หรือว่าแท้จริงแล้วชายหนุ่มคนนี้คือนักปรุงยาระดับสวรรค์? นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน!
อย่างไรก็ตาม มันคงไม่มีทางที่จอมยุทธระดับสวรรค์จะพูดจาหยอกล้อกับรุ่นเยาว์แบบนี้หรอกจริงไหม?
ทุกคนต่างครุ่นคิดกับสิ่งที่หลิงฮันได้พูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งตอนแรกมันเหมือนกับเขาแค่พูดจาอวดดีออกมา แต่ตอนนี้ทุกคนได้ตระหนักคำพูดของเขาแล้ว
นักปรุงยาระดับสวรรค์นั่นคือตัวตนที่แม้แต่จอมยุทธระดับสวรรค์ยังต้องเคารพ สถานะของเขาสูงส่งมาก
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ท่านผู้อาวุโส ข้าไม่รู้ว่าข้าควรเรียกท่านว่าเช่นไรดี?”
มีหลายคนรู้จักเขาทำให้ยิ่นเฉวยางจึงรู้สึกยินดี แต่อีกฝ่ายกลับไม่รู้แม้กระทั่งชื่อของเขา นี่มันเรื่องไร้สาระอะไรกัน!
“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าคือยิ่นเฉวยางผู้อาวุโสใหญ่แห่งตำหนักสมบัติวิญญาณที่เจ็ด ปรามาจารย์หลิง ถ้าท่านไม่รังเกียจท่านสามารถเรียกข้าว่าหยางน้อยก็ย่อมได้” ยิ่นเฉวยางยิ้ม
ทันใดนั้น ทุกคนรู้สึกตกใจขึ้นมาทันที มันจะมีสักกี่คนกันที่สามารถเรียกเขาว่าหยางน้อยได้ภายใต้ดวงตะวัน? นอกเหนือจากตัวตนระดับทลายมิติแล้วคงจะมีจอมยุทธระดับสวรรค์ขั้นสูงสุดไม่กี่คนเท่านั้น
“งั้นข้าจะเรียกท่านว่าเจ้าตำหนักที่เจ็ดแล้วกัน” หลิงฮันจะเรียกอีกฝ่ายว่าหยางน้อยได้ยังไง?
“ปรมาจารย์หลิงต้องการเข้าร่วมงานประมูลในวันนี้อย่างนั้นหรือ?” ยิ่นเฉวยางถาม
“ใช่แล้ว” หลิงฮันพยักหน้า
“เชิญ เชิญ!” ยิ่นเฉวยางรีบแสดงท่าทางต้อนรับอย่างรวดเร็ว
หลิงฮันก้าวเดินไปข้างหน้า ทำให้ทุกคนรู้สึกประหลาดใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจี่ยชาง และคังสื่อฉี แต่แล้วหลิงฮันก็ได้หยุดเดินและพูดกับยิ่นเฉวยางว่า “เจ้าตำหนักที่เจ็ด ถ้าข้าของจัดการกับคนที่พูดข่มขู่ข้าสักเล็กน้อย มันจะเป็นปัญหาหรือไม่?”
ยิ่นเฉวยางรู้สึกแปลกใจและพูดว่า “โอ้ว มีคนกล้าข่มขู่ปรามาจารย์หลิงด้วยงั้นหรือ?”
“คนหนึ่งต้องการให้ข้าเรียกว่าท่านปู่ ส่วนอีกคนต้องการให้ข้าเป็นผู้ติดตามทั้งยังต้องการทุบตีข้า” หลิงฮันยิ้ม
เมื่อได้ยินที่หลิงฮันพูดห้ามังกรสองนกอมตะอย่างจะร้องไห้ออกมา ถ้าก่อนหน้านี้พวกมันรู้ว่าหลิงฮันเป็นนักปรุงยาระดับสวรรค์ แม้จะมีความกล้ามากกว่านี้หนึ่งพันเท่ามันก็คงไม่กล้าพูดจาแบบนั้นออกมา!
“แล้วคนพวกนั้นเป็นใครอย่างนั้นหรือ?” ยิ่นเฉวยางกวาดสายตามองด้วยสายตาดุดัน ในตอนนี้เขาไม่ได้ดูเป็นผู้อาวุโสอ้วนท่วมอีกต่อไป แต่เป็นจอมยุทธระดับสวรรค์ที่สามารถสั่นคลอนสวรรค์และปฐพีได้
ดวงวิญญาณของทุกคนสั่นคลอน และไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่น้อย
หลิงฮันแอบพยักหน้าอยู่ในใจ พลังของจอมยุทธอ้วนคนนี้น่าจะบรรลุระดับสวรรค์ขั้นสี่แล้ว แม้แต่เขาก็ไม่อาจมองทะลุเข้าไปได้ นั่นเป็นเพราะเขามีเศษเสี้ยวสัมผัสสวรรค์ของจอมยุทธระดับสวรรค์เท่านั้น
เจี่ยชางและอีกหกคนตัวสั่นและทรุดตัวล้มลงกับพื้นแล้วพูดว่า “ปรมาจารย์หลิงได้โปรดยกโทษให้พวกข้าด้วย”
หลิงฮันไม่แม้แต่จะหันไปมองและพูดกับยิ่นเฉวยางแทน พวกมันไม่มีค่าพอ ดังนั้นเขาจึงเมินห้ามังกรสองนกอมตะอย่างสิ้นเชิง
แม้พวกมันจะคุกเข่า แต่ก็ไม่ได้ยอมรับความพ่ายแพ้และจ้องมองไปที่หลิงฮัน
ห้ามังกรมองหน้ากันไปมา เมื่อพวกมันเห็นยิ่นเฉวยางจ้องมองมา ใบหน้าของพวกมันกลายเป็นบิดเบี้ยวกลัวว่ายิ่นเฉวยางจะฆ่าพวกมันทุกคนด้วยความโกรธ
“ปรมาจารย์หลิง งานประมูลจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว มันจะดีกว่าถ้าท่านรีบเข้าไปนั่งเตรียมพร้อมอยู่ด้านใน” ยิ่นเฉวยางกล่าวออกมา เขาไม่ต้องการให้ผู้คนกระจุกกันอยู่ที่หน้าประตูของตำหนักสมบัตวิญญาณ
หลิงฮันเพียงแค่ยิ้มให้กับห้ามังกรสองนกอมตะ แล้วก้าวขึ้นบันไดไปยังห้องโถง
ห้ามังกรสองนกอมตะต่างเหงื่อท่วมตัว แม้ว่าหลิงฮันจะไม่ได้ด่าทออะไรพวกมัน แต่การที่พวกมันไปล่วงเกินนักปรุงยาระดับสวรรค์มันจะจบง่ายดายอย่างนี้ได้อย่างไร?
……
ด้วยการนำทางของยิ่นเฉวยาง หลิงฮันได้เข้ามาอยู่ในห้องที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้ ซึ่งเป็นห้องที่หรูหราที่สุดของตำหนักสมบัติวิญญาณ
ด้วยชื่อเสียงของหลิงฮัน เขาไม่รู้สึกแปลกใจแม้แต่น้อย และนั่งลงอยู่ในห้องเพื่อรอให้งานประมูลเริ่มต้นขึ้น
หลังจากที่ยิ่นเฉวยางพูดคุยกับหลิงฮันเสร็จ เขาได้ให้วงเงินกับหลิงฮันหนึ่งแสนผลึกก่อเกิดก่อนที่จะออกจากห้อง
หลิงฮันนั่งลงและดูของที่ถูกนำออกมาประมูลทีละชิ้น มันเป็นงานประมูลครั้งใหญ่ในรอบเดือน มีหลายอย่างที่ถูกนำมาประมูล แต่มันไม่ได้อยู่ในสายตาของหลิงฮันเลย
ในทางกลับกัน งานประมูลครั้งใหญ่ในรอบเดือนมันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีของล้ำค่าถูกนำมาประมูลหลายอย่าง บางทีอาจจะต้องเป็นเดือนถัดไปหรืองานประมูลครั้งใหญ่ในรอบปีถึงจะมีสมบัติที่น่าตื่นตาตื่นใจออกมาให้เห็น
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” ผู้เข้าร่วมงานประมูลหัวเราะเสียงดัง
ตอนแรกหลิงฮันรู้สึกง่วงตอน แต่หลังจากที่เห็นฝูงชนแตกตื่น จึงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ที่เขาจะลุกขึ้นมามอง และเห็นก้อนหินอยู่ในมือของผู้จัดงานประมูล
ก้อนหิน?
หลิงฮันเองก็อยากจะหัวเราะออกมา แต่คิดว่าตำหนักสมบัติวิญญาณคงไม่เล่นไร้สาระแบบนี้และเอาก้อนหินมาหลอกขายผู้คน ดังนั้นเขาจึงจ้องมองมันอย่างละเอยีด
ในความเป็นจริงมันไม่ใช่ก้อนหิน มันแค่มีรูปร่างเหมือนเท่านั้น และถ้าจ้องมองมันให้ดีจะเห็นว่าขอบของมันไม่สม่ำเสมอราวกับว่าเดิมทีมันเป็นหินก้อนใหญ่ที่แตกออกมา
ด้านหนึ่งของหินนั้นแบนเรียบ แต่อีกด้านหนึ่งดูเหมือนจะเป็นตัวอักษรหรือรอยขีดข่วนบางอย่าง และไม่รู้ว่ามันคืออะไร
“ก้อนหินนี่ถูกตรวจสอบอย่างรอยคอบโดยนักประเมินราคาของตำหนักสมบัติวิญญาณของพวกเรา แต่ก็ไม่สามารถวิเคาระห์ได้ว่ามันคืออะไรและใช้ยังไง สิ่งเดียวที่สามารถยืนยันได้คือครั้งหนึ่งมันเคยเป็นแผ่นศิลาขนาดใหญ่ที่มีอายุอย่างน้อยหนึ่งแสนปี”
“ยิ่งไปกว่านั้น ก้อนหินนี้แข็งแกร่งมากและอาจมาจากโบราณสถานบางแห่ง”
หลิงฮันเปิดใช้งานเนตรแห่งสัจธรรมทันที แต่ก็ไม่เห็นอะไรพิเศษ แต่ดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างอยู่ด้านใน
น่าสนใจดีนิ!
“ราคาเริ่มต้นคือผลึกก่อเกิดสิบผลึก” ผู้จัดประมูลกล่าว และไม่ได้หวังอะไรมากกับของชิ้นนี้
“ยี่สิบ”
“ห้าสิบ”
“หนึ่งร้อย”
แม้จะไม่รู้ว่าหินก้อนนี้คืออะไร แต่เห็นได้ชัดว่ามันมีอายุอย่างน้อยหนึ่งแสนปี และมีหลายคนที่ยินดีจะประมูลมันเป็นของสะสม
“หนึ่งพัน” หลิงฮันเสนอราคาออกมาอย่างไม่แยแส สำหรับหลิงฮันผลึกก่อเกิดระดับหนึ่งดาวไม่ได้มีค่าอะไรมากนัก
“สองพัน” ใครบางคนเสนอราคาสู้ เสียงนั่นดูคุ้นเคยเล็กน้อย