บทที่ 1536+1537

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1536 ปล่อยมือ เจ้าปล่อยมือ!

ฮวาอู๋เหยียนดิ้นรนขัดขืนตามสัญชาตญาณ ทว่ายิ่งดิ้นรน พลังวิญญาณก็ยิ่งรั่วไหลเร็วขึ้น! นางตื่นตระหนกขึ้นมาในทันที!

กู้ซีจิ่วก็งุนงงอยู่ครู่หนึ่งเช่นกัน เธอเข้าใจว่าฮวาอู๋เหยียนต้องการบีบมือให้เธอเจ็บปวด ดังนั้นจึงโคจรพลังวิญญาณเพื่อต่อต้านเล็กน้อย นึกไม่ถึงว่าจะดูดพลังวิญญาณคนได้!

พลังวิญญาณของฮวาอู๋เหยียนยิ่งมาก การดิ้นรนขัดขืนก็ยิ่งรุนแรง พลังวิญญาณที่กู้ซีจิ่วดูดมาก็ยิ่งเยอะ! พลังวิญญาณของอีกฝ่ายไหลเข้าสู่ฝ่ามือของเธอดังสายน้ำไหล จากนั้น…ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย!

กู้ซีจิ่วตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ฮวาอู๋เหยียนถูกดูดพลังวิญญาณออกไปจนใบหน้าซีดเผือด ขาทั้งสองข้างอ่อนปวกเปียก…

“ปล่อยมือ เจ้าปล่อยมือ!” เดิมทีฮวาอู๋เหยียนต้องการร้องตะโกนเสียงดัง ทว่าสายตานางมืดมัวเป็นพักๆ ตะโกนออกมาไม่ได้เลย พูดออกมาได้ไม่กี่คำก็เปรียบเสมือนเสียงแมวร้อง

เมื่อรอให้กู้ซีจิ่วมีปฏิกิริยาตอบสนองและปล่อยมือนาง นางก็ยืนไม่อยู่แล้ว ล้มฟุบลงไปดังตุบต่อหน้ากู้ซีจิ่ว

คนอื่นๆ ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น ทุกคนเพียงแต่เห็นว่าฮวาอู๋เหยียนคุกเข่าคารวะหลังจากที่จับมือกับกู้ซีจิ่วอย่างสนิทสนม ต่างตกตะลึงไปชั่วขณะหนึ่ง

หลังจากความเงียบสงัดก็มีคนในฝูงชนตะโกนขึ้นมา “ดี! แม่นางกู้ปราดเปรื่องทั้งบุ๋นบู๊ แม้แต่สานุศิษย์สวรรค์เจ้าสำนักฮวาแห่งสำนักหยินหยางก็เลื่อมใสนางจนหมอบราบกราบกราน! แม่นางกู้แข็งแกร่งที่สุด!”

คนผู้นี้ตะโกนนำมา ย่อมกระตุ้นอารมณ์ของคนอื่นๆ ด้วย ต่างทยอยส่งเสียงโห่ร้องกันขึ้นมาอีก

ใบหน้างดงามของฮวาอู๋เหยียนดำคล้ำ กู้ซีจิ่วก็ขบเม้มริมฝีปากบางๆ เล็กน้อย ยากที่จะเอื้อนเอ่ย

พวกหลงซือเย่เดินเข้ามา มองดูทั้งสองคนที่ยืนคนหนึ่ง คุกเข่าคนหนึ่ง

เห็นได้ชัดว่าเชียนเยวี่ยหร่านเอ่ยถามด้วยความงุนงง “เป็นอะไรไป?”

เทียนจี้เยวี่ยเหมือนจะดูบางอย่างออก “เจ้าสำนักฮวา เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”

“นางดูดพลังวิญญาณข้า!” ในที่สุดฮวาอู๋เหยียนก็เอ่ยปากพูดได้แล้ว ถึงแม้เสียงไม่ดัง ทว่าก็ทำให้หลายคนตกตะลึง!

ในหมู่ผู้ฝึกฝน การดูดพลังวิญญาณคนอื่นเป็นวิชามารอย่างหนึ่ง และเป็นวิชามารที่ผู้ฝึกฝนเกลียดชังมากที่สุด!

ใบหน้าเชียนเยวี่ยหร่านเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ “เป็นไปไม่ได้กระมัง?! เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าวรยุทธ์ที่แม่นางกู้ฝึกฝนเป็นวรยุทธ์ดั้งเดิม…”

สีหน้าเทียนจี้เยวี่ยเคร่งขรึม “เจ้าสำนักฮวาไม่อาจพูดจาเหลวไหลได้! แม่นางกู้เป็นศิษย์สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ และเป็นคนที่ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายให้ความไว้วางใจมากที่สุด นางไม่มีทางฝึกฝนวิชามารเช่นนั้นหรอก!”

หลงซือเย่กล่าวด้วยสีหน้าดุดันเช่นกัน “ข้าสนิทสนมกับซีจิ่วมาเนิ่นนาน ไม่เคยได้ยินว่านางดูดพลังวิญญาณคนได้มาก่อน เจ้าสำนักฮวา เข้าใจผิดแล้วกระมัง?”

“จะเข้าใจผิดได้อย่างไรกัน! พลังวิญญาณของข้าแทบจะถูกนางดูดไปกว่าครึ่ง! มิน่า ไม่กี่ปีมานี้ พลังวิญญาณของนางถึงได้เพิ่มขึ้นรวดเร็วปานนี้! ที่แท้ก็อาศัยการดูดพลังวิญญาณคนอื่นมาเป็นของตัวเอง!” ฮวาอู๋เหยียนที่พลังวิญญาณลดฮวบทั้งโกรธเกรี้ยวและขุ่นเคือง แทบจะเป็นบ้าจนควบคุมตัวเองไม่ได้

น่าเสียดายที่ซุ่มเสียงของนางแผ่วเบาดังเสียงแมวร้อง มิเช่นนั้น ผู้คนในจัตุรัสคงได้ยินเสียงนางกันหมดแล้ว!

ทว่าสานุศิษย์สวรรค์ทั้งหลายล้วนยังคงได้ยิน สายตาหลายคู่จ้องมองไปทางกู้ซีจิ่วพร้อมกัน

ตัวกู้ซีจิ่วเองก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น ทว่าเธอไม่เข้าใจการดูดพลังวิญญาณคน แต่ก็ไม่มีหนทางจะปฏิเสธ เธอสูดลมหายใจเบาๆ ขณะที่กำลังจะเอ่ยปาก จู่ๆ ก็มีลมอ่อนโชยมาจากกลางอากาศ คนผู้หนึ่งร่อนกายลงอย่างสง่างาม “มีเรื่องอันใดกัน?”

หัวใจกู้ซีจิ่วพลันสั่นไหว ตี้ฝูอี ในที่สุดเขาก็ตามมาทัน!

คนอื่นย่อมคารวะตี้ฝูอี สายตาฮวาอู๋เหยียนพลันวาบไหว “ฝูอี ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว! แม่นางกู้ท่านนี้ นางดูดพลังวิญญาณของข้า เจ้าต้องให้ความเป็นธรรมแก่ข้า…”

ตี้ฝูอีไม่มองกู้ซีจิ่วแม้แต่น้อย แต่กลับเอ่ยถามฮวาอู๋เหยียน “นางดูดพลังวิญญาณเจ้า? มีหลักฐานหรือไม่?”

ฮวาอู๋เหยียนหยุดชะงัก “ข้า เมื่อสักครู่ข้าจับมือนาง ถูกดูดพลังวิญญาณไปในช่วงเวลานั้นหายไปกว่าครึ่ง! เป็นช่วงเวลานั้น!”

ในที่สุดสายตาของตี้ฝูอีก็ร่อนลงบนร่างของกู้ซีจิ่ว

————————————————————————————-

บทที่ 1537 จะเป็นไปได้อย่างไร? ข้าไม่เชื่อ!

สายตาของเขาไม่มีความอบอุ่นสักเท่าไหร่ หัวใจกู้ซีจิ่วพลันหนาวยะเยือกขึ้นมาอย่างน่าประหลาด เดิมทีเธอคิดจะเอ่ยอะไรออกมา แต่ถูกเขากวาดตามองแวบหนึ่ง วาจาที่อยากพูดก็พูดไม่ออกแล้ว

ตี้ฝูอีไม่พูดอะไร ตรงเข้ามากุมมือของกู้ซีจิ่วไว้…

กู้ซีจิ่วใจเต้นแวบหนึ่ง เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าแต่งงานกับเขามาแปดปีแล้ว เคยแนบชิดสนิทในกับเขามานับครั้งไม่ถ้วน แต่ยามนี้เมื่อเขากุมมือเธอไว้ หัวใจเธอกลับเต้นกระหน่ำขึ้นอย่างไม่อาจควบคุมได้

“ข้าไม่ได้…” กู้ซีจิ่วต้องการกล่าวว่า ‘ข้าไม่ได้ตั้งใจ’ พลังวิญญาณของตี้ฝูอีก็ไหลเข้ามาแล้ว ทำให้เธอไม่อาจพูดออกมาได้

ผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็ปล่อยมือเธอ สายตาร่อนลงบนร่างฮวาอู๋เหยียนอีกครั้ง “บนร่างไม่มีพลังวิญญาณของเจ้าเลยสักนิด!”

ฮวาอู๋เหยียนตะลึง วิชามารทั้งหมดที่ดูดพลังวิญญาณคนล้วนจะดูดพลังวิญญาณมาไว้ในร่างตน และไม่ว่าจะมีวรยุทธ์แข็งแกร่งมากเพียงใด ก็ไม่อาจย่อยสลายพลังวิญญาณที่ดูดมาจากผู้อื่นได้ทันที อย่างน้อยก็ต้องอยู่ในร่างกายเกือบครึ่งวัน

ส่วนฮวาอู๋เหยียนกับกู้ซีจิ่วจับมือกับยังไม่ถึงครึ่งเค่อด้วยซ้ำ หากว่านางดูดพลังวิญญาณของฮวาอู๋เหยียนไปจริงๆ เป็นไปไม่ได้ที่ในร่างจะไม่มีพลังวิญญาณของอีกฝ่ายอยู่…

คนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนเป็นผู้ล้วนเชี่ยวชาญวรยุทธ์ ย่อมทราบถึงเหตุผลข้อนี้เช่นกัน

ฮวาอู๋เหยียนทึ่มทื่อไปชั่วขณะ “เป็นไปไม่ได้! นางเพิ่งดูดของข้าไปชัดๆ…“

ตี้ฝูอีกล่าวอย่างเฉยเมย “เจ้ามั่นใจหรือว่าพลังวิญญาณของเจ้าลดน้อยลงมิใช่เพราะเมื่อครู่เพิ่งออกแรงในพิธีส่งวิญญาณมา? พิธีกรรมเช่นนี้ ไม่ว่าผู้ใดก็ต้องสิ้นเปลืองพลังวิญญาณไม่น้อยกันทั้งนั้น”

พวกหลงซือเย่ก็พยักหน้าเห็นด้วย พวกเขาก็สิ้นเปลืองพลังวิญญาณไปมากมายยิ่งนักจริงๆ ต่อให้ไม่ถึงครึ่งก็เป็นหนึ่งในสาม

“จะเป็นไปได้อย่างไร? ข้าไม่เชื่อ!” ฮวาอู๋เหยียนส่ายหน้า

แววตาตี้ฝูอีเยียบเย็นนิดๆ “ทำไม? แม้แต่ข้าก็ไม่เชื่อแล้วรึ?”

“ข้า…ข้าเปล่า…ข้าเพียงแค่…”

ตี้ฝูอีเอ่ยเรียบๆ “เชียนเยวี่ยหร่าน เจ้าเข้ามาทดสอบนางดู ทำให้เจ้าสำนักฮวาคลายข้อสงสัย!”

เชียนเยวี่ยหร่านก้าวเข้ามาจริงๆ ยื่นมือไปตรวจสอบชีพจรของกู้ซีจิ่ว ผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็ส่ายหน้าให้ฮวาอู๋เหยียน“ในร่างนางไม่มีพลังวิญญาณของเจ้าจริงๆ อู๋เหยียน เจ้าคงจะเหนื่อยเกินไป จึงประสาทหลอนไปเอง”

ฮวาอู๋เหยียนพูดไม่ออกแล้ว นางอ้าปากค้าง

ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเชียนเยวี่ยหร่านดียิ่งนัก เขาไม่มีทางหลอกนางเด็ดขาด

แววตาตี้ฝูอีคมปลาบ “เจ้าสำนักฮวา เห็นแก่ที่เจ้าสร้างความชอบในพิธีส่งวิญญาณครั้งนี้ ข้าจะไม่สืบสาวเอาความเจ้าโทษฐานปรักปรำนาง ถ้าครั้งหน้ามีอีก จะไม่ผ่อนผันให้เด็ดขาด!”

ตัวฮวาอู๋เหยียนเองก็ทึ่มทื่อไปแล้วเช่นกัน ไม่พูดอะไรออกมาเลยสักคำ เพียงเบิกตามองตี้ฝูอีลากกู้ซีจิ่วจากไปทันที

แน่นอนว่ายามที่ตี้ฝูอีจากไปก็ได้โยนขวดโอสถออกมาสี่ขวด สานุศิษย์สวรรค์ทุกคนได้กันคนละขวดล้วนเป็นโอสถระดับแปดที่มีส่วนช่วยในการฟื้นฟูพลังวิญญาณยิ่งนัก ได้ยินว่าเป็นรางวัลที่ท่าเทพศักดิ์สิทธิ์ปูนบำเหน็จให้พวกเขาในพิธีส่งวิญญาณครั้งนี้…

….

ณ ริมคูเมือง กู้ซีจิ่วนั่งอยู่บนโขดหินก้อนหนึ่ง ตี้ฝูอีก็ยืนอยู่ข้างกายเธอ มองดูสายน้ำไม่ทราบว่ากำลังคิดอะไรอยู่

กู้ซีจิ่วก็คาดไม่ถึงว่าเขาจะลากตนมาที่นี่ “มาที่นี่ทำไม?”

ตี้ฝูอีมองเธอแวบหนึ่ง “เมื่อวานเจ้าอยากเจอข้าที่นี่มิใช่หรือ?”

เขาพูดจาคล้ายทีเล่นทีจริง “เมื่อคืนได้กระโดดน้ำหรือไม่? ไม่นึกว่าเจ้าจะเรียนรู้กลยุทธ์เช่นนี้เป็นด้วย หนึ่งร้องไห้สองโวยวายสามกระโดดน้ำ…”

กู้ซีจิ่วอยากเตะเขานักเชียว “ท่านคิดจะด่าว่าข้าเป็นหญิงปากร้ายงั้นรึ?”

ตี้ฝูอีถอนหายใจ “ข้ารู้สึกว่า ตอนนี้เจ้าใจเย็นลงไม่น้อยแล้ว เอาล่ะ ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น?”

กู้ซีจิ่วนิ่งไปครู่หนึ่ง ยังคงเล่าออกมาตามความจริง พูดเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ออกมาตั้งแต่ต้นจนจบหนึ่งรอบ ยังกล่าวอีกว่า “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย”

————————————————————————————-