บทที่ 222 ยังหน้าด้านอยู่อีก

อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า)

หลินจือเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว บวกกับเธอไม่เคยมีนิสัยลงไม้ลงมือหยาบคายแบบนี้มาก่อน เทาเท่จึงไม่ทันได้ตั้งตัวและถูกข่วนเข้าอย่างจัง จนเกิดอาการปวดแสบปวดร้อนบนลำคอ

วินาทีถัดมา เธอกระหน่ำทุบตีลงบนไหล่เขา พลางตะโกนออกมาอย่างโกรธเคือง “ปีนกำแพงเข้ามาที่บ้านฉันกลางดึก ยังคิดที่จะรังแกฉันอีก!”

หลินจือทุบตีเทาเท่อยู่หลายต่อหลายครั้ง จนตัวเองเหนื่อยหอบแทบขาดใจ

เทาเท่ใช้เวลาอยู่สักพักกว่าจะรู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังถูกเธอทุบตี และนั่งคร่อมอยู่บนร่างกาย ทันทีเมื่อได้สติความคิดแรกที่ฉายเข้ามาในหัวชายหนุ่มคือ จังหวะที่กำลังเธอขย่มอย่างบ้าคลั่งอยู่บนยอดสูงสุดของเขา

แม้ถูกทุบตีอย่างรุนแรง ทว่าเทาเท่กลับไม่รู้สึกโกรธเลยสักนิด

ตรงกันข้าม กลับคิดว่าท่าทางโมโหของเธอนี้ยิ่งน่ารักน่าฟัด ขณะที่เขากลั้นยิ้มแล้วเงยหน้าขึ้น พลันเห็นคอเสื้อหลวมๆ ของหลินจือหลุดลงมาจนถึงบ่า เผยให้เห็นไหล่บางขาวเนียน

ชายหนุ่มหรี่ตาลง พลิกตัวกลับแล้วกดเธอไว้บนเตียง

หลินจือตื่นตกใจจนอุทานออกมา รู้สึกเพียงโลกหมุนควงไปสักพัก จากนั้นเธอและเทาเท่ก็สลับตำแหน่งกันโดยสิ้นเชิง

เทาเท่กดเธอเอาไว้ จงใจพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ “กล้าดียังไงมาตีผม”

เทาเท่คิดว่า หากเขาทำให้เธอตกใจกลัวแบบนี้ เธอจะได้เกรงกลัวจนร้องขอความเมตตาจากเขาโดยเร็ว

ใครจะรู้ว่า หลินจือกลับพยายามยกขาขึ้นเพื่อแตะเขาอีกครั้ง ปากบ่นพึมพำอย่างโกรธเคือง “คุณนั่นแหละกล้าตียังไง!”

เมื่อหลินจือนึกขึ้นมาได้ว่าเขาบุกรุกเข้ามาในขณะที่เธอกำลังอาบน้ำ ไฟโทสะก็ปะทุขึ้นมาทันใด ยกเท้าขึ้นแตะเขาอีกครั้ง

เทาเท่รีบขัดขวาง ทั้งสองฉุดกระชากกันไปมา ทันใดนั้นริมฝีปากของเทาเท่พลันประจบลงมายังริมฝีปากของหลินจืออย่างไม่ทันตั้งตัว และไม่อาจหยุดยั้งได้

ขณะนี้ทั้งคู่กำลังพัวพันอยู่บนเตียง เสื้อผ้าถูกฉีกขาดหลุดลุ่ยไปหมด

เทาเท่อุ้มเธอมาไว้ในอ้อมกอด บรรจงจูบลูบไล้ไปตามเรือนร่างบอบบางในอ้อมกอดของตน หลินจือสมองพลันขาวโพลน เกิดความสับสนภายในใจ เธอรู้สึกเหมือนได้กลับมาใช้ชีวิตในช่วงแต่งงานเมื่อหลายปีที่ผ่านมา พวกเขาทั้งคู่มักนอนพันกันเป็นดักแด้แบบนี้อยู่บนเตียงทุกครั้งไป

หากไม่ใช่เพราะโทรศัพท์ของหลินจือดังขึ้นมาขัดจังหวะเสียก่อน สถานการณ์ในคืนนี้คงเลยเถิดจนเกินควบคุม

เมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น หลินจือนึกมาได้ว่าคงเป็นจอร์แดนที่โทรกลับมาหาเธอ

ดึงดันผลักคนตรงหน้าออก “ปล่อยฉัน ฉันจะไปรับโทรศัพท์”

เทาเท่ไม่ยอมปล่อยซ้ำยังกอดเธอแน่นขึ้น นัยน์ตาดำขลับจ้องมอง แล้วเอ่ยถาม “ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเจเทาวน์เป็นยังไง”

หลินจือคร้านจะสนใจเขา จึงพยายามผลักเขาออกไป

เทาเท่กดเธอลงอีกครั้ง เอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “ถ้าคุณไม่พูด รอให้คุณรับโทรศัพท์แล้วผมจะก่อกวนคุณ ให้พ่อคุณรู้เลยว่าคุณกับผมอยู่ด้วยกันดึกดื่นค่อนคืนแบบนี้”

หลินจือโกรธจนแทบกระอักเลือด เธอไม่คิดว่าเทาเท่จะหน้าด้านหน้าทนขนาดนี้

แต่จะให้จอร์แดนรู้ว่าเธอกับเทาเท่อยู่ด้วยกันในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ยในเวลานี้ไม่ได้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นจอร์แดนคงเดือดดาลเป็นฟืนเป็นไฟ

เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ หลินจือเปล่งพลังเต็มที่เงยหน้าขึ้นจ้องมองเทาเท่ ก่อนจะข่มขู่เขาว่า “ถ้านายทำแบบนี้ ฉันจะไม่สนใจนายอีกไปตลอดชีวิต”

ไม่ใช่เขาเพียงคนเดียวที่คุกคามได้ เธอก็ทำได้เช่นกัน

และอีกอย่างเธอข่มขู่เขาได้ตรงจุดอย่างแม่นยำ แม้ว่าเป็นครั้งแรกที่หลินจือขู่เทาเท่ด้วยคำพูดแบบนี้ แต่สัญชาติบอกเธอว่ามันได้ผล

เทาเท่ “…”

เขาถูกอีกฝ่ายเอาชนะด้วยวิธีนี้?

เธอเรียนรู้วิธีข่มขู่เขางั้นเหรอ?

แต่เขาไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงยอมปล่อยเธอไป

หากตลอดชีวิตนี้เธอไม่สนใจเขาอีกอย่างที่พูด มันร้ายแรงมากเกินไป และอีกอย่างท่าทางของเธอที่เขาเห็นช่างเย็นชาและไร้ความเห็นใจใดๆ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอทำในสิ่งที่พูดได้

แต่ยิ่งโมโหเมื่อไม่ได้ซักถามเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเจเทาวน์ ทันใดนั้นชายหนุ่มพลันก้มตัวลงกัดไหล่ขาวผ่องของเธอ หลินจือยกเท้าขึ้นถีบเขาออกด้วยความเจ็บปวด ทำให้ชายหนุ่มผู้ถูกถีบไปเต็มประตูกระเด็นตกเตียง

หลินจือไม่คิดว่าตัวเองจะถีบเขาตกลงไป ใครจะรู้ว่าคราวนี้เขากลับไม่หลบ

แต่เธอไม่สนใจคนที่ก้นจ้ำเบ้าอยู่บนพื้น เธอรีบลุกขึ้นจากเตียงเพื่อไปรับโทรศัพท์จากจอร์แดน

จอร์แดนโทรวิดีโอคอลเข้ามา หลินจือไม่กล้ากดรับในห้องนอน เพราะอย่างไรซะเทาเท่ก็ยังอยู่

เธอปิดประตูห้องนอนเอาไว้ แล้วเดินไปยังห้องนั่งเล่นด้านนอก จัดแจงเสื้อผ้าและระงับสติอารมณ์ตัวเอง จากนั้นกดรับสายวิดีโอคอล

“ขอโทษค่ะพ่อ พอดีหนูมีธุระนิดหน่อย” หลินจือพูดแก้ตัว

จอร์แดนถามไถ่ด้วยความรักความเมตตา “ไม่ได้รบกวนเธอใช่ไหม”

หลินจือรีบพูด “ไม่เลยค่ะ ไม่เลย หนูคุยเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ”

เพราะพรุ่งนี้จอร์แดนต้องเดินทางกลับเปกก้า สองพ่อลูกต่างไม่มีใครเต็มใจอยากจากกันไป ลูน่าสุขภาพร่างกายไม่ค่อยดีจอร์แดนไม่อยากจากหล่อนไปนาน และอีกอย่างละครเรื่อง “The Legend of Concubine Rong ” ในมือของหลินจือตอนนี้ เมื่อความพร้อมของเจเทาวน์กลับมาก็ต้องเริ่มถ่ายทำ เธอยิ่งไปไหนไม่ได้

ดังนั้นสองคนพ่อลูกจึงพูดคุยกันสักพัก หลังจากวางสายโทรศัพท์ หลินจือผลักประตูห้องนอนเข้าไป พบว่าเทาเท่นอนหลับปุ๋ยอย่างไม่มีความเกรงใจบนเตียงนอนของเธอไปแล้ว

หลินจือจนปัญญาพูดอะไรไม่ออก เธอคิดว่าเขากลับไปตั้งนานแล้วด้วยซ้ำ คิดไม่ถึงว่าไม่ใช่เพียงไม่ไปไหน ยังมีหน้ามาหลับบนเตียงเธออีก

“เทาเท่!!” หลินจือเดินเข้าไปเลิกผ้าห่มขึ้นจากตัวเขา แต่ชายหนุ่มบนเตียงกลับไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย

หลินจือโกรธจัด ผลักเขาอยู่หลายต่อหลายครั้ง ผลลัพธ์คือเขาถือโอกาสพลิกตัว จนครอบครองเตียงของเธอไปมากกว่าครึ่ง

“นายมันหน้าด้าน!” หลินจือด่าสาปส่งเขาไม่หยุด

แต่ไม่ว่าหลินจือจะดุด่าว่ากล่าวอย่างไร เทาเท่ยังคงหลับไม่รู้เรื่องดังเดิม

หลินจือโกรธจัดแต่ทำเพียงแค่หันหลังกลับแล้วเดินจากไป เธอมองออก คืนนี้เขาไม่อยากกลับและต้องการอยู่ที่นี่กับเธอ

อย่างนั้นก็ให้เขานอนห้องนี้ ส่วนเธอจะไปนอนอีกห้อง

ยังโชคดีที่บ้านของเธอมีห้องนอนหลายห้อง ถ้าหากเป็นคอนโดที่เคยเช่าอยู่เมื่อก่อน เขาก่อกวนถึงขนาดนี้ คืนนี้เธอคงหนีไม่พ้นได้ไปนอนบนโซฟา

เพราะมีประสบการณ์อันแสนขมขื่นที่เทาเท่บุกเข้าห้องน้ำ หลินจือจึงล็อกประตูห้องนอน แล้วหลับไปอย่างสบายใจ

วันรุ่งขึ้นเธอตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อเดินทางไปส่งจอร์แดนที่สนามบิน ไม่ได้กลับเข้าไปในห้องนอนอีกเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเทาเท่ออกไปแล้วหรือยัง กระทั่งเมื่อเธอไปส่งจอร์แดนที่สนามบินเสร็จสรรพ และกลับมาที่บ้านเทาเท่ก็ไม่อยู่แล้ว

หลินจือวิ่งไปตรงระเบียงห้องนอนเพื่อตรวจสอบ เธอคิดว่าตนเองควรมีราวกันหรืออะไรสักอย่าง เพื่อกันไม่ให้เขาปีนข้ามเข้ามาอีก

เมื่อจัดการไว้อย่างลวกๆ ครั้นเตรียมจะนั่งลงหน้าคอมพิวเตอร์เพื่อร่างต้นฉบับ ทันใดนั้นโซเมนก็โทรศัพท์เข้ามา

โซเมนพูดขึ้นมาอย่างเกียจคร้านอยู่ในสาย “คุณหนูใหญ่ตระกูลแม็กซิมัสที่เคารพรัก คืนนี้ผมขอเป็นเกียรติเลี้ยงอาหารค่ำคุณได้ไหมครับ”

หลินจือสับสนมึนงง “คุณชวนฉันไปทานข้าวทำไม”

โซเมนกล่าวอย่างจริงจัง “อันที่จริงไม่ใช่ผมหรอกที่ชวนคุณมาทานข้าว แต่เป็นครอบครัวแมคเคนซีแห่งเมืองเจสเวิร์ดที่ต้องการชวนลูกสาวของครอบครัวแม็กซิมัสมาทานอาหารร่วมกัน เพื่อสร้างเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองครอบครัว”

หลังจากพูดจบ โซเมนเกือบหลุดขำคำพูดของตัวเองอย่างกลั้นไม่อยู่

กระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูลเสียที่ไหนกันล่ะ เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างเทาเท่และหลินจือต่างหาก

งานเลี้ยงนี้เทาเท่เป็นคนบอกให้เขาจัดขึ้นมาเป็นการเฉพาะ และยังให้เขาเตรียมเกมพูดความจริงหรือผจญความกล้าอะไรนั่นอีก เขาต้องการถามให้ได้ว่าระหว่างหลินจือกับเจเทาวน์มีความสัมพันธ์กันอย่างไร

ในฐานะสหายผู้แสนดี โซเมนจึงได้เพียงทำตามคำสั่งเขาเท่านั้น