ตอนที่ 405 ปะทะ

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 405 ปะทะ

ฟ่านตงหลินในปีที่แล้วในการฝึกซ้อมได้ถูกเลื่อนตำแหน่งให้เป็นผู้บัญชาการของกองพันที่สอง

เนื่องจากคะแนนในแต่ละวิชาการฝึกของเขานั้นดีเป็นอย่างมาก จึงได้เลื่อนขั้นเป็นผู้บัญชาการของกองพันที่สอง

ต่อจากนั้นมาการฝึกซ้อมที่ที่ภูเขาเฟิ่งหลิน เขาก็ได้แสดงออกมาได้อย่างโดดเด่น ในการทดสอบการวัดระดับขั้นสุดท้ายเขาได้ที่หนึ่ง จึงถูกไป๋ยู่เหลียนแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการของกองพลที่สอง

เจี่ยนเตาในตอนนั้น จากตำแหน่งผู้บัญชาการกองร้อยที่สองก็ได้เลื่อนขั้นขึ้นเป็นผู้บัญชาการกองพันที่สอง

ขณะนั้นฟ่านตงหลินได้นำทหารหน่วยรบพิเศษดาบเทวะ 1,000 คนเคลื่อนที่อย่างไร้สุ่มเสียงไปยังจุดโจมตีศัตรู ยอดเขาหู่จี๋ ! มันตั้งอยู่ที่ด้านตะวันตกของภูเขาทางเหนือ จำเป็นต้องให้กองพลที่สองทะลุผ่านยอดเขาแห่งนี้

เส้นทางของพวกเขาไกลที่สุดและลำบากมากที่สุด แต่สำหรับดาบเทวะแล้ว สิ่งเหล่านี้ล้วนมิใช่ปัญหา

ตอนอยู่ในภูเขาเฟิ่งหลิน ถูกปีศาจไป๋ยู่เหลียนนั้นฝึกมา 8 เดือนเต็ม ๆ !

สภาพแวดล้อมที่ภูเขาเฟิ่งหลินนั้นมิได้ดีกว่าที่นี่สักเท่าใดนัก พวกเขาต้องปีนป่ายหน้าผา ต้องเดินบนเขาและลุยน้ำ ต้องไปให้ถึงจุดหมายอย่างรวดเร็วในป่ากว้างใหญ่ไร้ผู้คนเป็นต้น

ไป๋ยู่เหลียนกล่าวว่านี่คือวิชาที่ใช้ในการฝึก หากพวกเจ้ามีความแค้นเคืองประการใด สามารถถอนตัวได้ แต่ต้องไปบอกกล่าวกับฟู่เสี่ยวกวน ซึ่งนั่นก็คือคุณชายของพวกเขา !

ไป๋ยู่เหลียนยังกล่าวอีกว่าวิชาเหล่านี้คุณชายคือผู้กำหนดทั้งหมด !

ผู้คนในซีซานมิมีผู้ใดกล้าสงสัยในการตัดสินใจของคุณชาย ในเมื่อคุณชายเป็นคนกำหนด เยี่ยงนั้นก็จำเป็นต้องทำให้สำเร็จเท่านั้น

การขับเคลื่อนของผู้คนในซีซาน เบื้องหลังชาวไร่ชาวนาที่เข้ามาใหม่เหล่านั้นก็เป็นเหมือนกับการฉีดเลือดไก่ธรรมดา ฟู่เสี่ยวกวนเป็นคุณชายของพวกเขา จะแพ้ให้กับคนนอกที่เพิ่งเข้ามาได้เยี่ยงไร ?

พวกเขาสองกลุ่มได้แข่งขันกันเช่นนี้ ไป๋ยู่เหลียนได้นำทหารเก่ามา 500 คนจึงก่อให้เกิดความกดดัน ทหารใหม่ก็ได้ตั้งใจฝึกซ้อมกันอย่างบ้าคลั่งเช่นกัน ในสายตาของพวกเขา…เหล่าทหารเก่าถูกพวกเขาก้าวข้ามแล้ว สำหรับทหารเก่าเรื่องชื่อเสียงเกียรติยศเป็นเรื่องสำคัญ นี่จึงยอมรับมิได้

ด้วยเหตุนี้ คลื่นสองลูกจึงได้แข่งขันกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ไป๋ยู่เหลียนงุนงงที่พบว่าตนเองมิจำเป็นต้องกังวลแต่อย่างใด พวกเขาเหล่านี้ต่างก็มุ่งมั่นอยากทำให้สำเร็จ อีกทั้งยังดีกว่าที่เขาคาดการณ์เอาไว้มากนัก

การทดสอบรอบสุดท้ายในเดือนแปด คาดมิถึงว่าทุกคนจะผ่านการทดสอบวิชาการฝึกนี้แล้ว และ 5 คนในนั้นก็ผ่านได้อย่างสวยงามอีกด้วย

พวกเขาก็คือกองพลที่หนึ่งจงต้าฉุย ซึ่งเป็นทหารเก่าที่ไป๋ยู่เหลียนพามา

กองพลที่สองฟ่านตงหลิน เป็นคนในซีซาน ชายหนุ่มผู้นี้ชอบความผาดโผนเสี่ยงตายเป็นหลัก

กองพลที่สามหวังเสี่ยวจ้วง มาจากหมู่บ้านหวังเจียชุน ลูกชายคนที่สองของหวังเอ้อ เขาเข้ามาเป็นดาบเทวะในฐานะตัวสำรอง แต่ท้ายที่สุดของการฝึก เขากลับก้าวข้ามผู้คนมากมายได้สำเร็จ

กองพลที่สี่ซื่อโถว เป็นทหารเก่าที่ไป๋ยู่เหลียนพามาด้วยเช่นกัน เขานิ่งเงียบราวกับก้อนหินมิมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใด แต่ไป๋ยู่เหลียนก็รับรู้ได้ว่าจากวันแรกที่เริ่มฝึก ซื่อโถวได้รับชีวิตใหม่แล้ว

ฟ่านตงหลินแห่งกองพลที่สองในวันนี้เมื่อยามพลบค่ำได้มาถึงด้านล่างของภูเขาลูกที่สอง เขาหาที่หลบซ่อนในป่า นอกจากหน่วยสอดแนมที่ส่งออกไปแล้ว ทุกคนยังปักหลักอยู่ที่เดิมเพื่อพักผ่อน

“เจี่ยนเตา ฉุยจื่อ เฟิงโก่ว มาหาข้า ! ” ฟ่านตงหลินคำรามด้วยเสียงต่ำ สามคนที่ถูกเรียกวิ่งตรงมาเบื้องหน้าของเขา

ฟ่านตงหลินหยิบแผนที่ออกมาจากแขนของเขา แล้วกล่าวว่า “ต่อไปพวกเราจะข้ามภูเขาลูกนี้ในยามราตรี ด้านหลังของภูเขาลูกนี้ก็คือกองทัพสวรรค์ ยามนี้เป็นที่ตั้งมั่นของกองทัพทหารทางเหนือ พวกเรามิสามารถข้ามไปจากตรงนี้ได้ หากถูกพบเห็นจะทำเยี่ยงไร ? ดังนั้นพวกเราต้องข้ามจากตรงนี้…”

มือของฟ่านตงหลินชี้ไปทางขวา “นี่เป็นหน้าผาแห่งหนึ่ง พวกเจ้าลองดูเถิด หากข้ามไปจากตรงนี้ มันอยู่ใกล้กับจุดหมายมากกว่า พวกเราจะต้องไปถึงยอดเขาหู่จี๋ก่อนฟ้าสางในวันพรุ่งนี้ เช่นนี้พอจะเหลือเวลาหนึ่งวันเต็มในการเตรียมตัว แน่นอนว่า หน้าผาแห่งนี้ดูเหมือนจะค่อนข้างสูง อาจจะมีอันตรายสักหน่อย ดังนั้นตอนนี้ให้ออกความเห็น ข้าเสนอว่าให้ข้ามไปจากตรงนี้ พวกเจ้าเริ่มลงความคิดเห็นได้ ! ”

เขายกมือขึ้น จากนั้นผู้บัญชาการทั้งสามของเขาก็ได้ยกมือขึ้นเช่นกัน โดยที่ไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย

“หน้าผาแห่งนี้จะมีนกอินทรีย์โฉวเจี้ยนอยู่บนหน้าผาหรือไม่ ? ต่างเป็นเรื่องเล็กน้อยทั้งนั้น ข้าจะขอให้ทหารสองสามนายขึ้นไปผูกเชือกปีนเขาก่อน” ผู้บัญชาการฉุยจื่อกล่าวขึ้นพร้อมกับยักไหล่

เจี่ยนเตาตอบกลับว่า “เจ้าทำได้ เหตุใดข้าถึงจะทำมิได้กัน ? ”

เฟิงโจ่วกล่าวออกมาว่า “แข่งอะไรกันเล่า ใช้กฎเดิม ผู้ใดชนะผู้นั้นไป”

กฎเดิมก็คือการเป่ายิงฉุบ แพ้ชนะในตาเดียว

มิว่าจะเป็นการลงคะแนนเสียงในการปฏิบัติตามแผนการสู้รบ หรือเผชิญกับการเลือกว่าผู้ใดจะเป็นคนเริ่มก่อน ในดาบเทวะนั้นมิมีกฎเกณฑ์ที่เขียนไว้เป็นตัวอักษร

ผู้บัญชาการสามารถวางแผนการรบได้ แต่จำเป็นต้องผ่านความเห็นชอบร่วมกันจากเหล่าทหารภายใต้บัญชา แน่นอนว่าไป๋ยู่เหลียนมิใช่ผู้บัญชาการ เขาคือหัวหน้าของดาบเทวะทั้งหมด คำเอ่ยของเขา…หากผู้ใดกล้าโต้แย้งนั่นเท่ากับการรนหาที่ตายเลยมิใช่หรือ !

เป่ายิงฉุบ…เฟิงโจ่วชนะแล้ว เขาคาบหญ้าหางหมาแล้วลุกขึ้นยืนปัดก้น มองผู้บัญชาการที่เหลือด้วยหางตา “พวกเจ้าจะแข่งกับข้าได้เยี่ยงไร ? ข้าจะบอกอะไรบางอย่างให้กับเจ้าสองคนเอาไว้ การโจมตีในคืนพรุ่งนี้ ข้าก็ชนะพวกเจ้าอยู่ดี ! ”

“ไสหัวไป… ! ” เจี่ยนเตาแทบจะกระโดดถีบเฟิงโจ่วด้วยสองเท้า

เฟิงโจ่วเองก็เป็นทหารเก่าที่ไป๋ยู่เหลียนพามาด้วยเช่นกัน เขาแพ้ให้กับฟ่านตงหลินในการฝึกคราสุดท้าย ในใจมิได้ยอมรับด้วยใจจริง โดยเฉพาะที่ต้าฉุยนั้นเขายังได้ขึ้นเป็นผู้บัญชาการกองพล แต่ตอนนี้เขากลับเป็นได้เพียงแค่ผู้บัญชาการกองพันเล็ก ๆ

แน่นอนว่ากฎของไป๋ยู่เหลียน เขามิกล้าที่จะต่อต้าน สำหรับฟ่านตงหลินที่เคยเป็นอาหารนกในปากเขามาแล้วนั้น เขารู้สึกเลื่อมใสมากยิ่งนัก

กฎของไป๋ยู่เหลียนมิมีอันใดซับซ้อน ทหารในดาบเทวะ ในยามที่มิมีการรบให้ดูผลคะแนนการฝึก หลังจากนั้นดูที่ฝีมือการทหาร

ดังนั้นสิ่งที่เฟิงโจ่วคิดถึงมากที่สุดก็คือการต่อสู้ !

ข้ามิเชื่อว่าข้าจะมิได้ตำแหน่งผู้บัญชาการกองพลมา !

นี่คือสิ่งที่เขาได้เอ่ยไว้แล้ว แต่กลับได้คำเตือนจากไป๋ยู่เหลียนมาว่า หากเจ้ามิเคารพกฎมิฟังคำสั่งจะโดนตัดของล้ำค่า ข้าจะบีบเจ้าให้ตายคามือ !

เฟิงโจ่วรู้สึกว่าตนเองมิได้รับความเป็นธรรม

แต่เขาก็มิมีความกล้ามากพอที่จะเอ่ยออกมา

เขากลับมาที่กองพันที่สาม แล้วยื่นมือออกไป “มานี่ 10 คน นำเชือกไปปีนเขา ขึ้นไปกับข้า ! ”

เฟิงโจ่วพาทหาร 10 คนเข้าไปในป่าลึก มุ่งหน้าไปทางหน้าผาแห่งนั้น เมื่อยามที่ใช้ความมืดซ่อนเร้นกายไปยังที่แห่งนั้น เขาก็ได้ไปถึงยังหน้าผา ทันใดนั้นก็ได้เห็นคบเพลิงกำลังเคลื่อนไหวอยู่ไกล ๆ

เฟิงโจ่วรู้สึกดีใจขึ้นมาทันพลัน สถานการณ์เยี่ยงนี้คงมิโดยตัดของล้ำค่าอย่างแน่นอน !

“มีแพะอ้วน…วางเชือกลง พวกเราไปจับแพะอ้วนเหล่านั้นกินกันเถิด ! ”

ผู้บัญชาการกองร้อยอูมู่ตื่นตกใจทันพลัน “หัวหน้า ดูเหมือนว่าจะมีราวร้อยคนเลยนี่”

“อะไรกัน ? กลัวเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“กลัวอะไรกันเล่า ยังมิรู้เลยว่าเป็นคนของกองทัพทหารเหนือหรือไม่ อีกอย่างหากเป็นศัตรูอย่างแท้จริง หากพวกเราจับแพะอ้วนนี้กินแล้ว จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นกระทบกับแผนของหัวหน้าปีศาจหรือไม่ ? ”

หัวหน้าปีศาจ นี่เป็นคำเรียกที่นายทหารดาบเทวะมอบให้กับไป๋ยู่เหลียน !

“หัวหน้าปีศาจยังอยู่ข้างหลัง อีกอย่างกองพลตัดสินใจจะใช้ที่นี่ข้ามเขา พวกเจ้าดูสิ ศัตรูกำลังเดินมาทางพวกเรา”

อูมู่มองดูอีกครา ในใจพลันคิดว่าหากยอมแพ้ก็น่าเสียดายอย่างแท้จริง ! ”

“ดูให้ชัดเจนก่อนว่าเป็นศัตรูหรือมิตร หากเป็นมิตรก็ดักซุ่มไว้มิต้องตกใจ หากเป็นศัตรู…เยี่ยงนั้นห้ามใช้ปืน ! ”

เฟิงโก่วโบกมือใหญ่ให้สัญญาณ และย่องเบาไปทางศัตรูอย่างเงียบ ๆ