ตอนที่ 1537 สำนักประหลาด (4)
“ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น ข้าแค่รู้สึกว่า……เจ้าหมอนั่นหยาบคายเกินไป เจ้ามีน้ำใจเอาอาหารไปส่งให้ถึงหน้าประตู นอกจากจะไม่ขอบคุณสักคำแล้ว ยังทำหน้าเย็นชาใส่เจ้าอีก หมอนั่นรู้บ้างรึเปล่าว่ากำลังทำหน้าแบบนั้นใส่ใครอยู่?” หลินเฮ่าอวี่ไม่กล้าทำให้กู่ซินเยียนไม่พอใจ เขาจึงได้แต่แสดงความไม่พอใจต่อจวินอู๋เสีย
แต่กู่ซินเยียนกลับพูดเย้ยหยันว่า “เจ้าจะรู้อะไร ตอนนี้ในอาณาจักรกลาง เขาคือคนเพียงคนเดียวที่มาจากเผ่าจ้าววิญญาณ เป็นเพียงคนเดียวที่รู้วิชาเสริมวิญญาณ และยังเป็นเพียงคนเดียวในประวัติศาสตร์ของงานชุมนุมเทพยุทธ์ที่ได้รับคำเชิญจากสิบสองวิหารทั้งหมด เจ้าคิดว่าจวินอู๋เป็นแค่คนธรรมดาหรือ?”
หลินเฮ่าอวี่เบะปาก “แล้วไง? ต่อให้เขาเป็นคนพิเศษไม่เหมือนใคร ก็ยังมีตาหามีแววไม่อยู่ดี ปฏิเสธคำเชิญของสิบสองวิหาร แต่ไปรับวิหารหยกวิญญาณ ถ้าไม่โง่แล้วเรียกอะไร? มีใครในโลกนี้ไม่รู้บ้างว่าวิหารหยกวิญญาณเหลือแต่ชื่อแล้ว ไอ้โง่หน้าไหนยังจะเลือกวิหารหยกวิญญาณอีก?”
“ไม่สำคัญหรอกว่าก่อนหน้านี้จวินอู๋จะเลือกอะไร เจ้าไม่เข้าใจรึไง?” กู่ซินเยียนพูดอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย “ก่อนเข้าสำนักธาราเมฆ เขาเลือกวิหารหยกวิญญาณแล้วยังไงล่ะ? สิ่งที่สำคัญก็คือ ตอนออกจากสำนักธาราเมฆ เขาจะเลือกวิหารไหนต่างหาก”
คำพูดของกู่ซินเยียนทำให้หลินเฮ่าอวี่สะดุ้งด้วยความตกใจ
“ซินเยียน นี่เจ้า……”
กู่ซินเยียนหัวเราะเบาๆ “เผ่าจ้าววิญญาณกับวิชาเสริมวิญญาณ ทั้งสองอย่างนี้ไม่มีวิหารไหนเคยครอบครองมาก่อน ตอนนี้วิหารปีศาจเพลิงเพิ่งเสียผู้อาวุโสไป 2 คน นี่เป็นเวลาที่ดีที่สุดที่วิหารมารโลหิตจะผงาดขึ้นมา ในฐานะลูกสาวของประมุขวิหารมารโลหิต ข้าต้องแบ่งเบาภาระของท่านพ่อซิ”
ตัวตนของกู่ซินเยียนแตกต่างจากคนอื่นๆ นางมาจากวิหารมารโลหิตและมีแรงจูงใจของตัวเองในการเข้ามาร่วมงานชุมนุมเทพยุทธ์
หลินเฮ่าอวี่มองกู่ซินเยียน แล้วพยักหน้าเล็กน้อย
“เอาล่ะ ถ้าเจ้าเข้าใจแล้วก็ดี คราวหลังก็อย่าถ่วงแข้งถ่วงขาข้าล่ะ” เมื่อกู่ซินเยียนเห็นว่าหลินเฮ่าอวี่เข้าใจเจตนาของนางแล้ว นางก็ยิ้มอย่างพอใจพร้อมกับกวักมือเรียกหลินเฮ่าอวี่ให้ไปกับนาง
เมื่อจวินอู๋เสียกลับเข้าไปในห้อง นางก็วางกล่องอาหารที่กู่ซินเยียนให้มาไว้ที่มุมห้องโดยไม่คิดจะเปิดมันเลย
แผนการของกู่ซินเยียนนั้น จวินอู๋เสียเข้าใจดีทุกอย่าง
ตอนที่นางเดินเข้าสู่สายตาของสิบสองวิหาร นางก็ได้โยนเหยื่อล่อเอาไว้แล้ว กู่ซินเยียนต้องการอะไร นางเข้าใจดี แต่นางไม่คิดจะสนใจแม้แต่น้อย
แต่มีเรื่องหนึ่งที่ทำให้จวินอู๋เสียสนใจ
“กู่ซินเยียน กู่อิ่ง” จวินอู๋เสียหรี่ตา นางไม่พลาดรายละเอียดที่ดูเหมือนเรื่องบังเอิญนี้
กู่ซินเยียนและกู่อิ่งใช้แซ่เดียวกัน และในวิหารมารโลหิต คนแซ่กู่นั้นมีน้อยและหายาก มีเพียงสายเลือดของประมุขเท่านั้นที่ได้รับเกียรตินี้
ถ้าจวินอู๋เสียเดาไม่ผิด ไม่ว่าจะเป็นกู่ซินเยียน หรือกู่อิ่งที่เคยปรากฏตัวในสำนักวายุประจิม ทั้งสองต้องเกี่ยวข้องกับประมุขวิหารมารโลหิตไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แต่หน้าตาของกู่ซินเยียนกับกู่อิ่งไม่ได้เหมือนกันเลย ไม่อย่างนั้นล่ะก็ มันก็มีความเป็นไปได้สูงที่พวกเขาจะเป็นพี่น้องกัน
จวินอู๋เสียนั่งอยู่ที่โต๊ะขณะมองกล่องอาหารที่นางทิ้งไว้ตรงมุมห้อง
ไม่ว่ารอยยิ้มของกู่ซินเยียนจะดูคล้ายกับฉูหลิงเย่มากแค่ไหน แต่นางก็ไม่สามารถซ่อนแววตาเจ้าเล่ห์ของตัวเองได้
แต่ในเมื่อคนของวิหารมารโลหิตไม่สามารถรั้งตัวเองไว้ได้และเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว ทำไมนางจะไม่ไหลตามน้ำไปล่ะ?
ในสำนักธาราเมฆนี้ นางคิดว่าคงจะไม่สามารถเล่นงานสิบสองวิหารได้ แต่จากสิ่งที่นางเห็นในตอนนี้ ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย
“กู่ซินเยียน” จวินอู๋เสียเอามือเท้าคางและยิ้มบางๆที่มุมปาก
เมื่อวางแผนร้ายกับคนอื่น ก็ต้องระวังไม่ให้ตกเข้าไปอยู่ในแผนการของคนอื่นเช่นกัน