ตอนที่ 437 อัจฉริยะนักปรุงยา

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

หลังจากที่ผู้นำซือหม่ากล่าวจบ เขาก็สั่งให้คนแจกสูตรยาให้กับผู้ร่วมประลองทุกคน

เขากล่าวว่า “สูตรยาของแต่ละคนนั้นล้วนแต่มีความยากง่ายที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับดวงของแต่ละคน หลังจากที่ทุกคนหลอมยาออกมาสำเร็จแล้ว การให้คะแนนก็เป็นไปตามคุณภาพของยาวิญญาณนั้น”

ในขณะที่มู่หรงรุ่ยรับสูตรยามาดู นางก็โมโหจนแทบจะฉีกสูตรยานั้นทิ้ง

ให้ตายสิ นี่เรียกว่าขึ้นอยู่กับดวงงั้นเหรอ? นางสงสัยว่าผู้นำซือหม่าต้องจงใจกลั่นแกล้งแน่ ๆ

ยาระดับเจ็ด รู้ ๆ กันอยู่ว่ายาระดับสูงสุดที่นางหลอมได้เป็นยาระดับหก นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่านางจะได้สูตรยาระดับเจ็ดมา

ดูเหมือนว่ามู่หรงรุ่ยกับมู่เฉียนซีจะได้รับสิทธิพิเศษ เพราะสูตรยาที่อยู่ตรงหน้ามู่เฉียนซีตอนนี้คือสูตรยาระดับแปด

ถึงแม้ว่าผู้นำซือหม่าจะเห็นว่ามู่เฉียนซีเป็นเด็กสาวที่อายุยังน้อย ไม่อาจทำสำเร็จแน่ แต่เพื่อความมั่นใจ เขาจึงให้สูตรยาระดับสูงและมีความยากมากให้กับมู่เฉียนซี

และในขณะเดียวกันนี้ ทางด้านอวิ๋นฉีก็ได้รับสูตรยาระดับแปดเช่นกัน ผู้นำซือหม่าไม่ได้จะกลั่นแกล้งเขาแต่อย่างใด ทว่า เป็นเพราะเขาเชื่อมั่นว่าอวิ๋นฉีสามารถหลอมยาระดับแปดออกมาได้สำเร็จ

อวิ๋นฉียิ้มมุมปากพลางหันไปมองมูเฉียนซี เขาจะต้องทำให้สาวน้อยอวดเก่งผู้นั้นหน้าหายให้จงได้

เมื่อเห็นสูตรยาระดับแปด ใบหน้าของมู่เฉียนซีไม่ได้เผยให้เห็นถึงความตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อยค่อย ๆ หยิบสมุนไพรวิญญาณออกมาจัดอย่างเป็นระเบียบ

มู่หรงลุ่ยฝ่ามือเต็มไปด้วยเหงื่อเพราะความตื่นเต้น แต่เมื่อนางหันไปมองมู่เฉียนซีที่มีอากัปกิริยาที่สงบและสุขุมเช่นนี้ นางก็กำหมัดแน่นอย่างมีแรงขึ้นฮึดสู้ เอาก็เอา ทำให้สุดความสามารถ!

ก็แค่ยาระดับเจ็ดเองไม่ใช่หรอกเหรอ?

เวลาค่อย ๆ ผ่านไปอย่างช้า ๆ นักปรุงยาบางคนก็หลอมยาได้สำเร็จ บางคนก็ล้มเหลว ส่วนมู่เฉียนซีตอนนี้ยังคงหลอมยาอยู่ไร้ซึ่งความตื่นตระหนกแต่อย่างใด

“ข้าทำสำเร็จแล้ว! ” อวิ๋นฉีเอายาวิญญาณเม็ดที่หลอมสำเร็จเม็ดนั้นออกมา

ผู้นำซือหม่ายิ้มพลางกล่าว “ยาระดับแปด ยาวิเศษลึกล้ำ นึกไม่ถึงเลย อวิ๋นฉีอายุน้อยเพียงนี้แต่กลับหลอมยาระดับแปดได้สำเร็จ”

คนอื่น ๆ ต่างพากันซุบซิบว่า “เจ้าหนุ่มผู้นี้โชคไม่ดีเอาซะเลยได้สูตรยาระดับแปด แต่นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าจะหลอมยาระดับแปดได้สำเร็จ น่าทึ่งจริง ๆเลยดูสิ! ”

ในตอนนี้เอง รองผู้นำเย่ก็กล่าวเปล่งเสียงกล่าวว่า “ครั้งนี้ท่านผู้นำก็ได้กล่าวอย่างแจ่มแจ้งแล้วว่าระดับยาจะสูงต่ำเพียงใดนั้นไม่สำคัญ สำคัญอยู่ที่สรรพคุณหรือคุณภาพของยาเม็ดนั้นต่างหาก”

ผู้นำซือหม่า “ยาวิเศษลึกล้ำ ไม่เพียงแต่เป็นยาระดับแปด แต่ยังเป็นยาที่มีคุณภาพดีอีกด้วย! ”

ตูมมมมม!

เสียงระเบิดดังขึ้น ในตอนนี้มีคนทำเตาหลอมยาระเบิด และคนผู้นั้นก็คือมู่หรงรุ่ยนั่นเอง ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะนักปรุงยาอันดับหนึ่งของแคว้นหนานเถิง

เมื่อเห็นเตาหลอมยาของมู่หรงรุ่ยระเบิดเช่นนี้ ดวงตาของผู้นำซือหม่าก็เผยร่องรอยของความดีใจขึ้น อัจฉริยะสาวผู้นี้ก็มีวันนี้เหมือนกันรึ!

นักปรุงยารุ่นเยาว์คนอื่น ๆ ก็มีท่าทางที่สับสนเช่นกัน พวกเขามองไปที่อัจฉริยะนักปรุงยาอันดับหนึ่งของแคว้นหนานเถิงด้วยสายตาที่ผิดหวัง นึกไม่ถึงเลยว่าอัจฉริยะอันดับหนึ่งของแคว้นจะมีวันที่หลอมยาล้มเหลวเช่นนี้ด้วย

หลังจากที่หลอมยาล้มเหลวต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ ดวงตาของมู่หรงรุ่ยแดงก่ำ สองมือของนางวางลงบนตักอย่างอ่อนแรง ไม่ได้ นางไม่สามารถหลอมยาระดับเจ็ดได้ ทันใดนั้นเอง เสียงที่เย็นชาเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

“ยังมีเวลาเหลืออยู่ เจ้าจะยอมแพ้ง่าย ๆ เช่นนี้เหรอ? การหลอมยาใช่ว่าจะทำสำเร็จได้ในครั้งเดียว สูตรยาก็ต้องผ่านการทดสอบมาก่อนถึงจะได้สูตรยาที่สมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะมีคนให้ความสนใจเจ้ามากมายแค่ไหน แต่สิ่งที่เจ้าควรจะใส่ใจไม่ใช่คนเหล่านั้น แต่เป็นยาที่เจ้ากำลังปรุง ยาที่เจ้ากำลังหลอมต่างหากล่ะ”

“ตอนเจ้าหลอมยา ในใจเจ้ายังสนใจอยู่กับเรื่องอื่น หากเป็นเช่นนี้เจ้าไม่มีทางได้เป็นนักปรุงยาจริง ๆ หรอก”

คำพูดเหล่านี้ของมู่เฉียนซีปลุกนางขึ้นมาจากภวังค์ได้ ใช่! นางกำลังหลอมยาอยู่ นางต้องรับผิดชอบกับยาที่อยู่ในมือ ไม่ใช่มัวแต่สนใจคนรอบข้าง ตราบใดที่เวลายังไม่หมดลง นางก็สามารถหลอมยาได้ใหม่อีกครั้ง

และแล้วการหลอมยาครั้งที่สองของมู่หรงรุ่ยก็สำเร็จ!

นางรู้สึกราวกับตัวเองกำลังฝันไปก็มิปาน ช่วงเวลาก่อนหน้านี้ไม่นานนางเพิ่งจะหลอมยาระดับหกได้สำเร็จ นึกไม่ถึงเลยสักนิดว่าวันนี้นางจะหลอมยาระดับเจ็ดได้สำเร็จ

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ยาระดับเจ็ด ไม่นึกไม่ฝันเลยว่ารุ่ยเอ๋อร์จะหลอมยาระดับเจ็ดได้สำเร็จแล้ว ก้าวหน้าได้เร็วมาก! ” รองผู้นำเย่ยิ้มหัวเราะพลางกล่าวอย่างสุขใจ

ทุกคนในต่างก็ตกตะลึง “เมื่อกี้ที่คุณหนูมู่หรงหลอมยาล้มเหลว ที่แท้ก็เป็นเพราะว่านางเพิ่งจะเคยหลอมยาระดับเจ็ดเป็นครั้งแรกนี่เอง! ”

“พอหลอมครั้งที่สองก็ทำได้สำเร็จเลย ยาระดับเจ็ดเชียวนะ สมกับที่เป็นอัจฉริยะนักปรุงยาอันดับหนึ่งของแคว้นหนานเถิงจริง ๆ”

“……”

ความสำเร็จในครั้งนี้ทำให้ทุกคนเพิกเฉยต่อความล้มเหลวในครั้งแรกไป เป็นเพราะว่าหลาย ๆ คนนั้นพยายามหลายต่อหลายครั้ง แม้กระทั่งยาระดับหกก็ไม่สามารถหลอมได้สำเร็จ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีสิทธิ์จะไปหัวเราะเยาะเย้ยนาง

รองผู้นำเย่มองดูมู่เฉียนซีด้วยความกลัดกลุ้มใจ แม่นางน้อยผู้นี้หลอมยาอย่างเชื่องช้าด้วยความใจเย็นอย่างยิ่ง เวลาเหลือเพียงแค่หนึ่งกานธูปสุดท้ายแล้วนางก็คงยังใจเย็น ไม่รีบร้อนแต่อย่างใดเลย

และเมื่อเวลาหนึ่งนาทีสุดท้าย มู่เฉียนซีก็กล่าวขึ้นอย่างเกียจคร้านว่า “ข้าหลอมยาสำเร็จแล้ว”

“นี่มัน……นี่มันยาระดับแปด ยาเทียนซวน! ”

“ยาระดับแปดเหมือนกัน แต่การหลอมยาเทียนซวนให้สำเร็จได้นั้น ยากกว่าการหลอมยาวิเศษลึกล้ำตั้งหลายเท่า! ”

“สาวน้อยผู้นี้หลอมยาเช่นนี้ได้สำเร็จ นี่นางยังใช่คนอยู่หรือเปล่าเนี่ย! ”

“ค่อก ค่อก ค่อก! ระดับนั้นไม่สำคัญ สำคัญอยู่ที่คุณภาพของยาต่างหาก! ” ผู้นำซือหม่าเปล่งคำพูดนี้ออกมาท่ามกลางความประหลาดใจของทุกคน

และผลหลังจากตรวจสอบยาวิญญาณนั้น ทำให้ทุกคนตกอกตกใจจนแทบจะเป็นลมไปตาม ๆ กัน

“ยาวิญญาณเม็ดนี้ไร้สิ่งเจือปนใด ๆ มันเป็นยาที่ดีที่สุด”

“ช่างน่าทึ่งยิ่งนัก! ”

“……”

กรรมการผู้ตัดสินต่างอุทานออกมาด้วยความทึ่งใจ ส่วนผู้นำซือหม่าตอนนี้โกรธจนหน้าดำคล้ำเขียวแล้ว ซวยแล้วจริง ๆ!

ผู้นำซือหม่ามองไปที่อวิ๋นฉี สีหน้าของอวิ๋นฉีตอนนี้นิ่งสงบไม่ต่างอะไรกับมู่เฉียนซีเลย  แต่ความจริงแล้วในใจของเขาแทบจะอยากฉีกเนื้อมู่เฉียนซีออกเป็นชิ้น ๆ

เจ้าเด็กสาวผู้นี้สามารถหลอมยาระดับแปดออกมาได้สำเร็จ อีกทั้งยังมีคุณภาพดีมากซะด้วย นางได้ทำลายเรื่องดี ๆ ของเขาให้พังทลายลงอย่างสิ้นเชิง

ผลที่ตามมานั้นไม่ต้องเอ่ยก็เป็นที่รู้กัน มู่เฉียนซีได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับหนึ่งในการประลองในครั้งนี้

“สวรรค์! นางไม่ใช่คนแล้ว นี่มันผีอัจฉริยะชัด ๆ! ”

“ใช่! ผีอัจฉริยะ! ”

ต้องบอกเลยว่ามู่หรงรุ่ยนั้นเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่ง แต่เป็นอัจฉริยะในหมวดหมู่ของมนุษย์ ส่วนพรสวรรค์ในการปรุงยาของมู่เฉียนซีนั้นเกินกว่าที่จะอยู่ในระดับมนุษย์แล้ว

ผู้นำซือหม่ายิ้มเจื่อน ๆ ก่อนจะกล่าวว่า “แม่นางน้อย ยินดีด้วยที่ได้เป็นตัวแทนไปร่วมประลองการปรุงยาในงานประลองใหญ่นักปรุงยาร้อยปีของเซี่ยโจว”

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างแผ่วเบา “อืม! ”

และแล้วการประลองการปรุงยาในครั้งนี้ก็สิ้นสุดลง และในขณะที่มู่หรงรุ่ยกำลังจะไปส่งมู่เฉียนซี ทันใดนั้นก็มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญปรากฏตัวขึ้น

ชายในชุดคลุมยาวมาพร้อมกับเหล่าบรรดาองครักษ์ที่มีท่าทีดุร้ายตอนนี้ได้รุมล้อมที่หน้าประตูกลุ่มพันธมิตรนักปรุงยา

สายตาของชายผู้นั้นจ้องมองไปที่มู่หรงรุ่ย “ลุ่ยเอ๋อร์ นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะหนีการแต่งงาน เจ้าบังอาจยิ่งนัก รีบกลับไปแต่งงานกับข้าเดี๋ยวนี้”

รูปลักษณ์ของชายผู้นี้ดูงดงามยิ่งนัก ทว่า ใบหน้าของเขาตอนนี้กลับเหลืองราวเทียนไข เห็นได้ชัดว่าเขาดื่มสุราเมรัยมากเกินไป

เพียงแต่……

มู่เฉียนซีเหลือบมองใบหน้าเขา ถึงแม้ว่าใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาจะถูกหยามเกียรติโดยตัวเขาเอง ทว่านางกลับรู้สึกเหมือนเคยเจอเขาที่ไหนมาก่อน

หน้าตาเขาไม่เหมือนหนานเฉาเลย! อีกอย่างนางก็ไม่เคยมาที่แคว้นหนานเถิง แล้วเคยเจอเขาที่ไหนกันนะ! มู่เฉียนซีไม่เข้าใจเหมือนว่ากันเหตุตนเองถึงได้มีความคิดแปลกประหลาดเช่นนี้

มู่หรงรุ่ยมองเขาด้วยสายตาที่รังเกียจเหยียดหยามและกล่าวว่า “ข้าไม่แต่งกับเจ้าเด็ดขาด เจ้าหยุดความคิดนี้ไปซะที! ”

“เจ้าไม่มีคุณสมบัติที่จะไปร่วมงานประลองใหญ่นักปรุงยาร้อยปีนั่นแล้ว อีกอย่างตอนนี้เจ้าก็ไร้คนดูแล หากเจ้าไม่แต่งกับข้าแล้วเจ้าจะแต่งกับใครได้”

มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นมาว่า “ถึงแม้ว่านางจะไม่ได้เข้าร่วม แต่นางเป็นผู้ช่วยของข้า ต้องเดินทางไปกับข้าอยู่ดี ดังนั้นนางไม่อาจไปกับเจ้าได้”