บทที่ 1538+1539

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1538 เนื้อปลาที่ยอมให้คนเชือด

ตี้ฝูอีฟังเธอเล่าจนจบอยู่เงียบๆ จู่ๆ ก็จับมือข้างหนึ่งของเธอไว้ ออกแรงบีบทันที!

กู้ซีจิ่วเจ็บปวดจึงโคจรวรยุทธ์ต่อต้านตามสัญชาตญาณ จากนั้นพลังวิญญาณของตี้ฝูอีก็พุ่งเข้าสู่ฝ่ามือเธอ! เหมือนตอนที่จับมือฮวาอู๋เหยียนไว้ พลังวิญญาณที่ถูกดูดเข้ามาไหลมายังไม่ทันถึงศอกเธอ ก็อันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว!

แรงดูดนั้นทรงพลังเหลือเกิน แม้กระทั่งตี้ฝูอีที่เตรียมใจไว้แล้ว ยามที่สัมผัสถึงแรงดูดที่ผิดปกติได้เพียงน้อยก็ผละมือออก พลังวิญญาณนั้นก็ยังถูกดูดเข้าไปไม่น้อยเลยเสมือนสายน้ำที่ไหลลงสู่ทะเล

เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ บนร่างกู้ซีจิ่วไม่มีพลังวิญญาณที่ดูดมาจากอีกฝ่ายเลยสักนิด

นี่เป็นวรยุทธ์ชนิดหนึ่งที่เป็นอันตรายต่อผู้อื่นและไม่เป็นประโยชน์ต่อตนโดยแท้

กู้ซีจิ่วเม้มปากแน่น ตี้ฝูอีก็ขมวดคิ้วนิดๆ เช่นกัน ถามว่าระยะนี้เธอผิดปกติตรงไหนบ้างหรือไม่

กู้ซีจิ่งครุ่นคิดครู่หนึ่ง ในที่สุดก็นึกถึงความฝันนั้น ด้วยเหตุนี้จึงเล่าเนื้อหาในความฝันนั้น สุดท้ายเธอจึงคาดเดา “เป็นเพราะความฝันนั้นหรือเปล่า? นี่เป็นการลงโทษที่ข้าสังหารเซียนหรือ?”

ตี้ฝูอีกลับคล้ายว่าจะไม่เห็นด้วย “เป็นความฝันหนึ่งเท่านั้น มิใช่เรื่องจริง หากว่าสังหารเซียนแล้วต้องถูกลงทัณฑ์ เช่นนั้นข้าสิถึงจะเป็นผู้ต้องหาหลัก คนที่พวกเขาสมควรลงโทษที่สุดคือข้า มิใช่เจ้า”

กู้ซีจิ่วเพ่งพิศเขาขึ้นๆ ลงๆ อยู่หลายครา จู่ๆ ก็ดึงตัวเขา ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรก็กดเขาลงบนศิลาเขียวทันที!

ตี้ฝูอีหรี่ตานิดๆ มองดูเธอ ทว่าไม่ดิ้นรนขัดขืน มุมปากคล้ายยิ้มมิเชิงยิ้ม “นี่เจ้าจะทำอะไร?”

กู้ซีจิ่วเม้มปากแน่น ยื่นมือไปแกะเสื้อผ้าเขา…

ลมแม่น้ำเยือกเย็น ศิลาเขียวเย็นเฉียบ

แกะเสื้อผ้าออกจนตี้ฝูอีแทบจะเปลือยครึ่งท่อนแล้ว ในที่สุดเขาก็ยื่นมากุมข้อมือบอบบางของเธอไว้ “เด็กน้อย เจ้าคิดจะครอบครองข้าที่นี่หรือ?”

กู้ซีจิ่วกลับไม่หน้าแดงเลย ตวัดมือกุมมือเขาไว้ น้ำเสียงดุร้าย “ใช่แล้ว เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะย่ำยีเจ้าที่นี่ก่อนแล้วค่อยสังหารทิ้ง?”

ตี้ฝูอีจึงนอนกางแขนเสียเลย “ได้ มาเลย!” พริ้มตาลงเล็กน้อย ท่าทางเหมือนเนื้อปลาที่ยอมให้คนเชือด

กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกเลยจริงๆ

เธอย่อมไม่ได้คิดจะประกอบกิจกับเขาที่นี่จริงๆ เธอปรายตามองเขาแวบหนึ่ง “ฝันไปเถอะ!”

จากนั้นก็เริ่มพิศสำรวจบนร่างเขาอย่างละเอียด

บนร่างไม่มีบาดแผลใดๆ เลย ไม่บาดเจ็บภายนอก ตัดทิ้ง!

ชีพจรสงบมั่นคง ภายในก็ไม่บาดเจ็บเช่นกัน ตัดทิ้ง!

ผิวใสดั่งหยก สีเสน่ห์ดึงดูด แวววาวสุขภาพดี ความเป็นไปได้ว่าจะถูกพิษก็ตัดทิ้งไปได้เช่นกัน!

กู้ซีจิ่วตรวจสอบเขาอย่างละเอียดรอบหนึ่ง พบว่าบนร่างเขาไม่มีความผิดปกติใดเลย ในที่สุดก็วางใจแล้ว ยื่นมือไปผูกสาบเสื้อเขา มองเขาอย่างจริงจัง “สรุปแล้วพักนี้ท่านมีอะไรปิดบังขาอยู่หรือเปล่า? ฝูอี พวกเราเป็นสามีภรรยากันมาแปดปีแล้ว ข้าหวังว่านอกจากเรื่องที่เป็นลิขิตสวรรค์จริงๆ แล้ว พวกเราจะซื่อสัตย์ต่อกัน ข้าไม่อยากถูกปิดหูปิดตา…”

แววตาตี้ฝูอีวูบไหวเล็กน้อย “เหตุใดเจ้าจึงเอ่ยเช่นนี้?”

กู้ซีจิ่วก็ตอบอย่างตรงไปตรงมายิ่งนัก “พักนี้ท่านเย็นชากับข้ามาก! ยังมีอีก เรื่องงานแต่งของพวกเราท่านก็ทำตัวคลุมเครือขอไปที ท่านรู้ไหมว่าการแต่งงานของพวกเราไม่มีปรากฏอยู่ในบันทึกการสมรสของอาณาจักรเฟยซิง ข้ายังเป็นโสดอยู่…”

ตี้ฝูอีถอนหายใจ “ซีจิ่ว เจ้าคิดมากไปแล้ว! ปัญหาวุ่นวายที่ไอ้ตัวปลอมผู้นั้นทิ้งไว้ไม่อาจสะสางจัดการให้ดีได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ พักนี้ข้ายุ่งจนเท้าแทบไม่แตะพื้นแล้ว ถึงอย่างไรพวกเราก็แต่งกันแล้ว ยามนี้ขาดแค่พิธีการเท่านั้น เหตุเจ้าต้องร้อนรนอีกเล่า? ข้าไม่อยากจัดพิธีแบบลวกๆ ขอไปที จะจัดทั้งทีก็ต้องจัดอย่างสง่างามสมเกียรติ แต่ตอนนั้นไม่มีเวลาจริงๆ…”

กู้ซีจิ่วอึกอัก “แต่ว่า…แต่ว่า…” เธอรู้สึกอยู่ตลอดว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง ทว่าบอกไม่ได้เช่นกันว่าไม่ถูกต้องตรงไหน

ตี้ฝูอีลูบไหล่เธอ “เอาล่ะ อย่าได้คิดเหลวไหลเลย เจ้าก็เหนื่อยแล้วเหมือนกัน กลับไปพักก่อนเถิด เรื่องวิวาห์รอพวกเราว่างทั้งคู่แล้วค่อยว่ากัน”

————————————————————————————-

บทที่ 1539 มีผลลัพธ์ยังไง?”

เขาเพิ่งพูดมาถึงตรงนี้ ป้ายหยกตรงบั้นเอวก็สว่างวาบขึ้นมา เขามองแวบหนึ่ง เอ่ยถามกู้ซีจิ่ว “ข้ายังมีธุระต่อ ข้าไปส่งเจ้ากลับจวนดีไหม?”

กู้ซีจิ่วดึงแขนเสื้อเขาไว้ “มีเรื่องใดหรือ? ต้องการให้ข้าช่วยไหม?”

“ไม่ต้องหรอก วันนี้เจ้าเหนื่อยมากพอแล้ว หน้าที่หลักก็คือพักผ่อน! เอาล่ะ ไปกันเถอะ ข้าจะไปส่งเจ้ากลับจวน”

พลางดึงมือเธอให้ออกเดิน

เท้าของกู้ซีจิ่วนิ่งอยู่ที่เดิม “ท่านมีธุระก็ไปจัดการเถอะ ข้าอยากรับลมอยู่ตรงนี้ต่อ”

ตี้ฝูอีก็ไม่บังคับเธอ “เช่นนั้นก็ได้ อย่ารับลมนานเกินไป กลับไปพักให้เร็วหน่อย”

พลันหมุนกาย หายลับไปทันที

ริมแม่น้ำกลับสู่ความอ้างว้างดั่งที่เคยเป็น กู้ซีจิ่วยืนอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ รู้สึกเพียงว่าในใจว่างเปล่าอย่างน่าประหลาด

ด้วยสัญชาตญาณของผู้หญิง เธอรู้สึกอยู่เสมอว่าตี้ฝูอีเฉยชาต่อเธอ เป็นเธออ่อนไหวเกินไปหรือ? หรือว่าเป็นเช่นนี้จริงๆ?

หรือว่านี่ก็คืออาถรรพ์เจ็ดปีในตำนาน?

กู้ซีจิ่วโยนหินก้อนหนึ่งลงน้ำ หินก้อนน้อยเด้งไปบนผิวน้ำต่อเนื่องกันหลายก้าว ถึงร่วงหล่นสู่สายน้ำ แต่ก่อระลอกคลื่นกระเพื่อมเป็นวงบนผิวน้ำ คงอยู่เป็นเวลานาน เสมือนระลอกคลื่นในใจเธอ…

เธอยืนรับลมอยู่ตรงนั้นพักหนึ่ง จู่ๆ ก็ยิ้มออกมาอย่างปลดปลง ระยะนี้ตนเป็นเดือดเป็นร้อนในผลประโยชน์ส่วนตนเหลือเกิน ไม่เหมือนตัวเองเลย!

ยามนี้เรื่องที่ต้องจัดการยังมีอยู่มากมายนัก เหตุใดเธอต้องมายุ่งเหยิงพัวพันความรักหนุ่มสาวพวกนี้ด้วยล่ะ?

เธอบิดขี้เกียจอยู่ริมแม่น้ำ เอาล่ะ กลับบ้านไปนอนดีกว่า!

กู้ซีจิ่วหันหลังไป จู่ๆ ก็นิ่งไปอีกครั้ง หลงซือเย่ยืนอยู่ไม่ไกลออกไป กำลังมองเธออยู่

ทั้งสองสบตากันแวบหนึ่ง กู้ซีจิ่วแย้มยิ้ม เดินเข้าไปหาทันที “ครูฝึกหลง คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่? มาเงียบๆ แบบนี้ ทำฉันตกใจหมด!”

หลงซือเย่ก้าวเข้ามา “ซีจิ่ว เธอรู้สึกผิดปกติตรงไหนบ้างไหม?”

กู้ซีจิ่วส่ายหน้า “ไม่มีอะไรผิดปกตินี่”

พูดยังไม่จบดี หลงซือเย่ก็ฉวยมือเธอทันที! ออกแรงเล็กน้อย พลังวิญญาณหลั่งไหลออกมาในทันใด!

กู้ซีจิ่วสะดุ้งโหยง ยามนี้ดีร้ายอย่างไรเธอก็มีประสบการณ์แล้ว รีบสลัดเขาออกทันที “คุณทำอะไร?”

“ที่ฮวาอู๋เหยียนพูดเป็นความจริง! ถูกไหม?” หลงซือเย่ถามเข้าประเด็น

กู้ซีจิ่วถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เลิกคิ้ว “คุณจะมาไต่สวนทวงความเป็นธรรมแทนนางเหรอ?”

หลงซือเย่ส่ายหน้า “ซีจิ่ว ฉันไม่ได้เป็นห่วงนาง ฉันแค่เป็นห่วงเธอ! สรุปแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่? เธอฝึกฝนวิชามารอะไรจริงๆ น่ะเหรอ? แต่วิชามารนี้ของเธอก็ส่งร้ายต่อผู้อื่นและไม่เป็นผลดีต่อตัวเองใช่ไหม? ไม่มีผลดีกับเธอเลย แถมยังชักนำหายนะมาได้ง่ายๆ ด้วย ทำให้คนอื่นมองว่าเธอเป็นมารนอกรีตต้องกำจัด”

กู้ซีจิ่วนวดคลึงหว่างคิ้ว เล่าเรื่องราวคร่าวๆ ออกมาอีกรอบหนึ่ง

หลงซือเย่สนใจความฝันของเธอมาก ซักถามถึงความฝันของเธออย่างละเอียดมากมาย

หลังถามจบเขาก็เงียบไปครู่หนึ่ง เอ่ยข้อสรุป “ซีจิ่ว เคล็ดดูดพลังวิญญาณนี้ของเธอไม่ใช่พร แต่เป็นบทลงโทษอย่างหนึ่ง! บทลงโทษที่สังหารเซียน!”

กู้ซีจิ่วมองเขา รอเขาพูดต่อ “ในอดีตนานมาแล้วฉันเคยได้ยินนิทานประเภทนี้ บอกว่ากระต่ายตัวหนึ่งของดินแดนเบื้องบนก่อเกิดจิตนึกรู้ แล่นลงมาก่อความวุ่นวายในดินแดนเบื้องล่างของพวกเรา ถูกผู้บำเพ็ญคนหนึ่งสังหาร ผลคือผู้บำเพ็ญคนนี้ก็ฝันเช่นกัน ความฝันของเขาคล้ายคลึงกับเธอมาก ถูกอัสนีทองผ่า หลังจากเขาตื่นมาก็พบว่าตัวเองสามารถดูดพลังยุทธ์ของผู้อื่นได้…เธอรู้ไหมว่าสุดท้ายเขามีผลลัพธ์ยังไง?”

“มีผลลัพธ์ยังไง?”

“เริ่มแรกยามที่เขาจับมือกับผู้คนเท่านั้นถึงจะดูดพลังวิญญาณของคนอื่นได้ แต่ต่อมาได้พัฒนาถึงขั้นที่แค่แตะถูกตัวคนอื่นก็สามารถดูดพลังวิญญาณได้! เขาไม่อาจกอดภรรยา ไม่อาจกอดบุตรได้ ถูกคนฝ่ายธรรมะทั้งหมดมองว่าเป็นมารร้ายจึงมาไล่ล่าสังหาร! สุดท้ายภรรยาของเขาก็ตัดสัมพันธ์กับเขา ลูกชายของเขาถึงขั้นที่พาคนมาไล่ล่าสังหารบิดาตน! เขารับแรงกดดันเช่นนี้ไม่ไหว สุดท้ายจึงฆ่าตัวตาย…”

————————————————————————————-