ตอนที่ 550

Alchemy Emperor of the Divine Dao

หิน

หรือว่าแท้จริงแล้วชายหนุ่มคนนี้คือนักปรุงยาระดับสวรรค์? นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน!

อย่างไรก็ตาม มันคงไม่มีทางที่จอมยุทธระดับสวรรค์จะพูดจาหยอกล้อกับรุ่นเยาว์แบบนี้หรอกจริงไหม?

ทุกคนต่างครุ่นคิดกับสิ่งที่หลิงฮันได้พูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งตอนแรกมันเหมือนกับเขาแค่พูดจาอวดดีออกมา แต่ตอนนี้ทุกคนได้ตระหนักคำพูดของเขาแล้ว

นักปรุงยาระดับสวรรค์นั่นคือตัวตนที่แม้แต่จอมยุทธระดับสวรรค์ยังต้องเคารพ สถานะของเขาสูงส่งมาก

หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ท่านผู้อาวุโส ข้าไม่รู้ว่าข้าควรเรียกท่านว่าเช่นไรดี?”

มีหลายคนรู้จักเขาทำให้ยิ่นเฉวยางจึงรู้สึกยินดี แต่อีกฝ่ายกลับไม่รู้แม้กระทั่งชื่อของเขา นี่มันเรื่องไร้สาระอะไรกัน!

“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าคือยิ่นเฉวยางผู้อาวุโสใหญ่แห่งตำหนักสมบัติวิญญาณที่เจ็ด ปรามาจารย์หลิง ถ้าท่านไม่รังเกียจท่านสามารถเรียกข้าว่าหยางน้อยก็ย่อมได้” ยิ่นเฉวยางยิ้ม

ทันใดนั้น ทุกคนรู้สึกตกใจขึ้นมาทันที มันจะมีสักกี่คนกันที่สามารถเรียกเขาว่าหยางน้อยได้ภายใต้ดวงตะวัน? นอกเหนือจากตัวตนระดับทลายมิติแล้วคงจะมีจอมยุทธระดับสวรรค์ขั้นสูงสุดไม่กี่คนเท่านั้น

“งั้นข้าจะเรียกท่านว่าเจ้าตำหนักที่เจ็ดแล้วกัน” หลิงฮันจะเรียกอีกฝ่ายว่าหยางน้อยได้ยังไง?

“ปรมาจารย์หลิงต้องการเข้าร่วมงานประมูลในวันนี้อย่างนั้นหรือ?” ยิ่นเฉวยางถาม

“ใช่แล้ว” หลิงฮันพยักหน้า

“เชิญ เชิญ!” ยิ่นเฉวยางรีบแสดงท่าทางต้อนรับอย่างรวดเร็ว

หลิงฮันก้าวเดินไปข้างหน้า ทำให้ทุกคนรู้สึกประหลาดใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจี่ยชาง และคังสื่อฉี แต่แล้วหลิงฮันก็ได้หยุดเดินและพูดกับยิ่นเฉวยางว่า “เจ้าตำหนักที่เจ็ด ถ้าข้าของจัดการกับคนที่พูดข่มขู่ข้าสักเล็กน้อย มันจะเป็นปัญหาหรือไม่?”

ยิ่นเฉวยางรู้สึกแปลกใจและพูดว่า “โอ้ว มีคนกล้าข่มขู่ปรามาจารย์หลิงด้วยงั้นหรือ?”

“คนหนึ่งต้องการให้ข้าเรียกว่าท่านปู่ ส่วนอีกคนต้องการให้ข้าเป็นผู้ติดตามทั้งยังต้องการทุบตีข้า” หลิงฮันยิ้ม

เมื่อได้ยินที่หลิงฮันพูดห้ามังกรสองนกอมตะอย่างจะร้องไห้ออกมา ถ้าก่อนหน้านี้พวกมันรู้ว่าหลิงฮันเป็นนักปรุงยาระดับสวรรค์ แม้จะมีความกล้ามากกว่านี้หนึ่งพันเท่ามันก็คงไม่กล้าพูดจาแบบนั้นออกมา!

“แล้วคนพวกนั้นเป็นใครอย่างนั้นหรือ?” ยิ่นเฉวยางกวาดสายตามองด้วยสายตาดุดัน ในตอนนี้เขาไม่ได้ดูเป็นผู้อาวุโสอ้วนท่วมอีกต่อไป แต่เป็นจอมยุทธระดับสวรรค์ที่สามารถสั่นคลอนสวรรค์และปฐพีได้

ดวงวิญญาณของทุกคนสั่นคลอน และไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่น้อย

หลิงฮันแอบพยักหน้าอยู่ในใจ พลังของจอมยุทธอ้วนคนนี้น่าจะบรรลุระดับสวรรค์ขั้นสี่แล้ว แม้แต่เขาก็ไม่อาจมองทะลุเข้าไปได้ นั่นเป็นเพราะเขามีเศษเสี้ยวสัมผัสสวรรค์ของจอมยุทธระดับสวรรค์เท่านั้น

เจี่ยชางและอีกหกคนตัวสั่นและทรุดตัวล้มลงกับพื้นแล้วพูดว่า “ปรมาจารย์หลิงได้โปรดยกโทษให้พวกข้าด้วย”

หลิงฮันไม่แม้แต่จะหันไปมองและพูดกับยิ่นเฉวยางแทน พวกมันไม่มีค่าพอ ดังนั้นเขาจึงเมินห้ามังกรสองนกอมตะอย่างสิ้นเชิง

แม้พวกมันจะคุกเข่า แต่ก็ไม่ได้ยอมรับความพ่ายแพ้และจ้องมองไปที่หลิงฮัน

ห้ามังกรมองหน้ากันไปมา เมื่อพวกมันเห็นยิ่นเฉวยางจ้องมองมา ใบหน้าของพวกมันกลายเป็นบิดเบี้ยวกลัวว่ายิ่นเฉวยางจะฆ่าพวกมันทุกคนด้วยความโกรธ

“ปรมาจารย์หลิง งานประมูลจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว มันจะดีกว่าถ้าท่านรีบเข้าไปนั่งเตรียมพร้อมอยู่ด้านใน” ยิ่นเฉวยางกล่าวออกมา เขาไม่ต้องการให้ผู้คนกระจุกกันอยู่ที่หน้าประตูของตำหนักสมบัตวิญญาณ

หลิงฮันเพียงแค่ยิ้มให้กับห้ามังกรสองนกอมตะ แล้วก้าวขึ้นบันไดไปยังห้องโถง

ห้ามังกรสองนกอมตะต่างเหงื่อท่วมตัว แม้ว่าหลิงฮันจะไม่ได้ด่าทออะไรพวกมัน แต่การที่พวกมันไปล่วงเกินนักปรุงยาระดับสวรรค์มันจะจบง่ายดายอย่างนี้ได้อย่างไร?

……

ด้วยการนำทางของยิ่นเฉวยาง หลิงฮันได้เข้ามาอยู่ในห้องที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้ ซึ่งเป็นห้องที่หรูหราที่สุดของตำหนักสมบัติวิญญาณ

ด้วยชื่อเสียงของหลิงฮัน เขาไม่รู้สึกแปลกใจแม้แต่น้อย และนั่งลงอยู่ในห้องเพื่อรอให้งานประมูลเริ่มต้นขึ้น

หลังจากที่ยิ่นเฉวยางพูดคุยกับหลิงฮันเสร็จ เขาได้ให้วงเงินกับหลิงฮันหนึ่งแสนผลึกก่อเกิดก่อนที่จะออกจากห้อง

หลิงฮันนั่งลงและดูของที่ถูกนำออกมาประมูลทีละชิ้น มันเป็นงานประมูลครั้งใหญ่ในรอบเดือน มีหลายอย่างที่ถูกนำมาประมูล แต่มันไม่ได้อยู่ในสายตาของหลิงฮันเลย

ในทางกลับกัน งานประมูลครั้งใหญ่ในรอบเดือนมันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีของล้ำค่าถูกนำมาประมูลหลายอย่าง บางทีอาจจะต้องเป็นเดือนถัดไปหรืองานประมูลครั้งใหญ่ในรอบปีถึงจะมีสมบัติที่น่าตื่นตาตื่นใจออกมาให้เห็น

“ฮ่าฮ่าฮ่า!” ผู้เข้าร่วมงานประมูลหัวเราะเสียงดัง

ตอนแรกหลิงฮันรู้สึกง่วงตอน แต่หลังจากที่เห็นฝูงชนแตกตื่น จึงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ที่เขาจะลุกขึ้นมามอง และเห็นก้อนหินอยู่ในมือของผู้จัดงานประมูล

ก้อนหิน?

หลิงฮันเองก็อยากจะหัวเราะออกมา แต่คิดว่าตำหนักสมบัติวิญญาณคงไม่เล่นไร้สาระแบบนี้และเอาก้อนหินมาหลอกขายผู้คน ดังนั้นเขาจึงจ้องมองมันอย่างละเอยีด

ในความเป็นจริงมันไม่ใช่ก้อนหิน มันแค่มีรูปร่างเหมือนเท่านั้น และถ้าจ้องมองมันให้ดีจะเห็นว่าขอบของมันไม่สม่ำเสมอราวกับว่าเดิมทีมันเป็นหินก้อนใหญ่ที่แตกออกมา

ด้านหนึ่งของหินนั้นแบนเรียบ แต่อีกด้านหนึ่งดูเหมือนจะเป็นตัวอักษรหรือรอยขีดข่วนบางอย่าง และไม่รู้ว่ามันคืออะไร

“ก้อนหินนี่ถูกตรวจสอบอย่างรอยคอบโดยนักประเมินราคาของตำหนักสมบัติวิญญาณของพวกเรา แต่ก็ไม่สามารถวิเคาระห์ได้ว่ามันคืออะไรและใช้ยังไง สิ่งเดียวที่สามารถยืนยันได้คือครั้งหนึ่งมันเคยเป็นแผ่นศิลาขนาดใหญ่ที่มีอายุอย่างน้อยหนึ่งแสนปี”

“ยิ่งไปกว่านั้น ก้อนหินนี้แข็งแกร่งมากและอาจมาจากโบราณสถานบางแห่ง”

หลิงฮันเปิดใช้งานเนตรแห่งสัจธรรมทันที แต่ก็ไม่เห็นอะไรพิเศษ แต่ดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างอยู่ด้านใน

น่าสนใจดีนิ!

“ราคาเริ่มต้นคือผลึกก่อเกิดสิบผลึก” ผู้จัดประมูลกล่าว และไม่ได้หวังอะไรมากกับของชิ้นนี้

“ยี่สิบ”

“ห้าสิบ”

“หนึ่งร้อย”

แม้จะไม่รู้ว่าหินก้อนนี้คืออะไร แต่เห็นได้ชัดว่ามันมีอายุอย่างน้อยหนึ่งแสนปี และมีหลายคนที่ยินดีจะประมูลมันเป็นของสะสม

“หนึ่งพัน” หลิงฮันเสนอราคาออกมาอย่างไม่แยแส สำหรับหลิงฮันผลึกก่อเกิดระดับหนึ่งดาวไม่ได้มีค่าอะไรมากนัก

“สองพัน” ใครบางคนเสนอราคาสู้ เสียงนั่นดูคุ้นเคยเล็กน้อย