บทที่ 1540+1541

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1540 ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้ว่างจนเบื่อหน่าย 1

กู้ซีจิ่วไร้ซึ่งวาจา

เธอมองสองมือของตน ต่อไปตนจะกลายเป็นตัวประหลาดเช่นนั้นหรือ?

เมื่อสัมผัสตัวผู้คนก็จะดูดพลังวิญญาณของผู้อื่นมา…

เช่นนั้นภายหน้าเธอจะอยู่กับตี้ฝูอีได้อย่างไร?

หัวใจคล้ายถูกบางสิ่งบีบรัดอย่างช้าๆ จิตใต้สำนึกของเธอไม่ยินดีที่จะเชื่อ “นี่เป็นแค่นิทานที่คุณเคยได้ยินมา…คุณก็รู้นี่ ตำนานอย่างไรเสียก็เป็นตำนาน ในตำนานยังคงมีน้ำมากมายนัก สามารถกลับดำให้เป็นขาวได้ ไม่ได้เผยทั้งหมด บางทีเขาคงจะฝึกฝนวิชามารอะไรเข้า ไม่อาจบอกกล่าวผู้คนได้ ดังนั้นจึงแต่งนิทานเช่นนี้ออกมา…”

หลงซือเย่มองเธอครู่หนึ่ง สักพักก็ถอนหายใจแล้วเอ่ยขึ้น “ซีจิ่ว ปกติเธอไม่ใช่คนที่ชอบหนีความจริงเลยนะ ไม่ว่าพบเจออุปสรรคอะไรล้วนชอบเผชิญหน้าตรงๆ”

กู้ซีจิ่วเงียบงัน

หลงซือตบไหล่เธอเบาๆ “วางใจเถอะ ต่อให้ถูกสวรรค์ลงทัณฑ์แบบนี้เหมือนกัน ก็ใช่ว่าจะไม่มีหนทางแก้เลย ปีนั้นหลังจากที่ฉันได้ยินเรื่องนี้ ในใจก็ไม่ยินยอมอย่างยิ่ง ไม่พอใจที่พวกเราทำได้เพียงเบิกตารับบทลงโทษจากดินแดนเบื้องบนเช่นนี้ ดังนั้นต่อมาฉันได้ทำการรักษาผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายคลึงกัน พบว่าหลังจากที่เขาฝันว่าถูกฟ้าผ่า ร่างกายก็เกิดความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง อันที่จริงก็เหมือนได้รับกัมมันตรังสีชนิดหนึ่งเข้า พันธุกรรมในร่างกายจึงเกิดความเปลี่ยนแปลง…”

หลงซือเย่พูดศัพท์เฉพาะบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับด้านนี้ออกมา ศัพท์เฉพาะพวกนี้สำหรับคนอื่นแล้วดั่งภาษาสวรรค์ฟังไม่เข้าใจ แต่สำหรับกู้ซีจิ่วที่มีความเข้าใจเช่นเดียวกันแล้ว ค่อนข้างเข้าใจได้ง่าย

หลงซือเย่ค้นคว้ารักษาอยู่หลายปี ในที่สุดก็พบว่าบทลงโทษประเภทนี้อันที่จริงไม่ได้เกี่ยวพันไปถึงดวงวิญญาณ เพียงทำให้เซลล์ในร่างของผู้ป่วยกลายพันธุ์ไป พันธุกรรมเปลี่ยนแปลงไปอย่างผิดปกติไม่สามารถใช้วิธีทางการแพทย์รักษาให้หายขาดได้ มีหนทางแก้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น…เปลี่ยนร่าง!

ตอนนั้นหลงซือเย่กำลังศึกษาค้นคว้าการโคลนนิ่งอยู่พอดี และต้องการตัวทดลองเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงทำสร้างร่างโคลนนิ่งของคนผู้นั้นออกมาร่างหนึ่ง หลังจากคนผู้นั้นคืนชีพขึ้นมาในร่างโคลนนิ่ง บทลงโทษอันวิปริตนั้นก็หายไปเลย…

เพียงแต่ร่างโคลนนิ่งในยามนั้นเป็นแค่รุ่นทดลองของหลงซือเย่ จึงมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง ไม่เพียงแต่พลังยุทธ์สู้ร่างเดิมไม่ได้เท่านั้น ยังไม่อาจฝึกฝนบ่มเพาะพลังวิญญาณต่อไปได้อีกด้วย ดังนั้นคนผู้นั้นมีชีวิตอยู่ในร่างโคลนนิ่งได้สี่สิบปี สุดท้ายก็ถึงแก่กรรม

เมื่อหลงซือเย่กล่าวถึงกระบวนการนี้ออกมา หัวใจกู้ซีจิ่วก็สั่นไหวทันที!

ร่างปัจจุบันของเธอก็เป็นร่างโคลนนิ่งเหมือนกัน หากว่าร่างโคลนนิ่งนี้ได้รับทัณฑ์สวรรค์ต้องคำสาป เช่นนั้นเธอก็สามารถย้ายกลับร่างเดิมได้! ร่างเดิมร่างนั้นเธอยังถูกเก็บรักษาไว้ที่เผ่าเงือก!

เมื่อทราบวิธีแก้ไขแล้ว หัวใจที่เดิมทีค่อนข้างหนักอึ้งของกู้ซีจิ่วก็ผ่อนคลายขึ้นไม่น้อย

เจตนาของหลงซือเย่คือเขาสามารถสร้างร่างโคลนนิ่งให้เธออีกร่างได้ กู้ซีจิ่วส่ายศีรษะ เอ่ยขอบคุณในความปรารถนาดีของเขา บอกว่าตนมีวิธีของตนแล้ว

หลงซือเย่ถอนหายใจเบาๆ คราหนึ่ง ไม่บังคับฝืนใจเธอเช่นกัน และไปส่งเธอกลับจวนแม่ทัพ ยามที่บอกลากัน หลังซือเย่ได้กล่าวประโยคหนึ่งกับเธอย่างจริงจังยิ่ง “ซีจิ่ว ไม่ว่าเธอจะพบเจอปัญหาอะไร ขอให้เธอจำไว้ ฉันจะอยู่ข้างเธอเสมอ!”

หัวใจกู้ซีจิ่วอุ่นวาบ พยักหน้าอย่างหนักแน่น “ได้ ฉันจะจำไว้!”

หลงซือเย่ถึงได้กล่าวอำลาแล้วจากไป

กู้ซีจิ่งมองดูแผ่นหลังของเขา นัยน์ตามีแววใคร่ครวญลึกซึ้งพาดผ่าน

เธอจำเรื่องที่เคยได้ยินจากตี้ฝูอีได้ วิญญาณของหลงฟั่นแข็งแกร่งกว่าหลงซือเย่มากนัก หากว่าไม่มีการแทรกแซงจากภายนอก หลงฟั่นจะ ‘กลืนกินหลอมรวม’ หลงซือเย่ได้สมบูรณ์ จะมีความทรงจำของหลงซือเย่ แต่บุคลิกหลักกลับเป็นหลงฟั่น

————————————————————————————-

บทที่ 1541 ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้ว่างจนเบื่อหน่าย 2

และยามนี้ถึงแม้หลงฟั่นจะถูกผนึกไว้แล้ว ทว่าเนื่องจากเขาแข็งแกร่งมากเกินไป ยังต้องให้ตี้ฝูอีผนึกใหม่อีกครั้งทุก หนึ่งเดือน ยามนี้ผ่านไปเกือบหนึ่งเดือนแล้ว ไม่รู้ว่าตี้ฝูอีเสริมกำลังผนึกให้เขาใหม่แล้วหรือยัง?

เธอกลับมาในห้องนอน เดิมทีคิดอยากจะติดต่อตี้ฝูอีเพื่อถามเรื่องผนึกของหลงซือเย่ ทว่าตอนหายันต์ถ่ายทอดเสียงก็นึกขึ้นได้ว่ายันต์นั้นถูกเผาไปแล้ว ยังต้องสร้างใหม่ขึ้นมาหนึ่งอัน

ติดต่อตี้ฝูอีไม่ได้ชั่วขณะ เธอครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วจึงติดต่อหลีเมิ่งซย่าในทันที ให้นางช่วยตรวจสอบคนที่หลงซือเย่เคยช่วยเหลือไว้…

หลีเมิ่งซย่าเป็นถึงประมุขหอเงาราตรี คนของหาเงาราตรีเป็นสายลับผู้เชี่ยวชาญการสืบหาข้อมูลข่าวสาร กู้ซีจิ่วเพียงนอนหลับไปตื่นหนึ่ง วันถัดมาก็ได้ข้อมูลของคนผู้นั้นทั้งหมดแล้ว

ข้อมูลละเอียดครบถ้วนยิ่งนัก แม้แต่บนร่างคนผู้นั้นมีไฝกี่เม็ดก็สืบหามาจนถึงที่สุด

สี่สิบปีก่อนมีคนผู้นี้อยู่จริง เขาเคยเป็นโรคประหลาดอย่างหนึ่ง ผิวหนังสัมผัสกับใครคนนั้นตาย คนที่เขาสัมผัสตัวจะถูกดูดพลังวิญญาณจนหมดเกลี้ยงในพริบตา จากนั้นก็ตายจากไป ต่อมาคนผู้นี้มาขอให้หลงซือเย่รักษา หลงซือเย่ใช้เวลาสามปีเพื่อรักษาโรคประหลาดชนิดนี้ของเขา ทว่าหลังจากหายดี พลังวิญญาณของเขากลับลดฮวบ ได้แต่ใช้ชีวิตที่เหลืออย่างเรียบง่าย

เหมือนกันกับที่หลงซือเย่เล่าให้กู้ซีจิ่วฟังทุกประการ นี่แสดงว่าหลงซือเย่ไม่ได้พูดจาโป้ปด

เมื่อรู้เรื่องนี้ กู้ซีจิ่วก็มีความมั่นใจแล้ว

เธอสงบจิตใจแล้วเริ่มสร้างยันต์ถ่ายทอดเสียงขึ้นมาใหม่ ผ่านไปสองวัน ในที่สุดเธอก็สร้างอันใหม่ขึ้นมาได้แล้ว

เรื่องแรกที่ต้องทำหลังจากสร้างยันต์ถ่ายทอดเสียงสำเร็จก็คือติดต่อตี้ฝูอี สองวันที่ผ่านมาเจ้าคนผู้นี้ราวกับหายตัวไป ไม่มีข่าวคราวแม้แต่น้อย ไม่มาให้เธอเห็นหน้า ทำให้เธอรู้สึกไม่สบอารมณ์

ดังนั้นเธอจึงรีบเอ่ยถามทันทีที่ต่อสายติด “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ตอนนี้ทำอะไรที่ไหนอยู่? ไม่ทราบว่าพอจะเจียดเวลาสักครู่มาคุยกับข้าหน่อยได้หรือไม่?”

ตี้ฝูอีนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง “เงยหน้าขึ้นมอง”

หืม?

กู้ซีจิ่วเงยหน้าขึ้นจริงๆ มองไปทางหน้าต่างที่เปิดไว้ เห็นตี้ฝูอียืนอยู่บนยอดของต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งในสวนเธอ มองเธอด้วยรอยยิ้ม อ้าแขนผายมาทางเธอ

หัวใจกู้ซีจิ่วพลันสั่นไหว ร่างกายพุ่งทะยานออกไปทางหน้าต่าง ร่อนลงตรงหน้าของตี้ฝูอี ทว่าไม่ได้โผเข้าสู่อ้อมกอดเขา

มือทั้งสองข้างพลันกอดอก กวาดสายตามองเขารอบหนึ่งอย่างช้าๆ “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย นี่คืออยากกอดอย่างงั้นรึ?”

ตี้ฝูอีเดินมาข้างหน้าก้าวหนึ่ง “ไหนให้ข้ามองดูเจ้าดีๆ”

กู้ซีจิ่วหันมองเขาด้วยใบหน้าเรียบเฉย “มีอันใดน่าดู? ข้าไม่ใช่ข้าแบบเดิมอย่างนั้นหรือ? ท่านดูมาแปดปีแล้ว ดูจนจะเบื่อหน่ายแล้ว…”

ตี้ฝูอียกชายเสื้อขึ้นจับแขนนางในทันที เขาออกแรงเพียงเล็กน้อยรั้งนางไว้ในอ้อมกอด ริมฝีปากจุมพิตลงที่หน้าผากนางคราหนึ่ง “ถ้อยคำกล่าวโทษมากมายขนาดนี้เชียวหรือ? คิดถึงข้าจนขุ่นข้องหมองใจไปแล้วหรือ?”

ร่างกายกู้ซีจิ่วพลันแข็งทื่อเล็กน้อย ถึงแม้ใบหน้าพริ้มเพรายังคงเคร่งขรึม ทว่าหัวใจกลับแปรปรวนดังคลื่นทะเล!

เธอยังคงปากแข็ง “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายคิดมากเกินไปแล้ว! ข้าไม่มีทางคิดถึงท่านหรอก! ข้ายุ่งมาก หากท่านไม่มา ข้าก็เกือบจะลืมไปแล้วว่าท่านรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร!”

หลายวันมาแล้วที่ไม่ได้โผเข้าสู่อ้อมกอดนี้ ยามนี้เธออยู่ในอ้อมกอดเขาอีกครั้งหนึ่ง ไม่ใช่ว่ากู้ซีจิ่วไม่คิดถึง ทว่าท้ายที่สุดเธอยังคงมีปมในใจ ทำให้เธอไม่อยากกอดเขากลับ ดังนั้นแขนทั้งสองข้างของเธอยังคงแข็งทื่ออยู่ข้างกายสองฝั่ง ไม่ได้โอบเอวของเขาไว้

เธอเป็นผู้หญิงแข็งแกร่ง มีความเป็นตัวของตัวเองสูงเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่น ถึงขนาดมีชาวบ้านเคารพบูชาเธอโดยมองเห็นเธอเป็นเทพไปแล้ว

————————————————————————————-