ตอนที่ 438 ขอบางสิ่งบางอย่าง

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

“เจ้าเป็นใคร ? กล้าดีอย่างไรมาพูดกับข้าเช่นนี้ ?” ในตอนนี้องค์ชายใหญ่หนานโพ่ก็โกรธแล้ว เพียงแต่ความโกรธของเขาดับลงเมื่อเขาเห็นใบหน้างดงามของมู่เฉียนซี สายตาของเขาจับจ้องมองนางและกล่าวว่า “ข้าไม่เคยคิดเลยว่าโลกนี้จะมีสตรีงดงามเช่นนี้ ไปที่จวนกับข้าเถอะ ข้าจะไม่แตะต้องมู่หรงรุ่ยเลย”

“เจ้า… หนานโพ่ เจ้ามันไร้ยางอาย” มู่หรงรุ่ยโกรธมาก

หนานโพ่ “รุ่ยรุ่ยน้อยหึงเสียแล้ว ไม่เป็นไร… เจ้าคือพระชายาที่แท้จริงของข้าอยู่ดี”

องค์ชายใหญ่ผู้นี้น่ารําคาญกว่าสองพี่น้องของเขาเสียอีก น้ำเสียงของมู่เฉียนซีเปลี่ยนเป็นเย็นชา “ถ้าหากข้าไม่ตกลงล่ะ ?”

“ข้าเป็นองค์ชายใหญ่ ไม่ว่าอย่างไรวันนี้เจ้าก็ต้องตอบตกลง”

“องค์ชายใหญ่คงเข้าใจผิดแล้ว วันนี้แม่นางมู่ไม่อยากตอบตกลง เจ้าคิดว่าเจ้าจะทําอะไรนางได้หรือ ? นางเป็นคนในกลุ่มนักปรุงยาพันธมิตรของพวกเรา ที่ได้รับเลือกไปเข้าร่วมงานประลองปรุงยาร้อยปีของทวีปเซี่ยโจว องค์ชายใหญ่จะล่วงเกินราชวงศ์เซี่ยโจวหรืออย่างไร ?”

“นางคือ… ไม่ใช่ว่าเป็นอวิ๋นฉีหรอกหรือ ?” ผู้เลือกเพิ่งจะยืนยันแน่ชัด องค์ชายใหญ่ย่อมยังไม่ทราบ

รองผู้นําเย่กล่าวขึ้น “ทักษะการปรุงยาของอวิ๋นฉีเทียบไม่ได้กับแม่นางมู่ ในครั้งนี้มีแม่นางมู่เป็นตัวแทนของกลุ่มนักปรุงยาพันธมิตรเฟิงตูของพวกเราไปเข้าร่วมงานประลองปรุงยาร้อยปีของทวีปเซี่ยโจว ไม่แน่ว่าแคว้นหนานเถิงของพวกเราอาจจะมีชื่อเสียงในทวีปเซี่ยโจวก็ได้”

รองผู้นําเย่มองไปยังองค์ชายใหญ่ด้วยแววตาที่แฝงไว้ด้วยคําเตือน

“ดังนั้น องค์ชายใหญ่โปรดอย่าได้ทําอะไรบุ่มบ่าม…”

ดวงตาขององค์ชายใหญ่ฉายประกายแวววาว “หมายความว่า… แม่นางผู้นี้ร้ายกาจกว่ารุ่ยรุ่ยน้อยเสียอีกงั้นรึ ? โอ้สวรรค์!”

เหตุผลที่เขาหมั้นกับมู่หรงรุ่ยสาวป่าผู้นี้ในตอนนั้นก็เพราะนางมีท่านปู่เป็นผู้นํากลุ่มนักปรุงยาพันธมิตร และอีกเหตุผลหนึ่งคือนางมีพรสวรรค์ในการปรุงยาที่พบเจอได้ยากในร้อยปี นางสามารถเป็นปรมาจารย์ด้านการปรุงยาได้ก่อนอายุสามสิบปี และกลายเป็นยอดปรมาจารย์ปรุงยาภายในอายุร้อยปี

ไม่อย่างนั้น คงไม่มีสถานะสูงส่งเหมือนเขา เขาไม่มีทางแต่งงานกับสาวป่าธรรมดา ๆ อย่างแน่นอน

ตอนนี้ท่านผู้นำมู่หรงนั้นหายสาบสูญ หากไม่ใช่เพราะพรสวรรค์และหน้าตาอันงามงดของนาง เขาคงไม่สนใจหญิงผู้นี้อย่างแน่นอน

ตอนนี้เมื่อได้พบกับหญิงสาวที่มีพรสวรรค์และมีความสามารถมากกว่า องค์ชายใหญ่ก็เกิดความคิดแปลก ๆ ขึ้น  เขาชี้นิ้วไปที่มู่หรงรุ่ยแล้วกล่าวว่า “มู่หรงรุ่ย ข้าจะบอกให้ว่าข้าจะถอนหมั้นกับเจ้าแล้ว ต่อไปนี้ ต่อให้เจ้ามาขอร้องจะแต่งงานกับข้า ข้าก็จะไม่มองเจ้าอีก”

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน องค์ชายใหญ่ละทิ้งการตามจีบตามเกี้ยวอย่างบ้าคลั่ง  มู่หรงรุ่ยเองก็รู้สึกเหมือนกําลังฝันไป

หลังจากประกาศถอนหมั้นแล้ว องค์ชายใหญ่ก็หันมามองมู่เฉียนซีและกล่าวขึ้นว่า “แม่นาง… ตอนนี้ข้าไม่มีการหมั้นหมายแล้ว เจ้าเต็มใจที่จะแต่งงานกับข้าและกลายเป็นพระชายาของข้าหรือไม่ ? วันข้างหน้าข้าจะขึ้นครองบัลลังก์ และเจ้าก็จะได้เป็นฮองเฮา”

ตําแหน่งฮองเฮานั้น มีกี่คนในแคว้นหนานเถิงที่ใฝ่ฝันอยากจะได้มา ต่อให้ฐานะของนักปรุงยาจะสูงส่ง แต่สําหรับตําแหน่งฮองเฮา คงไม่มีทางที่สตรีใดจะไม่หวั่นไหว

องค์ชายใหญ่คิดว่าชัยชนะอยู่ในกํามือ แต่มู่เฉียนซี… นางกลับกล่าวกับองค์ชายใหญ่เพียงสามคำว่า “ไสหัวไป!”

มู่หรงรุ่ยก็โมโหขึ้นมา “หนานโพ่ รองเท้าเสียที่ถูกใช้แล้วอย่างเจ้า ยังคิดจะไล่ตามอาจารย์ของข้าอีก เจ้าฝันไปเถอะ!”

รองเท้าเสีย!

สีหน้าของหนานโพ่เปลี่ยนเป็นเข้มขรึม เขากล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว “เจ้า… เจ้ากล้าดีอย่างไรมากล่าวเช่นนี้กับข้า มู่หรงรุ่ยเจ้ามันรนหาที่ตาย!”

ในตอนที่องค์ชายใหญ่กําลังจะระเบิดอารมณ์ เขาก็ได้ข่าวจากในวังหลวง

“องค์ชายใหญ่แย่แล้วพ่ะย่ะค่ะ เกิดเรื่องร้ายขึ้นแล้ว ในวังเกิดเรื่องขึ้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“ผู้อาวุโสของสํานักอวิ๋นเยียนมาแล้ว เหมือนว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น”

“เจ้าว่าอย่างไรนะ ? คนของสํานักอวิ๋นเยียนมาแล้ว” เมื่อได้ยินเรื่องใหญ่เช่นนี้ องค์ชายใหญ่ก็ไม่มีอารมณ์จะจีบสาวงาม เขารีบกลับวังไปอย่างร้อนรน

มู่หรงรุ่ยกล่าวขึ้นทันที “ท่านอาจารย์ องค์ชายใหญ่ไม่ยอมเลิกราง่าย ๆ เป็นแน่ ท่านต้องระวังให้มาก”

มู่เฉียนซีแค่นเสียงเย็นชา “เหอะ! เขานั้นไม่ควรค่าแม้แต่ให้ข้าระวัง”

มู่หรงรุ่ย “ท่านอาจารย์ ท่านจะพาข้าไปเป็นผู้ช่วยของท่านที่ทวีปเซี่ยโจวจริง ๆ หรือ ?”

มู่เฉียนซี “ถ้าหากเจ้ายอมสละกลุ่มนักปรุงยาพันธมิตรได้ ข้าก็มีเรื่องที่สําคัญกว่าให้เจ้าทํา วันนี้ข้าเห็นพรสวรรค์และจิตใจที่ตั้งมั่นในการปรุงยาของเจ้า ข้าตั้งใจจะขอบางสิ่งบางอย่าง”

มู่หรงรุ่ยไม่รู้ว่ามู่เฉียนซีจะขอให้นางทำอะไร ดวงตาของนางเปล่งประกาย “ขอมาเถอะ ข้าจะไม่เสแสร้งอย่างแน่นอน”

“ตั้งแต่ท่านปู่หายตัวไป พันธมิตรย่อยในตอนนี้ก็ได้ถูกซือหม่าผู้นั้นควบคุมไว้ และบังคับให้ข้าแต่งงานกับองค์ชายใหญ่ทุกวัน ข้าเองก็ไม่อยากอยู่ต่อแล้ว ต่อไปข้าอยู่กับท่านอาจารย์เป็นอย่างไร ?” มู่หรงรุ่ยกล่าวอย่างมีหวัง

“ในเมื่อเจ้าอยู่กับข้าแล้ว ก็อย่าเรียกข้าว่าอาจารย์เลย เรียกข้าว่าพี่ใหญ่เถอะ ข้าพอใจกับพรสวรรค์และความสามารถของเจ้า ถ้าหากเจ้าต้องการที่จะเรียนรู้ทักษะการปรุงยา อะไรที่ควรสอน ข้าก็จะสอนเจ้าเอง”

“ท่านอาจารย์! ดีมากเลย ท่านเก่งที่สุดเลย”

“เรียกผิดอีกแล้ว”

“พี่ใหญ่ ต่อไปข้าจะต้องคํานับถวายหัวใจอย่างแน่นอน เชื่อใจข้าได้เลย”

เวลานี้ในพระราชวังของแคว้นหนานเถิง ทุกคนตกอยู่ในอันตราย

อวิ๋นฮวา หนานอิน และหนานเชาล้วนเสียชีวิตในเผ่าเทพหนานอู้ แม้ว่าคนของราชวงศ์จะตายไปแล้ว แต่ทว่าทั้งสองคนรวมกันก็ยังไม่สำคัญเท่าลูกศิษย์อันดับหนึ่งของเจ้าสำนัก

คนที่ลงมือในครั้งนี้คือจักรพรรดิเซี่ย  แล้วพวกเขาจะทําอะไรได้ ?  เช่นนั้นก็ร่วมมือกับผู้อาวุโสของสำนักอวิ๋นเยียนต่อสู้กับจักรพรรดิเซี่ยไปแล้วกัน

พายุฝนกําลังจะกวาดผ่านทวีปเซี่ยโจว

รองผู้นําเย่กล่าวว่า “แม่นางมู่ ในเวลานี้เจ้าต้องไปแคว้นเฉียนเซี่ยแล้ว ยังเหลือเวลาอีกสักพักกว่าจะเริ่มการประลอง”

“ไปที่แคว้นเฉียนเซี่ย ข้ายังมีเรื่องต้องทํา ข้าจะพามู่หรงรุ่ยไป”

รองผู้นําเย่กล่าว “เช่นนั้นก็ฝากแม่นางมู่ดูแลรุ่ยเอ๋อร์ด้วย”

มู่เฉียนซีพามู่หรงรุ่ยออกเดินทาง แต่ก็ไม่ได้บอกนางว่าจะให้นางจะทําอะไร

เมื่อได้ข่าวว่าพวกเขากําลังจะออกจากเมืองเฟิงตู เหล่าผู้ที่มีเจตนาไม่ดีก็ค่อย ๆ เคลื่อนไหว

ซือหม่าเจียว “พี่อวิ๋น เจ้าดูสาวน้อยผู้นั้นจากไปอย่างหยิ่งยโสเช่นนี้ หากเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นระหว่างทาง พี่อวิ๋นยังคงสามารถเข้าร่วมงานปรุงยาร้อยปีได้ไม่ใช่หรือ ?”

อวิ๋นฉี “ในเมื่อพวกนางไม่อยากไปกับคนของกลุ่มพันธมิตรย่อย เช่นนั้นเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นก็สมควร และข้าไม่มีทางฆ่าใคร”

ไม่มีทางฆ่าใคร แต่กลับต้องยอมให้สตรีผู้นั้นแย่งชิงผลงานของเขาไป  เป็นเช่นนี้อยู่ก็เหมือนตาย

กว่าองค์ชายใหญ่จะกลับวังมาปลอบประโลมกลุ่มคนของสํานักอวิ๋นเยียนกับเสด็จพ่อของตนได้ก็คงยากลำบาก และไหนจะต้องมาได้ยินว่ามู่เฉียนซีกับมู่หรงรุ่ยกําลังจะจากไปอีก เขาจะนั่งนิ่งได้อย่างไร

“พานางมาที่นี่ การประลองยังไม่เริ่ม ให้นางมาอยู่และปลูกฝังความรู้สึกกับข้าก่อน”

“ขอรับ!”

“มู่หรงรุ่ย เหตุใดเจ้าจึงรีบหนีไปขนาดนั้น ? ยังไม่ได้บอกลาข้าเลย” ไม่นานหลังจากที่พวกนางออกจากประตูเมือง สุดท้ายก็ถูกซือหม่าเจียวสกัดกั้นไว้

มู่หรงรุ่ยกล่าวเสียงเย็นชา “ซือหม่าเจียว ข้าไม่ได้สนิทสนมกับเจ้า เหตุใดต้องบอกลาเจ้าด้วย”

อวิ๋นฉีขมวดคิ้วเล็กน้อย “อย่ามัวกล่าววาจาไร้สาระกับนางเลย ข้ามีเรื่องสําคัญจะคุยกับแม่นางมู่”

มู่เฉียนซีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะกล่าวว่า “แม่ทัพผู้พ่ายศึก เจ้ามีเรื่องอะไรจะคุยกับข้ารึ ?”

สตรีบ้าผู้นี้กล้ากล่าวว่าเขาเป็นแม่ทัพผู้พ่ายศึก ดวงตาของอวิ๋นฉีฉายแววโกรธเกรี้ยว “นักปรุงยาอย่างแม่นางมู่ไม่ธรรมดา ข้าอยากเชิญแม่นางมู่ไปบ้านข้าที่เมืองเฟิงตู เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์การปรุงยา ไม่ทราบว่าแม่นางมู่จะว่าอย่างไร ?”

.