ภาค 4 กวาดล้างหมื่นลี้ บทที่ 314 สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ผู้คับแค้นใจ

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เขากว่างเฉิงเปิดฉากโจมตีโต้ ยึดพื้นที่กลับคืน ภายใต้การนำของหยวนเจิ้งเฟิง

ฉวยโอกาสที่หวงกวงเลี่ยเสียมาตรสุริยันวัดสวรรค์ ขณะเดียวกันก็ได้รับบาดเจ็บ เขากว่างเฉิงได้ทีจึงไม่ยั้งมือ ยังไล่บุกไปตามเส้นทางเข้าสู่อัคคีพิภพอีกครั้ง

ความคืบหน้าของสถานการณ์ ทำให้จอมยุทธ์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์รู้สึกคุ้นเคยอยู่บ้าง…

ในยามสงครามถังตะวันออกตอนแรก คล้ายว่าก็เป็นลักษณะเช่นหนนี้ ชนะก่อนแล้วค่อยแพ้พ่าย

ไม่เพียงขนชัยชนะทั้งปวงก่อนหน้ากลับไป หนำซ้ำกระทั่งทุนเดิมของตนเองล้วนยังขนออกไป

ลำดับเหตุการณ์ที่คุ้นเคย สถานการณ์ที่คุ้นเคย วนกลับมาอีกครั้ง…

ด้วยเหตุนี้แม้แต่ความรู้สึกชนิดคับแค้นใจจนอย่างจะกระอักเลือดนั้น ล้วนเหมือนกันราวกับแม่พิมพ์เดียวกัน ถึงขั้นหนักหนายิ่งกว่าเสียอีก

ครั้นยามรู้ว่าสงครามนี้เสียอาวุธศักดิ์สิทธิ์มาตรสุริยันวัดสวรรค์ของสำนักตนอย่างไม่คาดคิด ทั้งสำนักตั้งแต่เบื้องบนจนเบื้องล่าง ต่างพูดไม่ออกชั่วขณะ

บนยอดเขาเรืองรอง ขณะนี้แสงอาทิตย์ไม่เจิดจ้าอีกต่อไป หากแต่ปรากฏสภาวะเมฆครึ้มอึมครึมออกมาหลายส่วนอย่างพบได้ยาก

ผู้อาวุโสเก่าแก่พานป๋อไท่และผู่จ้าวจวิน ผู้นำเจ็ดสุริยัน ต่างก็สิ้นใจอยู่ภายใต้เขากว่างเฉิงทั้งสิ้น

ซี่จ้าวจวินนั่งอยู่ภายในตำหนักใหญ่ สีหน้าผิดแผกไปอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

เขาเองก็ไปนภาพิภพเช่นกัน ทว่าเพียงหยุดปราบปรามพื้นที่เพียงชั่วครู่ ณ เกาะนภาใต้ ไม่ได้ตามเข้าไปยังเขากว่างเฉิงอีก

ไม่เช่นนั้นก็ยากยิ่งจะจินตนาการ ภายใต้สถานการณ์ที่นอกจากหวงกวงเลี่ยแล้ว ทุกผู้คนล้วนพ่ายแพ้ยับเยิน เขากลับโชคดีรอดตายมาได้

ทว่าขณะเดียวกับที่ซี่จ้าวจวินกำลังรู้สึกโชคดีเล็กน้อยอยู่นั้น ยังรู้สึกอัปยศและแค้นใจอย่างยากเอื้อยเอ่ย

สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ยกทัพบุกเขากว่างเฉิงนภาพิภพครั้งนี้ ไม่สามารถใช้สำนวนว่า ‘มาอย่างฮึกเหิมสำราญใจ ผลคือกลับอย่างหมดอาลัยตายอยากยิ่ง’ มาบรรยายได้แล้ว หากแต่คือปะทะหัวร้างข้างแตก จนเกือบสิ้นชีวิตอยู่ภายใต้เขากว่างเฉิง

จิตใจอันฮึกเหิม และความพอใจที่ปณิธานบรรลุก่อนออกเดินทาง ราวกับกลายเป็นเรื่องตลกทั้งสิ้น

ใบหน้าของหวงซวี่ เจ้าสำนักปัจจุบันสุขุมดุจน้ำ สายตามองยังห้องสงบจิตที่อยู่ตรงหน้า

หลังจากหวงกวงเลี่ยกลับสำนักแล้ว เขาก็เข้าไปในห้องสงบจิต บ่มเพาะและบำรุงร่างกาย ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บที่หยวนเจิ้งเฟิงประเคนให้กับเขา

หลังจากฟื้นฟูอาการเจ็บแล้ว เช่นนั้นหากพบเจอหยวนเจิ้งเฟิงและชุดคลุมนภาที่สถานที่นอกเขากว่างเฉิง หวงกวงเลี่ยยังคงมีพลังความสามารถในการต่อสู้

ถ้าหากหยวนเจิ้งเฟิงรีบเร่งมาเหยียบยอดเขาเรืองรองล่ะก็ กระนั้นสถานการณ์พลิกกลับโดยสิ้นเชิงแล้ว ถึงแม้จะมีกายจะมีอาการเจ็บ หวงกวงเลี่ยก็ไม่เกรงกลัวเช่นกัน

เพียงแต่แม้จะเป็นเช่นนี้ แนวโน้มตอนแรกที่ยามเพิ่งออกฌานปรารถนาจะกวาดล้างใต้หล้าต่อเนื่อง พลันชะงักกึก ถูกตัดตอนกลางคัน

สูญเสียมาตรสุริยันวัดสวรรค์ไป ยิ่งไม่อาจทนรับความเจ็บปวดได้

หวงซวี่มองห้องสงบจิตพักใหญ่ จึงค่อยถอนสายตา ครั้นเหลียวศีรษะกลับ เส้นสายตาของเขากวาดผ่านร่างบรรดาบุคคลระดับสูงของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์เบื้องหน้า

เสียงเขาทุ้มต่ำ “เฝ้ารักษามั่นคอยกำลังหนุน สอดส่องทุกย่างก้าว หลังจากท่านพอหายดีแล้ว อัคคีพิภพยังคงเป็นของสำนักเรา ชายแดนที่ทั้งสองฝ่ายคุมเชิงกันอยู่ ยังคงกั้นนภาพิภพกับอัคคีพิภพเอาไว้”

เหล่าบรรดาผู้อาวุโสระดับสูงสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ล้วนผงกศีรษะ

หวงเจี๋ย บุตรของหวงซวี่ หลานชายของหวงกวงเลี่ย ยืนอยู่ในมุมด้านหลังสุดของกลุ่มคน ไม่มีความรู้สึกว่าดำรงอยู่แม้แต่น้อย

เขามีสีหน้าเรียบเฉย ไม่สะทกสะท้านต่อเรื่องนี้ บนใบหน้าเพียงแค่เผยสีหน้ารวมสมาธิไตร่ตรองออกมาเท่านั้น

หวงซวี่มองหวงเจี๋ยแวบหนึ่ง อีกฝ่ายในขณะนี้กลับคืนเป็นปกติโดยสมบูรณ์แล้ว

ในตอนที่หวงกวงเลี่ยเพิ่งกลับสำนักสักครู่ ข่าวคราวที่น่าเชื่อถือได้สะพัดมา บนใบหน้าหวงเจี๋ยพลันปรากฏสีหน้าตระหนกตกใจ ทำให้ความทรงจำในอดีตเขาเด่นชัดขึ้นมา

แม้หวงซวี่จะมีศักดิ์เป็นบิดา ก็พบเห็นท่าทางหวงเจี๋ยเป็นเช่นนั้นน้อยอย่างยิ่งเช่นกัน กล่าวให้ชัดคือ นานนักแล้วที่เขาไม่ได้เห็น

ถึงแม้ว่ายามสงครามถังตะวันออกในตอนแรกสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์จะเสียเปรียบมา หลังจากหวงเจี๋ยล่วงรู้ ก็เพียงวิพากษ์ชืดชาประโยคเดียว ‘ปฏิบัติการไม่เป็นความลับ โดนศัตรูมองออกย้อนคิดบัญชีแล้ว’

คนที่เหลือแยกย้ายออกไป สายตาของหวงซวี่ตกไปบนร่างหวงเจี๋ย

หวงเจี๋ยหยุดไตร่ตรอง เงยหน้าขึ้นเอ่ย “หยวนเจิ้งเฟิงออกฌานก่อนกำหนด อันที่จริงก็ไม่มีเป็นอะไร แม้จะไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วเขาทำให้อาการเจ็บของตัวเองหายได้อย่างไร แต่นี่ยังคงอยู่ในแผน”

หวงซวี่ผงกศีรษะ

ที่พวกเขาคาดคะเนในตอนแรก ความคิดที่แย่ที่สุด คือหยวนเจิ้งเฟิงออกฌานเร็วยิ่งกว่าหวงกวงเลี่ย

หากเป็นเช่นนั้นล่ะก็ สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก็ต้องรักษายอดเขาเรืองรองสุดชีวิตด้วยพละกำลังทั้งหมด ภายใต้สถานการณ์ที่มาตรสุริยันวัดสวรรค์ยังอยู่ กลุ่มอิทธิพลระดับเขากว่างเฉิงคิดเหยียบประตูเขาของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ก็ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้นเช่นกัน

ผลคือหวงกวงเลี่ยออกฌานก่อนก้าวหนึ่ง ต่อให้หยวนเจิ้งเฟิงตามทันพอดี และยังออกฌานเร็วกว่าสถานการณ์ปกติ นั่นก็ไม่สลักสำคัญเช่นกัน

อย่างมากก็หมดทางขจัดกว่างเฉิงให้สิ้นซาก แต่ด้วยพลังกดดันของหวงกวงเลี่ยกับมาตรสุริยันวัดสวรรค์ สามารถกดหยวนเจิ้งเฟิงกับชุดคลุมนภาไม่ให้สามารถตั้งมหาค่ายกลนภาออกมาได้ ทำเช่นนี้แล้วสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์สามารถฮุบเอานภาพิภพได้อย่างสบายๆ เสริมความแก่กล้าเกรียงไกรตนเองขึ้นอีกขั้น

สิ่งหนึ่งดับไปอีกสิ่งเกิดแทนที่ ยอดฝีมือยิ่งแกร่ง สุดท้ายชัยชนะก็จะตกเป็นของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์

นี่เป็นความได้เปรียบอันใหญ่หลวงอย่างแท้จริง ที่หลังจากหวงกวงเลี่ยออกฌานโดยสมบูรณ์ พลังความสามารถและพลังฝึกปรือสูงขึ้นอีกขั้น

อาวุธอันสง่าผ่าเผย พลังมหาศาลแผ่ข่มผู้คน ระรานเจ้าซึ่งหน้า หากแต่เจ้าสู้ข้าไม่ได้

หวงเจี๋ยกล่าว “เหตุไม่คาดคิดที่หนักหนาที่สุด คือมหาค่ายกลนภาของเขากว่างเฉิง การเปลี่ยนแปลงฉับพลันอันเหนือความคาดหมายนั่น ข้าชักสงสัยว่าเขากว่างเฉิงร่วมมือกับภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตและนพยมโลกจริงๆ แล้ว”

ถึงแม้ว่าจะใส่ร้ายเขากว่างเฉิงให้เป็นแพะรับบาป เพื่อที่จะแก้ต่าง ทว่าแน่นอนว่าบิดาบุตรหวงซวี่และหวงเจี๋ยต่างรู้ดีว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร

ต้องหาหนึ่งดินแดนที่เคียดแค้นภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต ในบรรดาหกดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ในปัจจุบัน เกรงว่าก็เป็นเขากว่างเฉิง

หวงซวี่ได้ยินดังนั้น สีหน้าพลันอึมครึมลง “มาตรสุริยันวัดสวรรค์…”

หวงเจี๋ยกล่าว “สถานการณ์ในตอนนี้ โดยภาพรวมเท่ากับก่อนหน้านี้ที่ท่านปู่ไม่ได้เข้าฌาน หยวนเจิ้งเฟิงไม่ได้กลายเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ เลวร้ายกว่าตอนนั้นอยู่บ้างเล็กน้อย สำนักข้าไม่ได้เหนือว่าเขากว่างเฉิงอีกต่อไป ทั้งสองฝ่ายกลับสู่สถานการณ์เท่าเทียมอีกครั้ง อืม เห็นทีผ่านสงครามกว่างเฉิงครั้งนี้ไป พวกเราอาจยังเลวร้ายอยู่บ้างเล็กน้อย”

“แต่ว่า เทียบกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่อื่นอีกสี่แห่ง ความได้เปรียบของพวกเราสองตระกูล ล้วนเพิ่มพูนมหาศาลแล้ว”

หวงเจี๋ยเอ่ย “ถัดจากนี้ไป เป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับสำนักเรา จำเป็นต้องพิจารณาให้รอบด้าน”

หลังจากเขาเว้นวรรคเล็กน้อยจึงค่อยรำพัน “ความเข้าใจที่มีต่อเขากว่างเฉิงกาลก่อน ขณะนี้ดูเหมือนยังไม่พอ”

หวงเจี๋ยก้มศีรษะลง มองดูพื้นดิน “…คุณชายกว่างเฉิงเยี่ยนจ้าวเกอ สมควรแก่การระวังขึ้นอีกขั้น ระดับพลังที่มากขึ้น สัมผัสที่ละเอียดมากขึ้น ก่อนหน้านี้มักคิดว่าให้ความสำคัญเขามากพอแล้ว แต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่า ยังคงประมาทไปอยู่บ้าง”

“หายนะกว่างเฉิงหนนี้ การเปลี่ยนแปลงนอกแผนต่างๆ นานา มักรู้สึกว่าเบื้องหลังมีเงาของคนผู้นี้อยู่ อุปนิสัยคนผู้นี้มีข้อบกพร่องอยู่ไม่น้อย มีจุดที่สามารถใช้ประโยชน์ได้มากมายยิ่ง แต่กลับมีอุบายน่าตื่นตะลึงอันเหนือความคาดหมายเสมอ”

หวงซวี่เอื้อนเอ่ย “ปีเกิดหนที่สองของเจ้า ไม่อาจสร้างความทรงจำรำลึกได้”

หวงเจี๋ยได้ยินดังนั้นก็เงยหน้าขึ้น ยิ้มอย่างหาได้ยากครั้งนหึ่ง “กลับกันพอดี การคาดการณ์ผิดพลาดครั้งแรกในชีวิต ความทรงจำสลักลึกยิ่งยวด”

เขาเบือนศีรษะกลับมองยังทิศเหนือที่นภาพิภพตั้งอยู่ รำพึงรำพันกับตนเองว่า “ขณะเดียวกัน ก็เป็นความปรารถนาสังหารคนคนหนึ่งครั้งแรกที่รุนแรงถึงปานนี้ แถมยังเป็นคนอายุเท่ากันอีก…”

เกาะนภากลางแห่งนภาพิภพ บนเขากว่างเฉิง เยี่ยนจ้าวเกอมองดูมหาค่ายกลนภาเหนือศีรษะที่โคจรอย่างเงียบเชียบ สีหน้าท่าทางสงบนิ่ง

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เส้นสายตาของเขาเบนๆผยังทิศใต้ จากนั้นก็มองไปยังทิศตะวันออกเฉียงเหนืออีก “ศัตรูสิ้นแต่ใจข้าไม่สิ้น มีหางลมเล็กน้อยพัดหญ้าปลิวไหว ก็เหมือนเช่นปลาฉลามเห็นเลือดพุ่งพรวดขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น”

เยี่ยนจ้าวเกอหรี่ตาเป็นเส้นตรงขึ้นมา “หลักการที่แต่ไรมีเพียงบุกโจมตีทำได้ทุกเมื่อเชื่อวัน ไม่มีที่ป้องกันตั้งรับได้ทุกเมื่อเชื่อวัน”

“สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ตำหนักอัสนีสวรรค์ พวกเจ้าคงไม่นึกว่าพวกข้าก็คิดวางแผนเช่นนี้ไว้กระมัง?”

…………..