บทที่ 198 ไร้ยางอาย

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

“เฉินหยัง อย่ามาเสแสร้งต่อหน้าฉัน”

สำหรับท่าทีที่สนิทสนมของเฉินหยัง เฉินหวั่นชิงไม่มีทางยอมรับมันอย่างแน่นอน และเธอก็พูดอย่างรังเกียจว่า “เหตุการณ์ในวันนี้ มันทำให้ฉันมองเห็นตัวตนที่แท้จริงของนายแล้ว!”

“พี่สาวครับ นี่ก็คือจุดอ่อนของพี่หรือเปล่า?”

เฉินหยังพูดอย่างผู้ดี “นี่ผมพูดกับพี่โดยใช้เหตุผลนะครับ ทำไมถึงด่าผมแบบนี้ล่ะ?”

“วันนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมจะต้องแย่งตำแหน่งประธานจากพี่ให้ได้ ผมจะไม่ยอมเห็นบริษัทแซ่เฉินต้องล้มละลายในมือพี่!”

“เสี่ยวหยัง ไม่จำเป็นต้องแย่งหรอก”

จางเจี้ยนถังหัวเราะได้ใจ “เมื่อกี้คุณก็เห็นการตัดสินใจของพวกเราแล้ว เราสามคน โหวตให้คุณเป็นประธานผู้บริหารคนใหม่ของบริษัทแซ่เฉิน”

เกาหยุนเสียงยืนขึ้น “ต่อจากนี้ ผมจะขอประกาศว่า……”

บูม!

ทันใดนั้น ประตูห้องประชุมถูกชนเข้ามาจากด้านนอก ทำให้ทุกคนในห้องประชุมถึงกับตกใจ

“ขอโทษด้วยครับ พอดีไปทำทรงผมมาใหม่ ใช้เวลานานไปไหน ผมไม่ได้พลาดเรื่องสำคัญไปใช่ไหมครับ?”

หลังจากใช้เวลากับช่างทำผม ในที่สุดเย่เทียนก็ได้ทรงสลิคแบคราวกับเทพเจ้าแห่งการพนันที่เปล่งประกายเงางาม

ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือการปรากฏตัวของตัวเอกในเหตุการณ์ จู่ ๆ เขาก็มาขัดจังหวะการลงมติในห้องประชุม

“เย่เทียน!”

นอกเหนือความคาดหมาย เพราะคนแรกที่ตอบสนองไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเฉินหวั่นชิงภรรยาที่ถูกกฎหมายของเขา!

ดวงตาที่สดใสของเธอจ้องเขม็งไปที่เย่เทียนอย่างดุเดือดราวกับว่าสามารถพ่นไฟได้ ถ้าไม่ใช่เพราะเย่เทียน เธอจะถูกบีบบังคับไหม? เธอจะถูกบีบให้สละจากตำแหน่งผู้บริหารไหม?

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เฉินหวั่นชิงที่รักษาภาพลักษณ์ของความเป็นผู้หญิงมาตลอดก็ไม่สามารถระงับความโกรธในใจของเธอได้อีก จากนั้นเธอกระทืบเท้าแล้วเดินเข้าไปหาเย่เทียน ถ้าไม่ได้ทุบเย่เทียนแรงๆ สักครั้ง เกรงว่าความโกรธในใจเธอจะหมดไปไม่ได้แน่!

“ที่รัก ผมไปแค่ไม่กี่วันเองนะ? ผมรู้ว่าคุณคิดถึงผม แต่คุณไม่ต้องตะโกนเสียงดังขนาดนั้นก็ได้ ผมไม่ได้หูหนวกนะ”

สำหรับการตวาดอย่างเสียงดังของเธอ เย่เทียนอดไม่ได้ที่จะยื่นนิ้วก้อยเล็กๆ ของเขาออกมาแคะหูแล้วบ่นพึมพำ

“คุณยังมีหน้ามาหาฉันเหรอ? คุณรู้ไหม……”

เฉินหวั่นชิงที่โกรธจัดก็เดินเข้าไปหาเย่เทียนอย่างรวดเร็ว และในระยะที่ไม่ถึงหนึ่งเมตรนี้ เธอยกกำปั้นขึ้นโดยไม่ลังเลและทุบมันไปที่เย่เทียนอย่างรุนแรง

พรึ่บ!

เย่เทียนเอื้อมมือออกไปอย่างรวดเร็วและจับหมัดของเธอไว้ได้ จากนั้นพูดเหมือนอันธพาลที่ติดตลกว่า “ที่รัก ที่นี่คนเยอะนะ คุณอยากเล่นมวยปล้ำกับผมก็รอกลับบ้านก่อนไม่ได้เหรอ? ผมก็อายเป็นเหมือนกันนะ!”

“มานี่สิ ให้สามีกอดหน่อย ดูว่าสองสามวันที่สามีไม่อยู่นี้ ที่รักผอมลงไหม?”

โดยไม่รอให้เฉินหวั่นชิงตอบสนอง เย่เทียนก็ดึงเธอเข้าไปในอ้อมแขนของเขาและกอดเธอเอาไว้

ด้วยโอกาสนี้ เย่เทียนขยับเข้าใกล้หูของเธอและพูดกับเธอโดยใช้เสียงที่ได้ยินเพียงแค่สองคนเท่านั้น “ผมรู้ว่าเฉินหยังกำลังบีบให้คุณสละตำแหน่ง แต่คุณรอผมจัดการมันก่อน แล้วเราค่อยมาคุยกัน!”

เฉินหวั่นชิงที่ยังไม่ได้หัวร้อนจนสติแตกก็ตกตะลึงทันที เธอไม่คิดเลยว่าเย่เทียนจะรู้จุดประสงค์ของเฉินหยังและคนอื่นๆ ในนี้

และก่อนที่เธอจะตั้งตัวได้ เย่เทียนก็อุ้มเธอขึ้นแล้ววางเธอลงบนเก้าอี้ของเธอ จากนั้นยืนอยู่ข้างเธอแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ทุกท่าน การด่าการว่าก็คือการรัก ต้องขอโทษทุกท่านนะครับที่ทำให้ตกใจ”

ฝูงหมาป่าเหล่านี้จะไม่เข้าใจได้อย่างไรสำหรับท่าทีของเฉินหวั่นชิงก่อนหน้านี้

เฉินหยังกำมือของเขาที่ซ่อนอยู่ใต้โต๊ะประชุมอย่างแน่นๆ แม้ว่าอาการบาดเจ็บของเขาจะไม่รุนแรงแล้ว แต่เขาก็ยังรู้สึกเจ็บอยู่เล็กน้อย

เมื่อนึกถึงความอัปยศที่เย่เทียนนำมาให้ เขาจึงรีบลุกขึ้นเป็นคนแรกและพูดอย่างประชดประชัน “เย่เทียน คุณทำผิดต่อพี่สาวผมขนาดนี้ ยังกล้าเสนอหน้ามาอีกเหรอ?”

เดิมทีเขาจะถูกประกาศเป็นผู้บริหารของบริษัทแซ่เฉินอย่างเป็นทางการอยู่แล้ว แต่ไม่นึกเลยว่าเย่เทียนผู้เป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญจะปรากฏตัวขึ้น ซึ่งมันก็ทำให้เขาโกรธจนแทบกระโดดขึ้นมา

“น้องชาย ยังไงผมก็เป็นพี่เขยคุณนะ พูดจาให้มันสุภาพหน่อยได้ไหม!”

เย่เทียนแสยะยิ้มแล้วพูดอย่างมีนัยว่า “คุณอย่าลืมนะว่าผมไม่ใช่คนนิสัยดี”

เฉินหยังที่ได้ยินเช่นนี้ถึงกับตากระตุก

เขาจะไม่รู้คำขู่ของเย่เทียนได้อย่างไร ล่าสุดที่ถูกทำร้ายมันก็ผ่านมาไม่นานนี่เอง และเขาก็ยังกลัวเย่เทียนคนนี้อยู่บ้าง

“อะไรนั่น?”

เย่เทียนเหลือบมองผู้ถือหุ้นและนายธนาคารสามคนนั้นด้วยรอยยิ้ม แต่จากนั้นสายตาของเขาก็ถูกหนังสือพิมพ์บนโต๊ะประชุมดึงดูดไป

“นักข่าวคนไหนเป็นคนถ่ายเนี่ย? ทำไมไม่เตือนก่อนล่วงหน้า? ดูมันถ่ายสิ!”

ในขณะที่พูด เย่เทียนก็หยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาแล้วสแกนอ่านอย่างรวดเร็ว

ปั้ง!

ทันใดนั้น เย่เทียนทุบโต๊ะอย่างกะทันหัน และโต๊ะไม้พะยูงคุณภาพสูงก็ยุบลงเป็นรอยฝ่ามือของเขา

ฉากนี้ทำให้ผู้อาวุโสที่มีชื่อเสียงในห้องประชุมถึงกับเบิกตากว้าง ดวงตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความกลัวและความตื่นตระหนกต่อเย่เทียน

ทุบโต๊ะจนยุบเป็นรอยฝ่ามือ? พลังจะรุนแรงไปไหม? เขากำลังแสดงหนังกำลังภายในอยู่หรือ?

หากไม่ได้เห็นด้วยตาตนเอง ฆ่าให้ตายพวกเขาก็คงไม่เชื่อ!

“น่าเกลียด! เลวทราม! ไร้ยางอายจริงๆ!”

เย่เทียนชี้ไปที่หนังสือพิมพ์ด้วยความโกรธ “นักข่าวพวกนี้ใส่ร้าย! หมิ่นประมาทกันชัดๆ! ผมจะฟ้องพวกมันให้หมด!”

แม้เฉินหยังและคนของเขาจะกลัวความใจร้อนของเย่เทียน แต่เมื่อเห็นความโกรธของเย่เทียนแล้ว พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะแสดงท่าทีที่ดูถูกเหยียดหยามพร้อมกัน

หยาบคายจริงๆ คนแบบนี้มีแต่ความกล้า เก่งแต่ใช้กำลังแบบนี้จะมีประโยชน์อะไร? สุดท้ายก็ต้องเป็นเครื่องมือของคนอื่นอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

นัยน์ตาของเฉินหยังประกายความเคียดแค้นออกมา ไอ้คนตระกูลเย่ รอให้ข้าได้อำนาจมาก่อน คอยดูว่าจะจัดการกับแกยังไง!

“เย่เทียน ถึงแม้คุณกับหวั่นชิงจะแต่งงานกันแล้ว แต่คุณก็ไม่ใช่คนของบริษัทแซ่เฉินอยู่ดี และที่นี่ไม่ใช่ธุระของคุณ แล้วคุณก็ห้ามมาทำตัวป่าเถื่อนที่นี่!”

จางเจี้ยนถังผู้ซึ่งเป็นผู้อาวุโสที่สุดเลิกคิ้วขึ้น จากนั้นชี้ไปที่ประตูของห้องประชุมแล้วพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ไสหัวออกไปให้พ้น! อย่ามารบกวนการประชุมของเรา!”

“แล้วจะไม่เกี่ยวกับผมได้ยังไงครับ?”

เย่เทียนแสยะยิ้มแล้วพูดอย่างน่าเกรงขามว่า “ถ้าพูดถึงเรื่องงาน ผมเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของหวั่นชิงที่ได้รับการว่าจ้างจากบริษัทแซ่เฉิน ฉะนั้น ผมก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของบริษัทแซ่เฉิน”

“แต่ถ้าพูดถึงเรื่องส่วนตัว ผมเป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของหวั่นชิง แล้วคุณคิดว่าคนเป็นสามีจะทนดูภรรยาของตนถูกรังแกอย่างนิ่งเฉยได้เหรอครับ?”

หลังจากหยุดไปสักพัก เย่เทียนขยิบตากับจางเจี้ยนถังแล้วพูดด้วยรอยยิ้มอันชั่วร้าย “หรือว่า ประธานจางเป็นหน้าตัวเมีย เป็นผู้ชายประเภทที่ชอบหลบอยู่หลังผู้หญิง?”

“คุณ……” จางเจี้ยนถังรู้สึกโกรธมาและกำลังจะโต้กลับ

แต่เย่เทียนไม่เปิดโอกาสให้เขา ได้แต่ส่ายหัวแล้วพูดพึมพำขึ้นอีกครั้ง “ไม่สิ ๆ ประธานจางอายุก็ปูนนี้แล้ว จะหาว่าคุณเป็นหน้าตัวเมียก็คงจะดูถูกคุณเกินไป คุณน่าจะเป็นพวกตาแก่ไร้ยางอายมากกว่านะครับ!