DC บทที่ 241: ข้อเสนอที่ไม่อาจต้านทาน

 

“เจ้าคิดว่าศิษย์พี่ชายซูจะมีปัญหากับเจ้านิกายหรือไม่”

 

“ข้าคิดว่าทุกอย่างคงเรียบร้อยหลังจากผู้อาวุโสซุนจากไป…บางทีเธออาจจะมาที่นี่ด้วยเหตุผลอื่น”

 

บรรดาศิษย์หญิงที่ตรงนั้นมองดูโหลวหลานจีตรงเข้าไปยังประตูหน้าบ้านซูหยางด้วยท่าทางเป็นกังวล แม้ว่าพวกเธออาจะสามารถต่อต้านผู้อาวุโสนิกายจากการพยายามที่จะหยุดซูหยางจากการร่วมฝึกได้ แต่กับเจ้านิกายต้องถือว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

 

ถ้าเจ้านิกายต้องการให้ซูหยางหยุดอย่างจริงจัง เช่นนั้นก็ไม่มีอะไรที่ซูหยางสามารถแก้ไขได้ ได้แต่ยอมรับคำสั่งของเธอ

 

และถ้าสิ่งนั้นเกิดขึ้นจริงๆ พวกเธอจะทำอย่างไรต่อไปนี้เพื่อให้เกิดความพึงพอใจกับความกระหายอยากในกาม ศิษย์หญิงเหล่านี้ไม่อาจจินตนาการว่าชีวิตจะเป็นเช่นไรโดยปราศจากซูหยาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเธอเริ่มคุ้นเคยกับเขา

 

หลังจากนั้นไม่นานครั้นเมื่อศิษย์หญิงที่เข้าไปในห้องซูหยางออกมา โหลวหลานจีก็หรี่ตามองจ้องเธอทำให้ศิษย์หญิงสั่นสะท้านด้วยความแตกตื่น

 

“ผ-ผ-ผู้นำนิกาย” เธอพลันทักทายอีกฝ่ายพร้อมนึกสงสัยว่าทำไมโหลวหลานจีจึงจ้องมองเธอด้วยสายตาไม่พึงใจ

 

โหลวหลานจีไม่กล่าวอะไรและเดินมุ่งตรงเข้าไปในบ้าน ปิดประตูตามหลังเธอ

 

เมื่อซูหยางปรากฏตัวขึ้นด้านในห้อง เขาก็แสร้งทำเป็นประหลาดใจเมื่อเห็นเธอ “เจ้านิกาย ช่างน่าประหลาดใจ ท่านมาที่นี่เพื่อนวดหรือ” เขาถามเธอพร้อมรอยยิ้ม

 

“หยุดเสแสร้งได้แล้ว ซูหยาง ข้าสามารถเห็นความจอมปลอมของเจ้าได้จากหลายกิโลเมตร” โหลวหลานจีแค่นเสียงเย็นชา

 

“ข้ามิเข้าใจ” ซูหยางส่ายหน้าด้วยท่าทางงงงัน

 

โหลวหลานจีชี้ไปยังหน้าเธอและกล่าวเสียงดังว่า “ข้ากำลังพูดถึงว่าทำไมเจ้าต้องตบหน้าเพื่อปลุกข้าจากการหลับไหล เจ้าคิดจริงรึว่าเจ้าสามารถหลบเลี่ยงพ้นหลังจากที่ทำความผิดอกตัญญูเช่นนั้น นี่ถือเป็นอาชญากรรมในการทำร้ายใบหน้าผู้หญิงด้วยความมิเคารพเช่นนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาวสวยอย่างเช่นข้า”

 

โหลวหลานจีแสดงความโกรธและไม่พอใจต่อวิธีที่เขาทำต่อใบหน้าสวยของเธอ

 

อย่างไรก็ตามซูหยางเพียงแค่ยักไหล่และกล่าวว่า “ท่านก็พูดออกมาเองอยู่แล้วว่านั่นก็เพื่อปลุกท่านให้ตื่น”

 

“ใช่ข้ายอมรับ แต่เจ้าก็ได้พูดว่าข้าจะตื่นขึ้นมาเองแม้ว่าเจ้าจะมิได้ช่วยภายในชั่ววัน เช่นนั้นทำไมจึงจำเป็นต้องตบหน้าข้าด้วย”

 

“ใช่แล้ว ข้าได้พูดอะไรเช่นนั้น อย่างไรก็ตามข้าก็มิอาจเพิกเฉยต่อเหล่าผู้อาวุโสนิกายที่มีท่าทางกระวนกระวายนั่นได้ เพราะนั่นทำให้ข้ากังวลว่าถ้าข้าทำให้พวกเขารออยู่เช่นนั้นต่อไปอีกมิกี่ชั่วโมง นั่นอาจจะมีผลต่อสุขภาพของพวกเขา”

 

“…”

 

โหลวหลานจีอ้าปากแต่ไม่มีคำพูดใดออกมาในเมื่อเธอไม่รู้ว่าควรจะตอบสนองกับคำพูดของเขาอย่างไร แม้ว่าจะรู้ว่านั่นไม่ใช่ความกังวลที่แท้จริงของเขาแม้แต่น้อย เธอเพียงแค่ไม่รู้จะพูดอะไรกับตัวตนแบบนี้ของซูหยาง ไม่รู้ว่าเขายังเห็นเธอเป็นเจ้านิกายอยู่หรือไม่ทั้งที่เรียกขานเธอแบบนั้น

 

“หรือว่านี่เป็นเรื่องทั้งหมดที่ท่านมาที่นี่ เพื่อก่นด่าข้าที่ปลุกท่านขึ้น” ซูหยางพูดต่อราวกับว่าเขากำลังพูดกับเพื่อน

 

โหลวหลานจีขมวดคิ้วและหยิบขวดแก้วออกมาจากชุดคลุมและแสดงมันให้กับเขา และเธอก็พูดขึ้นว่า “เจ้าขายสิ่งนี้ให้กับผู้อาวุโสเจ้า ถูกไหม”

 

ซูหยางมองดูน้ำมันรัญจวนในมือเธอและพยักหน้า “ใช่แล้ว”

 

เขาไม่ได้ปฏิเสธแม้แต่น้อย ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่โหลวหลานจีคาดหวังให้เขาทำ

 

“เจ้าได้มันมาจากไหน” โหลวหลานจีไม่พูดอ้อมค้อมและพูดเข้าตรงประเด็น

 

“ถ้าข้าปฏิเสธที่จะตอบคำถาม ท่านจะบีบข้ารึ” ซูหยางตอบกลับพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า

 

“ไม่ ข้ามิปรารถนาเช่นนั้น แม้ว่าข้าเป็นเจ้านิกาย ข้ามิปรารถนาบีบให้เจ้าเปิดเผยสิ่งที่เจ้ามิต้องการ” โหลวหลานจีหรี่ตา “อย่างไรก็ตามถ้าจะพูดไปแล้ว เพราะว่าสารนี้มีความสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงนิกายของเราทั้งหมดได้เป็นอันมาก ข้าปรารถนาที่จะทำทุกสิ่งที่อยู่ในอำนาจเพื่อที่จะได้รับมันจากเจ้า แน่นอนว่าต้องเป็นสิ่งที่ไม่ผิดกฏนิกาย”

 

“เช่นนั้นรึ…” ซูหยางยังคงเรียบเฉย

 

“ถ้าเจ้าร่วมมือกับข้า นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยย่อมต้องชดเชยให้เจ้าเต็มที่ ข้าจักยอมให้เจ้าใช้ห้องสวีทแห่งศลิษาฟรีพร้อมด้วยผลประโยชน์มากมายที่กระทั่งศิษย์หลักยังต้องอิจฉา นี่เป็นข้อเสนอที่เหลือเชื่อที่ยากจะมีศิษย์ใดลังเลที่จะรับ ยังมิได้พูดถึงข้อดีอื่นที่เจ้าจักได้รับจากการช่วยเหลือ”

 

“ห้องสวีทแห่งศลิษาอย่างนั้นรึ หรือว่าเธอยังคงมิรู้ว่าสถานที่นั่นได้หมดพลังอำนาจของมันไปนานแล้วนับตั้งแต่ข้าถอนรากปราณออกจากที่แห่งนั้น” ซูหยางคิดในใจ

 

“ตามจริงนั่นอาจจะเป็นข้อเสนอที่ไม่อาจต้านทานได้สำหรับศิษย์ทั่วไป โชคร้ายข้ามิได้มีความสนใจใดกับข้อเสนอนั้น”

 

โหลวหลานจีขมวดคิ้วเมื่อเขาปฏิเสธข้อเสนอของเธอ แต่เธอก็ยังปฏิเสธที่จะยอมแพ้และพยายามที่จะหว่านล้อมเขาต่อไปอีกว่า “เท่าที่รู้จักเจ้า นั่นต้องมีบางสิ่งที่เจ้ายังคงต้องการจากข้า และเจ้าก็รอให้ข้าพูดออกมา ก็ได้ เจ้าต้องการอะไรจากข้า ถ้านั่นอยู่ภายในขอบเขตอำนาจของข้า ข้าจักดูว่าจะทำอะไรได้บ้าง”

 

ซูหยางหัวเราะและกล่าวว่า “ถ้านั่นอยู่ในอำนาจของท่านรึ หรือว่าเจ้านิกายล้วนอ่อนน้อมถ่อมตน”

 

“เพียงเพราะว่าเจ้านิกายควบคุมดูแลนิกายมิได้หมายความว่าพวกเขาสามารถทำทุกสิ่งที่เขาต้องการได้ ในเมื่อยังมีหลายสิ่งที่แม้กระทั่งเราก็ไม่มีความสามารถทำมันได้ ยกตัวอย่างถ้าเจ้าขอทรัพยากรไม่จำกัด ข้าก็จักมิอาจทำตามความประสงค์นั้นได้ ด้วยฐานะที่ข้าต้องรับผิดชอบในตำแหน่งผู้นำนิกายเพื่อให้มั่นใจว่าศิษย์ทุกคนได้มีโอกาสที่จะได้รับอย่างเท่าเทียม”

 

“อย่ากังวล ข้ามิได้ขออะไรเช่นนั้น” เขากล่าวพร้อมรอยยิ้ม

 

“นั่นคงเป็นสิ่งพิเศษที่เจ้าต้องการจากข้า” โหลวหลานจีหรี่ตากับคำพูดของเขา

 

“แม้ว่านั่นมิได้มีอะไรมากนัก ตามจริงแล้วนั่นก็เป็นบางสิ่งที่ข้าอยากขอให้ท่านช่วย”

 

“ฮึ่ม อย่าโลภมากจนเกินพอ ซูหยางที่ข้ารู้จัก ต่อให้ฟ้าถล่มลงมาก็อาจจะมิได้มีอะไรไปมากกว่าเรื่องเล็กน้อยในสายตาของเจ้า” โหลวหลานจีเตือนเขา