ตอนที่ 439 ก่อเรื่องใหญ่เข้าแล้ว

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

มู่เฉียนซีกล่าวด้วยสีหน้าหยิ่งและเย็นชาว่า “ข้าก็ไม่อยากจะว่าอย่างไรหรอก แต่แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับสวะเช่นเจ้า เจ้าคิดว่ามันมีอะไรดีกับข้าหรือ ? ช่างน่าเบื่อจริง ๆ”

ความเย่อหยิ่งระคนดูถูกของมู่เฉียนซีทำให้ซือหม่าเจียวโกรธเกรี้ยวขึ้นมา “นางบ้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าพี่อวิ๋นเป็นใคร ? พี่อวิ๋นนั้นเป็นศิษย์ของสำนักนิกายระดับหนึ่งอย่างสำนักอวิ๋นเยียน เจ้าจงอย่าให้ต้องใช้ไม้แข็งกันเลย”

มู่เฉียนซีตอบโต้ด้วยการยิ้มขี้เล่น “โอ้! ความสามารถไม่ถึง ก็เอากำลังอำนาจมาบีบบังคับกันเช่นนั้นรึ ?”

“แม่สาวน้อย เจ้าช่างกล้าดีนัก! สำนักอวิ๋นเยียนเจ้าก็ไม่เกรงกลัว เจ้าจะต้องรู้ก่อนว่าสำนักอวิ๋นเยียนของเรานั้น…”

อวิ๋นฉีได้ยินซือหม่าเจียวคุยโวถึงสำนักอวิ๋นเยียนไม่หยุด สีหน้าของเขาก็ได้เปลี่ยนเป็นหม่นคล้ำ

“หุบปากซะ!”

หากให้ผู้อื่นรู้ว่าศิษย์โดยตรงของสำนักอวิ๋นเยียนไม่ใช่แม้แต่คู่ต่อสู้ของเด็กสาวที่ดูอ่อนปวกเปียกผู้นี้ เช่นนั้นแล้วไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะยิ่งทำให้ขายขี้หน้า

“ฮือ… พี่ชายอวิ๋น ข้าทำอะไรผิดไป ?” ซือหม่าเจียวกล่าวอย่างรู้สึกผิด

อวิ๋นฉีเองก็ไม่อยากกล่าวไร้สาระกับมู่เฉียนซี ขนาดว่าเขาไม่ได้กล่าวกับหญิงผู้นี้แม้แต่นิดเดียว เขาก็ยังจะถูกทำให้โกรธแทบตายแล้ว

“ใครก็ได้มานี่! จับหญิงผู้นี้ไว้”

เหล่าลิ่วล้อทั้งหลายที่อวิ๋นฉีได้พามาด้วยเตรียมตัวลงมือ เวลานี้เององค์ชายใหญ่นำทหารองครักษ์กระโจนออกมา

หนานโพ่กล่าวอย่างโกรธกริ้ว “จัดการเจ้านั่นซะ ในเมื่อมันกล้ารังแกคนงามก็จัดการมัน!”

เมื่ออวิ๋นฉีเห็นหนานโพ่ เขาก็กล่าวขึ้นด้วยเสียงเย็นชาว่า “ไสหัวไปประเดี๋ยวนี้!”

“เจ้าเป็นใครถึงได้กล้ามาพูดจาเช่นนี้กับข้าผู้เป็นองค์ชายใหญ่ ?” องค์ชายใหญ่เองก็กริ้วมากขึ้นแล้ว

ซือหม่าเจียวรีบเข้ามาเกลี้ยกล่อม “องค์ชายใหญ่ ใจเย็น ๆ พ่ะย่ะค่ะ เขา… เขาเป็น…”

“ซือหม่าเจียว เจ้าอย่าได้บอกกล่าวสถานะตัวตนของข้าไปทุกที่”

“หึ ๆ  อวิ๋นฉี เจ้าคิดว่าเจ้ามีสถานะตัวตนอะไร เจ้าก็เพียงแค่นักปรุงยาผู้หนึ่งเท่านั้นเอง พลังความสามารถนั้นไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่าแม่นางมู่เลย เจ้าคิดว่าข้าจะกลัวเจ้าหรือ ?”

มู่หรงรุ่ย “หนานโพ่ เมื่อครู่เจ้านี่ยังคิดที่จะเชิญพวกข้าไปที่บ้านเขาด้วย… ท่านจะต้องสั่งสอนเจ้านี่ให้ดี ๆ เสียหน่อยแล้ว”

องค์ชายใหญ่กล่าว “ได้! แม้แต่แม่นางมู่ผู้ที่งดงามอย่างที่สุดเช่นนี้ เจ้ายังกล้าที่จะมาลงมือในแคว้นหนานเถิงซึ่งเป็นถิ่นที่ของข้า เป็นการไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาโดยตรง”

“จัดการ! ทำให้เจ้าเด็กนี่พิการเสียเลย”

อวิ๋นฉีเองก็โกรธขึ้นมา เขากล่าวอย่างเย็นชา “วันนี้ข้าก็อยากเห็นเช่นกันว่าใครจะทำให้ใครพิการ”

— ปั้ก!  ปั้ก!  ปั้ก! —

ทั้งสองฝ่ายนั้นต่อสู้กันทันที

น่าเสียวนัก! มู่หรงรุ่ยถอนหายใจอยู่ด้านข้าง

พลังการต่อสู้ขององค์ชายใหญ่นั้นช่างจัดเป็นประเภทขยะเสียจริง ไม่สามารถต่อสู้กับพวกลิ่วล้อของสำนักอวิ๋นเยียนได้

มู่หรงรุ่ยกล่าวขึ้น “พี่ใหญ่ พวกเราหนีเร็วเข้า!”

มู่เฉียนซีกล่าวถามพลางขมวดคิ้ว “หนีรึ ? เหตุใดต้องหนีด้วย ?”

“หากอวิ๋นฉีจัดการองค์ชายใหญ่เรียบร้อยแล้ว เขาก็จะจัดการกับพวกเรา พวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา”

“เช่นนั้นก็ต้องจัดการอวิ๋นฉีให้เรียบร้อยก่อน เท่านั้นก็ไร้ปัญหา”

“แต่องค์ชายใหญ่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอวิ๋นฉี…” มู่หรงรุ่ยยังกล่าวไม่ทันจบคำ แสงเย็นวาบแสงหนึ่งปรากฏออกมา

มู่เฉียนซีลงมือเสียแล้ว  เข็มยาของนางถูกปล่อยไปใส่คนหลายคนอย่างไร้สุ้มเสียง ทางอวิ๋นฉีเสียเปรียบไปโดยสิ้นเชิง

“เกิดอะไรขึ้น ?” สีหน้าของอวิ๋นฉีเปลี่ยนไปอย่างมาก เขานั้นไม่รู้เลยว่าเหตุใดคนเหล่านี้ถึงได้ล้มลงไปได้

“เป็นถึงองค์ชายแห่งแคว้นแคว้นหนึ่ง กลับลอบทำร้ายข้า ข้าจะจำเอาไว้”

“น่าขัน เจ้าสู้ไม่ได้เองแต่มาบอกว่าข้าลอบทำร้าย รนหาที่ตายนัก!”

— ปั้ก!  ปั้ก!  ปั้ก! —

องค์ชายใหญ่นั้นยิ่งต่อสู้ยิ่งกล้าหาญ แต่ทางอวิ๋นฉีกลับเหลือเพียงแต่เขาผู้ที่เป็นแม่ทัพเพียงผู้เดียว

“ฮ่า ๆ ๆ  เจ้าไปตายซะเถอะ” องค์ชายใหญ่กล่าวออกมา

สีหน้าของซือหม่าเจียวเปลี่ยนไป “อะ… องค์ชายใหญ่ ไม่ได้นะเจ้าคะ ไม่ได้!”

เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีขององค์ชายใหญ่  อวิ๋นฉีไม่ได้เห็นมันอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย เจ้าตุ่มหนองนี่จะไปฆ่าเขาได้เช่นไร  ฝันไปเถอะ!

เขาเอามือออกมาผลักซือหม่าเจียวที่ขวางทางออกไป เขานั้นไม่คิดที่จะฆ่าคน แต่ทว่าองค์ชายผู้นี้มาหาที่ตายเอง แน่นอนว่าเขาจะไม่ออมมือให้ …เพียงแค่ฆ่าองค์ชายองค์หนึ่งเท่านั้น อาจารย์คงไม่ถือสากระมัง

แต่ในขณะที่อวิ๋นฉีจะลงมือ ทันใดนั้นร่างกายของเขากลับไร้เรี่ยวแรง

— ฉวก! —

กระบี่ยาวขององค์ชายใหญ่แทงเข้าไปในหน้าอกของอวิ๋นฉี ซึ่งภาพฉากนี้ ทำให้ทั้งซือหม่าเจียวและมู่หรงรุ่ยล้วนแต่ตะลึงค้าง

ซือหม่าเจียว “องค์ชายใหญ่  แย่แล้ว ท่านก่อเรื่องใหญ่เข้าแล้ว เขา… เขาเป็นศิษย์ของสำนักอวิ๋นเยียน…”

เมื่อองค์ชายใหญ่ได้ยินชื่อของสำนักอวิ๋นเยียน เขาก็สั่นสะท้านไปทั้งร่างก่อนจะกัดฟันและกล่าวขึ้น “เจ้าว่าอย่างไรนะ ? เขาเป็นศิษย์ของสำนักอวิ๋นเยียนรึ ? เจ้าคนต่ำช้า! เหตุใดถึงไม่รีบบอกข้าให้เร็วกว่านี้ ?!”

“ก่อเรื่องแล้ว ก่อเรื่องเข้าแล้ว…”

เรื่องที่ว่าศิษย์อันดับหนึ่งของเจ้าสำนักอวิ๋นเยียน ได้นำเชื้อพระวงศ์ที่ไม่ได้เรื่องทั้งสองพระองค์เข้าไปในเทือกเขาหนานอู้แล้วสิ้นชีพทั้งหมดนั้น ก็ทำให้เจ้าสำนักอวิ๋นเยียนโกรธมากพออยู่แล้ว

มาตอนนี้เขายังได้สังหารศิษย์แห่งสำนักอวิ๋นเยียน ด้วยความพิโรธของเจ้าสำนักอวิ๋นเยียน อาจทำให้ราชวงศ์แคว้นหนานเถิงถูกฆ่าล้างทั้งราชวงศ์ได้เลย

“ข้า… ข้า…” เมื่อเห็นองค์ชายใหญ่ทำสีหน้าบ้าคลั่ง ซือหม่าเจียวก็ยิ่งกลัวเป็นอย่างมาก

“เป็นเขาที่ไม่ยอมให้ข้าพูด ข้าเองก็ไม่รู้…”

เดิมทีเป็นเพียงแค่การทะเลาะวิวาทเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น ไม่มีใครคิดเลยว่าภายหลังจะเกิดการฆ่ากันตายขึ้นมา

องค์ชายใหญ่กล่าวขึ้น “ขอแค่เพียงฆ่าพวกเจ้าเสีย ก็ไม่มีใครรู้แล้วว่าข้าเป็นคนฆ่าเขา”

— ฟึ่บ! —

กระบี่ใหญ่ยาวเล่มนั้นฟาดฟันผ่านไป องค์ชายใหญ่ลงกระบี่ไปที่คอของซือหม่าเจียวหนึ่งครา

องค์ชายใหญ่มองมู่หรงรุ่ยและมู่เฉียนซีด้วยตาแดงก่ำทั้งสองข้าง เขากล่าวขึ้นด้วยความเสียดายว่า “น่าเสียดายหญิงงามทั้งสอง ข้ายังไม่ได้รับเข้าไปในจวน วันนี้กลับต้องมาฆ่าเจ้าด้วยตัวข้าเอง”

องค์ชายใหญ่นั้นเป็นคนเสเพล แต่เมื่อไรที่มีเรื่องไปสัมผัสเข้ากับตัวราชวงศ์แล้ว เขาก็จะกลัวและเป็นบ้าไป วันนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่านอกจากตัวเขา ผู้อื่นอย่าได้หวังว่าจะรอดชีวิต

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชา “เจ้าต้องการฆ่าคนปิดปากข้าเข้าใจ แต่เจ้าคิดว่าเจ้าใช่คู่ต่อสู้ของข้าหรือไม่ ?”

“พวกเจ้าสาวน้อยสองคน จะสามารถก่อพายุคลื่นฝนอะไรขึ้นมาได้ จัดการ!”

มู่เฉียนซีกล่าวตัดขึ้น “ตัวตนของนายท่านของพวกเจ้านั้นพวกเจ้ารู้ดี พวกเจ้าฆ่าข้าแล้ว จากนั้นนายท่านของพวกเจ้าก็จะทำให้พวกเจ้าตาย แล้วพวกเจ้ายังจะรับใช้เขาอีกหรือ ?”

ความตายนั้นเป็นสิ่งที่ถูกลิขิตไว้แล้ว พวกเขานั้นเป็นองครักษ์ขององค์ชายใหญ่ และได้กลืนกินพิษร้ายเข้าไปแล้ว หากองค์ชายใหญ่สั่งให้พวกเขาตาย พวกเขาก็มิอาจต่อต้านได้

พวกเขากล่าวขึ้น “แม่นาง ขออภัย แต่พวกเราคงต้องล่วงเกินเจ้าแล้ว”

ราชายอดยุทธ์หลายคนพุ่งเข้าใส่มู่เฉียนซี หนึ่งในนั้นมีผู้แข็งแกร่งขั้นราชายอดยุทธ์ระดับเก้าอยู่ด้วย

“ผนึกมังกรวารี!” มู่เฉียนซีก็เริ่มลงมือเช่นกัน ในเมื่อเจรจากันดี ๆ ไม่ได้ เห็นทีก็ต้องใช้กำลังเข้าสู้

การโจมตีอันแข็งแกร่งของพลังธาตุวารีนั้นทำให้พวกเขาตกใจจนแทบสลบไป

“ราชาแห่งภูตระดับเก้า จอมภูตธาตุวารี!”

เมื่อเผชิญหน้ากับผู้วิปริตผู้หนึ่งเช่นนี้ พวกเขานั้นไม่กล้ารับรองเลยว่าพวกเขาจะสามารถเอาชนะนางได้

“ห่าฝนบุปผา!” มู่เฉียนซีโจมตีต่อ

— ปั้ก!  ปั้ก!  ปั้ก! —

“มังกรวารีสะท้านสวรรค์!”

นางใช้กระบวนท่าราวกับว่าไม่มีการสิ้นเปลืองพลังวิญญาณอย่างไรอย่างนั้น ยังไม่ทันรอให้พวกเขาได้ตั้งตัว นางก็โจมตีไปอย่างกระบวนท่าต่อกระบวนท่า ทำให้พวกเขาไม่อาจตอบโต้ได้ทัน

— ตุบ!  ตุบ! —

อึดใจต่อมา องครักษ์ขององค์ชายใหญ่ล้มลงทั้งหมด

นางแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ในตอนนี้องค์ชายใหญ่นั้นถึงกับขาอ่อนไปเลยเดียว  เขารีบร้อนกล่าวขึ้น “แม่นางมู่ไว้ชีวิตข้าด้วย! ขอแค่เพียงเจ้าปล่อยข้าไป จะให้ข้าทำอะไรก็ย่อมได้”

มุมปากของมู่เฉียนซีโค้งขึ้นเล็กน้อยเป็นรอยยิ้ม “ทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นจริง ๆ หรือ ?”

.