล้วทว่ายังขาดแรงผลักดันในการต่อสู้ อยู่ แม้ว่าด้วยพละกำลังของเจ้าจะไม่ได้อ่อนแอ… แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพออยู่ดี !!”
“ถ้าหากเจ้าสามารถเพิ่มแรงผลักดันขับเคลื่อนเคล็ดวิชาต่อสู้ได้สำเร็จ งั้นแล้วความแข็งแกร่งของเจ้าก็จะเพิ่มมากขึ้นตาม และไม่ใช่เพียงแค่นั้น แต่เจ้ายังจะมีโอกาสเป็นปรมาจารย์แห่งศิลปะการต่อสู้มากขึ้นด้วย !”
ด้วยเหตุนี้เอง อาจารย์ใหญ่จี้จึงมองไปยังภูเขาขนาดเล็กที่ถล่มนั่น
“แรงผลักดันคืออะไรน่ะหรือ ? จริง ๆ แล้วมันเป็นเรื่องของการโจมตีทางจิตใจ เมื่อเผชิญหน้า กับภูเขาเล็ก ๆ ลูกนั้น หากเจ้ามองว่ามันเป็นภูเขาลูกหนึ่งซึ่งยากที่จะทำลายลงได้ นั่นเท่ากับว่าเจ้าได้ล้มเหลว ตั้งแต่ภายในจิตใจแล้ว ทั้ง ๆ ที่แท้จริงแล้ว เจ้าควรจะคิดว่ามันคือเศษขยะที่ขวางทางและเจ้าสามารถทำลาย มันได้ตลอดเวลาต่างหาก !”