หลิวซีฉีมองไปยังหลินฟานที่พูดว่าอย่าไปกินข้าวกับเฉินไคให้คนในโทรศัพท์ฟังด้วยท่าทางจริงจัง
ซึ่งหลังจากที่หลินฟานกดวางสาย เธอก็อดไม่ได้ที่จะถาม “หลินฟาน เมื่อกี้คุณโทรหาใครกัน”
หลินฟานพูดอย่างตรงไปตรงมา “อ้อ ก็ผมเห็นคุณบอกว่าสามีของคุณยุ่งมากจนไม่มีเวลาให้คุณ”
“ผมเลยโทรไปหาประธานหยินซานกรุ๊ปกับประธานเมืองการค้าเสียวหวู่ และบอกกับพวกเขาว่าไม่ต้องไปกินข้าวกับสามีของคุณในวันนี้”
“ฮ่าๆๆๆ!”
เมื่อหลิวซีฉีได้ยิน เธอก็จับหน้าท้องของเธอและหัวเราะออกมาทั้งน้ำตา
หลินฟาน…
ตอนแรกก็บอกว่าโทรหาผู้จัดการทั่วไปของโรงแรมเอ็มเพอเรอร์และยังบอกว่าเขาหาห้องว่างได้แล้ว
ตอนนี้เขาก็ยังมาบอกว่าโทรหาประธานหยินซานกรุ๊ปและประธานเมืองการค้าเสียวหวู่ เพื่อบอกพวกเขาว่าไม่ต้องมากินข้าวกับสามีของฉันอีก?
เขาคิดว่าเขาเป็นใคร?
ไม่สำเนียกตัวเองเลยหรอว่าเป็นแค่นักศึกษาธรรมดา!
เขาจะไปโทรหาคนใหญ่คนโตเหล่านี้ได้ยังไง?
และคนใหญ่คนโตเหล่านี้จะฟังเขางั้นหรอ?
เรื่องตลกทั้งเพ!
หลิวซีฉีหัวเราะแล้วพูด “ฉิว… ฉิวจือเฉียน… ไม่ใช่ว่าฉันอยากจะหัวเราะหรอกนะ แต่… แฟนของเธอมันน่าตลกจริงๆ … ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฉันกลั้นขำไม่ได้เลย…”
“ฉันขำจนท้องของฉันแข็งไปหมดแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
ฉิวจือเฉียนไม่ได้ตอบอะไร เธอมองไปที่หลินฟนด้วยแววตาที่ชื่นชมอย่างมาก
เพราะเธอรู้… ว่าเรื่องทั้งหมดนี้ต้องไม่ใช่เรื่องตลกอย่างแน่นอน!
“กริ๊ง!”
ทันใดนั้น โทรศัพท์มือถือของหลิวซีฉีก็ดังขึ้นอย่างรวดเร็ว
ซึ่งเธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทันที และเมื่อเธอเห็นชื่อของสายที่โทรเข้า มือของเธอก็สั่นเทา และใหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
เพราะสายที่โทรเข้ามานั้นก็คือสามีของเธอ เฉินไคนั่นเอง
“ว่าไงคะ สามีของฉัน…” หลิวซีฉีพูดพร้อมกับหัวเราะ
“หลิวซีฉี เธอทำอะไรลงไป!” เสียงตะโกนที่แหลมคมของเฉินไคดังขึ้นจากโทรศัพท์
ซึ่งด้วยเสียงคำรามนี้ มันก็ทำให้หลิวซีฉีตกใจและสั่นไปทั้งตัว
เธอนั่งยองๆ แล้วพูดว่า “เอ่อ…คุณหมายความว่าอะไร ฉันไม่เข้าใจ?”
“เธอไม่เข้าใจงั้นหรอ! ได้เลย ฉันจะบอกให้ เมื่อกี้ผู้จัดการทั่วไปของโรงแรมเอ็มเพอเรอร์โทรมาบอกว่าเธอได้ทำการจองห้องหรูหราทั้งชั้นใว้ให้ฉันแล้ว!” เฉินไคตะโกน
“อะไรนะ? ฉัน… ฉัน … ” หลิวซีฉีสับสนอย่างสมบูรณ์
“เธอทำอะไรลงไป! เธอรู้หรือเปล่าว่าการจองทั้งชั้นของห้องโถงหรูหรานั้นมันราคาเท่าไหร่? มันคือ 1.5 ล้านหยวนเลยนะ! เธอบ้าไปแล้วหรอ?” เฉินไคตะโกน
“สามี ฉัน…ฉันคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องตลก…” หลิวซีฉีตื่นตระหนกอย่างมาก
“เรื่องตลกบ้าอะไร เธอทำให้ฉันเสียเงินไปถึง 1.5 ล้านหยวนเลยนะ! คราวหน้าก็อย่าทำเรื่องโง่ๆแบบนี้อีก!” เฉินไคตะโกนแล้วกดวางสายทันที
“ตื้ด!”
หลิวซีฉีตกอยู่ในความมึนงง
เธอสูญเสียเงินไป 1.5 ล้านหยวนเพื่อจองห้องหรูทั้งชั้น…
นี่……
หรือว่า……
หลิวซีฉีหันไปมองหลินฟานอย่างรวดเร็ว
ใช่!
เป็นเพราะเขาแน่ๆ!
เขาโทรหาผู้จัดการทั่วไปของโรงแรมเอ็มเพอเรอร์จริงๆ!
เขาไม่ได้ล้อเล่น!
ถ้าอย่างนั้น…
เมื่อกี้ที่เขาบอกว่าโทรหาประธานหยินซานกรุ๊ปกับประธานเมืองการค้าเสียวหวู่ก็เป็นเรื่องจริงด้วยน่ะสิ?
ไม่นะ…
ไม่……
ใบหน้าของหลิวซีฉีขาวซีดในทันที ลางสังหรณ์อันเลวร้ายวันอยู่ในความรู้สึกของเธออย่างไม่จบไม่สิ้น
“กริ๊ง!”
ทันใดนั้น โทรศัพท์มือถือของหลิวซีฉีก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
ซึ่งเสียงของโทรศัพท์ในตอนนี้ สำหรับเธอแล้วมันก็ไม่ต่างอะไรไปจากเสียงคำรามของผี มันทำให้เธอตัวสั่นอย่างมาก
จากนั้น หลิวซีฉีก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทั้งๆที่สั่นกลัว และเมื่อเธอเห็นว่าหมายเลขของผู้โทรคือเฉินไคสามีของเธอ ร่างกายของเธอก็สั่นหนักขึ้นไปอีก
“หลิวซีฉี! แกทำอะไรลงไปอีกแล้ว!”
“แกรู้บ้างมั้ย ว่าฉันต้องใช้แรงกับทุนไปมากขนาดไหนในการสร้างความสัมพันธ์เพียงเล็กน้อยกับประธานหยินซานกรุ๊ปและประธานเมืองการค้าเสียวหวู่!?”
“และแกรู้ไหมว่าฉันต้องเสียไปเท่าไหร่กว่าที่จะเชิญประธานหยินซานกรุ๊ปมาทานอาหารเย็นด้วยได้”
“ตอนนี้มันจบแล้ว! แกรู้ไหมว่าเราสูญเสียอะไรไปบ้าง!”
ทันทีที่รับโทรศัพท์ เสียงคำรามของเฉินไคก็ดังขึ้นทันที
“คุณ…สามี…เกิดอะไรขึ้น” หลิวซีฉีพูดด้วยความรู้สึกผิด
“เกิดอะไรขึ้นงั้นหรอ ฉันจะบอกให้! ประธานหยินซานกรุ๊ปและประธานเมืองการค้าเสียวหวู่ได้โทรมาบอกฉันว่าให้ใส่ใจภรรยาบ้าง อย่าใส่ใจแต่เรื่องธุกิจ และเขายังบอกด้วยว่าหากฉันยังเคลียปัญหาเรื่องนี้กับเธอไม่ได้ เขาจะไม่มาพบฉันอีก!” ตอนนั้นเฉินไคถึงกับอุทาน “หลิวซื่อฉี แกสร้างเรื่องอีกแล้ว!”
“ก็นะ! สำหรับฉันแล้วเรื่องงานมันสำคัญกว่าแก!”
“และฉันก็เหนื่อยมากแล้วด้วย!”
“วันนี้ ถ้าแกไม่ทำให้ประธานหยินซานกรุ๊ปและประธานการค้าเสียวหวู่เปลี่ยนใจล่ะก็ ฉันก็คงจะได้รับเงินทุนมากมายมหาศาลไปแล้ว!”
หลังจากที่เฉินไคคำรามเสร็จ เขาก็วางสายทันที
คำพูดเหล่านี้ เหมือนกับว่ามีเสียงฟ้าร้องในวันที่มีแสงแดดจ้า มันดังก้องอยู่ในหูของหลิวซีฉี และมันก็ทำให้เธออ่อนแรงไปทั้งตัว ซึ่งในที่สุด โทรศัพท์ของเธอก็ได้ตกลงพื้น
“ปึก!”
และด้วยเสียงของโทรศัพท์ที่ตกลงพื้นนั้น ก็ทำให้หลิวซีฉีกลับมารู้สึกตัว
เธอรีบหันไปมองยังหลินฟานและก้มลงพร้อมกับพูดว่า “ขอโทษที ฉันผิดไปแล้ว เป็นฉันที่โง่เอง… ได้โปรด ทำทุกอย่างให้เหมือนเดิมทีเถอะ…”
“ขอโทษ ฉันขอโทษ……”
ในเวลานี้ ไม่ว่าเธอจะโง่แค่ไหนก็ตาม แต่เธอก็รู้แล้วว่าหลินฟานไม่ใช่แค่นักศึกษาธรรมดาอย่างแน่นอน
เป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่จริงๆ!
หลินฟานพูดอย่างแผ่ว “จะขอโทษทำไมกัน ผมก็จองโรงแรมให้ตามที่คุณบอกแล้วไม่ใช่หรอ? แถมผมยังบอกให้ประธานหยินซานกรุ๊ปกับประธานเมืองการค้าเสียวหวู่ไม่ต้องไปรับประทานอาหารกับสามีของคุณด้วยนะ เขาจะได้มีเวลาให้คุณอย่างที่คุณต้องการไง”
“และก็ไม่ใช่ว่าการที่คุณเป็นเพื่อนร่วมชั้นของจือเฉียนแล้วจะทำตัวไม่สุภาพได้”
“ช็อค!”
ทำไมหลิวซีฉีจะไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของหลินฟาน? เธอรีบงอขาของเธอและล้มลงตรงหน้าของฉิวจือเฉียนทันที
“จือเฉียน ฉันผิดไปเมื่อกี้… ฉันขอโทษ… ฉันไม่ควรพูดเรื่องไร้สาระแบบนั้นเลย…”
“ได้โปรด เห็นแก่ความเป็นเพื่อนร่วมห้องของเราเถอะนะ ยกโทษให้ฉันในครั้งนี้เถอะ…”
เธอก้มศีรษะลงพร้อมกับกำหมัดแน่น ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและก็ความโกรธแค้น
หากหลิวซีฉีมีโอกาสในอนาคตล่ะก็ เธอจะแก้แค้นให้เป็นสองเท่าอย่างแน่นอน!
ซึ่งเนื่องจากหลิวซีฉีคุกเข่าลงอย่างกะทันหัน มันจึงทำให้ฉิวจือเฉียนตกใจอย่างมาก
แต่อย่างไรก็ตาม ฉิวจือเฉียนไม่ได้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในการแสดงออกและท่าทางของหลิวซีฉีเลย
ตอนนี้เธอไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง
ดังนั้น ฉิวจือเฉียนจึงค่อยๆหันไปมองที่หลินฟาน
ซึ่งท่าทางของหลิวซีฉีนั้นอาจจะหลับซ่อนจากมุมของฉิวจือเฉียนได้ แต่หลินฟานนั้นไม่ใช่
หลินฟานค่อย ๆ คว้าเอวเรียวๆของฉิวจือเฉียนและกล่าวว่า “ไปกันเถอะ ปล่อยให้เธอรู้สึกผิดอยู่แบบนั้นนั่นแหละ เผื่อมันจะทำให้ชีวิตของเธอดีขึ้นบ้าง”
ฉิวจือเฉียนเองก็เข้าใจความคิดของหลินฟานดี การปล่อยไปแบบนี้อาจจะทำให้เธอรู้สึกสำนึกผิดขึ้นมาได้บ้าง ดีกว่าการให้อภัยไปเฉยๆ แต่ไม่สำนึกอะไรเลย
หลังจากเข้าไปในห้างสรรพสินค้า SK แล้ว ฉิวจือเฉียนก็มองไปที่หลินฟานด้วยท่าทางงงงวย
เหมือนกับอยากจะถามว่า : หลินฟานรู้จักคนใหญ่คนโตเหล่านั้นได้อย่างไร? และทำไมถึงสามารถติดต่อได้ทันที
ซึ่งหลินฟานก็เข้าใจความคิดของเธอได้อย่างง่ายดาย เขาแตะจมูกของเธอและพูดว่า “ที่เมืองการค้าเสียวหวู่ ฉันถือหุ้นของที่นั่นอยู่ 51%”
“และก็ถือหุ้นของหยินซานกรุ๊ปอีก 51%”
“ส่วนโรงแรมเอ็มเพอเรอร์นั้น…ก็คือโรงแรมของฉันเอง”
เงียบ!
เงียบสงบ
ฉิวจือเฉียนอดไม่ได้ที่จะอ้าปากกว้างและไม่สามารถหุบลงได้เลย