พวกเขาไม่เกรงกลัว ที่นี่เป็นเพียงประตูทางเข้าเท่านั้น หากมีเรื่องวุ่นวายตำหนักสมบัติวิญญาณคงต้องไว้หน้าพวกเขาบ้าง
ใบหน้าของพวกเต็มไปด้วยความมั่นใจ
ห้ามังกรจ้องเขม็งมายังหลิงฮัน สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความอิจฉา รุ่นเยาว์ผู้นี้อายุยังน้อยแต่ความสำเร็จกลับไม่ด้อยไปกว่าพวกเขาเลย เรื่องนี้ทำให้ทั้งห้าคนรู้สึกไม่พอใจ
หลิงฮันนำมือทั้งสองข้างพาดหลังและยิ้ม “จะเริ่มลงมือแล้ว? พวกเจ้าควรจะคิดให้ดีๆ ถ้าหากจะมาขอความเมตตาจากข้าทีหลังก็ต้องดูอารมณ์ข้าก่อน”
“ฮ่าๆๆๆ!” ห้ามังกรแสยะยิ้ม รุ่นเยาว์ผู้นี้สะกดคำว่าตายไม่เป็นรึไง?
ผู้คนที่มองดูเหตุการณ์ก็หัวเราะออกมาเช่นกัน พวกเขาเคยเห็นคนอวดดีมามากมาย แต่คนที่บ้าบิ่นขนาดหลิงฮัน พวกเขาเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก
“ช่างไม่รู้จักเจียมตัว!” เจี่ยชางพุ่งออกไป พวกเขาเป็นห้ามังกรที่มีเกียรติ จึงเป็นธรรมดาที่จะไม่ร่วมมือกันเพื่อจัดการศัตรูคนเดียว
แต่แค่พลังของเจี่ยชางก็ถือว่าน่าสะพรึงกลัวแล้ว หนึ่งมือของเขาปรากฏรูปแบบเจตจำนงควบแน่นกลายเป็นแสงสีทองที่มีรูปร่างเหมือนกับกรงเล็บมังกร
หลิงฮันยังคงมีท่าทีสงบนิ่งไร้การตอบโต้
ทุกคนส่ายหัวพร้อมกัน แค่กรงเล็บของเจี่ยชางก็แข็งแกร่งขนาดนี้แล้ว
กรงเล็บมังกรโจมตีออกไป แรงกดดันที่รุนแรงของมันสามารถทำให้ผิวหนังของระบุปผาผลิบานที่อ่อนฉีกขาดได้เลย
ในที่สุดหลิงฮันก็ลงมือ เขายกเท้าขึ้นอย่างลวกๆและถีบใส่เจี่ยชาง
จังหวะในการถีบของหลิงฮันสวยงามเป็นอย่างมาก เจี่ยชางนั้นเอาแต่มุ่งความสนใจไปกับการโจมตีใส่หลิงฮันโดยไม่ถึงว่าจะถูกโจมตีตอบโต้ ดังนั้นพอเจี่ยชางรู้สึกตัวอีกที ฝ่าเท้าก็ใกล้เข้ามาตรงบริเวณใบหน้าของเขาเสียแล้ว
ใครจะไปยอมเสียเกรียติอย่างเช่นการถูกถีบหน้า? ดังนั้นก่อนที่กรงเล็บของเจี่ยชางจะปะทะเข้ากับร่างหลิงฮัน เจี่ยชางก็เลือกที่จะเบี่ยงตัวหลบฝ่าเท้าแทน
แต่ทันใดนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดบนใบหน้า เมื่อนำมือไปแตะถึงได้รู้ว่าบนใบหน้าของเขามีโลหิตไหลออกมา
แม้จะหลบลูกถีบของหลิงฮันได้พ้น แต่ลูกถีบของหลิงฮันก็ทำให้เกิดคลื่นลมที่คมกริบราวกับกระบี่
‘โฮ่!’
ทุกคนที่ท่าทีตกตะลึง เจี่ยชางหนึ่งในห้ามังกรได้เป็นฝ่ายได้รับบาดเจ็บในกระบวนท่าเดียว ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่รอยขีดข่วนที่ไม่ส่งผลอะไรจากพลังต่อสู้ แต่จอมยุทธในระดับพลังเดียวกัน มีคนที่สามารถสร้างบาดแผลให้กับเจี่ยชางได้ด้วยรึ?
แม้แต่เจี่ยชางยังต้องเลือดออก พลังต่อสู้ของหลิงฮันจะต้องแข็งแกร่งมากแน่ๆ
“ข้าประมาทเจ้าไปหน่อย!” เจี่ยชางใช้มือปาดโลหิตบนแก้ม ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง แสดงให้เห็นถึงความเกรี้ยวกราด
หลิงฮันพูด “ส่วนข้านั้นไม่จำเป็นต้องดูถูกเจ้า เมื่อครู่ข้าใช้พลังไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
บัดซบ ช่างอวดดีจริงๆ!
ไม่ใช่แค่เจี่ยชางที่เกรี้ยวกราด แต่มังกรทั้งสี่คนที่เหลือก็ไม่สามารถยืนอยู่เฉยๆได้ พวกเขามีฉายาร่วมกันว่าห้ามังกร การที่ชื่อเสียงของเจี่ยชางได้รับผลกระทบย่อมทำให้พวกเขารู้สึกไม่พอใจเช่นกัน
“ลองอีกครั้ง!” เจี่ยชางพูดอย่างเย็นชา ครั้งนี้เขาได้รับบทเรียนแล้ว เขาจะไม่ปะทะกับหลิงฮันด้วยกำปั้น แต่จะใช้พลังที่ควบแน่นจากปราณก่อเกิดแทน
“ปรมาจารย์หลิง!” ทันใดนั้นเองเสียงอันรีบร้อนเสียงหนึ่งก็ดังมาจากบันไดชั้นบน จากนั้นก็มีชายร่างอ้วนเดินลงมาอย่างรีบร้อน คนผู้นี้อ้วนเป็นอย่างมาก เขาอ้วนจนไม่อาจมองเห็นช่องว่างระหว่างขา ภาพที่ทุกคนมองเห็นจึงเป็นก้อนเนื้อที่กำลังกลิ้งลงมาจากบันได
แม้จะดูเป็นภาพที่ตลกแต่กลับไม่มีใครกล้าหัวเราะแม้แต่คนเดียว เพราะว่าคนคนนี้คือตัวตนที่ทรงอำนาจของตำหนักสมบัติวิญญาณ สถานะของเขาสูงส่งเป็นอย่างยิ่ง
ผู้อาวุโสใหญ่ตำหนักที่เจ็ด ยิ่นเฉวยาง
ตำหนักสมบัติวิญญาณของภูมิภาคกลางมีผู้อาวุโสทั้งหมดเก้าคน ซึ่งเป็นผู้อาวุโสระดับสูงสุด ทั้งเก้าคนนี้มีพลังบ่มเพาะระดับสวรรค์!
ตำหนักสมบัติวิญญาณมีตัวตนระดับทลายมิติหรือไม่? มีคำล่ำรือว่ามีแต่ไม่มีใครเคยเห็น
จอมยุทธระดับสวรรค์มาปรากฏตัวด้วยตัวเองและทักทายอย่างสุภาพว่า‘ประมาจารย์หลิง’ ตัวตนของประมาจารย์หลิงจะต้องยิ่งใหญ่ขนาดไหนกัน?
นักปรุงยาระดับปฐพี? ไม่มีทาง แม้จะเป็นนักปรุงยาระดับปฐพีก็ไม่มีคุณสมับัติขนาดนั้น… ที่เป็นไปได้คือนักปรุงยาระดับสวรรค์! แต่ปัญหาก็คือในโลกนี้มีนักปรุงยาระดับสวรรค์เพียงสองคน แต่ไม่มีใครเลยที่แซ่หลิง
เดี๋ยวก่อน จะว่าไปแล้วมีนักปรุงยาระดับสวรรค์คนหนึ่งเกิดขึ้นที่ภูมิภาคเหนือ มีข่าวออกมาว่านักปรุงยาระดับสวรรค์ผู้นั้นได้รับมรดกสืบทอดของสิบสองพระราชวังและครอบครองขุมสมบัติของพระเจ้า!
ไหน? อยู่ที่ไหนกัน? นักปรุงยาระดับสวรรค์คนนั้นอยู่ไหน?
ทุกคนหันมองไปรอบด้าน แน่นอนว่าไม่มีใครคิดว่ารุ่นเยาว์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาจะเป็นหลิงฮัน เพราะว่ารุ่นเยาว์ที่พวกเขาเห็นนั้นอายุน้อยเกินไปที่จะเป็นปรมาจารย์นักปรุงยาระดับสวรรค์
ผู้อาวุโสก้อนเนื้อเดินลงมาอย่างเร่งรีบ ผู้คนที่ขวางทางอยู่ก็รีบหลีกทางให้ แต่ก้อนเนื้อก้อนนี้เคลื่อนไหวเร็วเกินไป บางคนยังไม่ทันได้หลบก็ปลิวกระเด็นเสียแล้ว
ยิ่นเฉวยางไม่คิดจะหันกลับไปมองคนที่ลอยกระเด็น เขาเป็นจอมยุทธระดับสวรรค์ที่สามารถทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ
ห้ามังกรตกตะลึงและรีบเขยิบไปด้านข้าง พวกเขาไม่มีคุณสมบัติจะยืนต่อหน้าจอมยุทธระดับสวรรค์ ไม่ต้องพูดถึงพวกเขาเลย แม้แต่ตัวตนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในตระกูลของพวกเขามาก็ต้องทำตัวอ่อนน้อมเมื่อพบยิ่นเฉวยาง
เพราะงั้นถ้าเกิดพวกเขายังยืนเฉยแล้วโดนกระแทกจนกระเด็น คงเป็นอะไรที่โชคร้ายมากแน่ๆ
มีเพียงหลิงฮันที่ไม่ขยับไปไหน
อะไรกัน เจ้าหนูนั่นคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน? ถ้าเกิดถูกสังหารโดยจอมยุทธระดับสวรรค์ ไม่ว่าใครก็ช่วยอะไรไม่ได้ อะไรทำให้เขาเป็นคนตาบอดขนาดนั้น?
ผู้อาวุโสก้อนเนื้อเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ภายในพริบตาเขาก็มาถึงตัวหลิงฮัน
ทุกคนถอนหายใจส่ายหัว หลิงฮันจะต้องถูกชนจนกระเด็นแน่ๆ
แต่กลับกัน จู่ๆก้อนเหนือ… ไม่ใช่สิ จู่ๆยิ่นเฉวยางก็หยุดเคลื่อนไหวและยืนนิ่งตรงหน้าหลิงฮัน ใบหน้าของเขาประดับไปด้วยรอยยิ้ม เนื่องจากความอ้วนที่ทำให้ไม่สามารถมองเห็นคอได้ ภาพลักษณ์ของยิ่นเฉวยางจึงดูตลกเป็นอย่างมาก
แต่ถึงอย่างนั้นผู้คนรอบข้างก็ไม่มีใครกล้าหัวเราะ
มีเพียงหลิงฮันเท่านั้นที่จู่ๆก็หัวเราะลั่นออกมา ทุกครั้งที่หลิงฮันหัวเราะ ปากของทุกคนก็จะกระตุกไปมาพร้อมกับความรู้สึกหนาวเย็นที่สั่นสะท้านไปทั่วหัวใจ
แต่สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดได้เกิดขึ้น ยิ่นเฉวยางหัวเราะตอบโต้ด้วยท่าทีมีความสุข
“ปรมาจารย์หลิงอุตส่าห์มาทั้งที ได้โปรดยกโทษให้กับความล่าช้าของข้าด้วย!” ยิ่นเฉวยางพูดอย่างรู้สึกผิด
ไม่จริงน่า!
ทุกคนกลายเป็นสับสน จอมยุทธระดับสวรรค์กำลังทำตัวอ่อนน้อมต่อหน้าจอมยุทธระดับบุปผาผลิบาน? นี่ตาของพวกเขาใช้การไม่ได้ไปแล้วรึไง?
แถมยัง… ปรมาจารย์หลิง? รุ่นเยาว์คนนี้คือหลิงฮัน?
ใบหน้าของห้ามังกรกลายเป็นบิดเบี้ยวในทันที