ภาค 4 กวาดล้างหมื่นลี้ บทที่ 315 เจ้าสำนักกว่างเฉิงคนใหม่

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

“สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ตำหนักอัสนีสวรรค์ พวกข้าเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น” เส้นสายตาเยี่ยนจ้าวเกอเพ่งพินิจมหาค่ายกลนภากลางท้องฟ้า

ลวดลายค่ายกลแต่ละสายที่ส่องสว่างวามวับ เวลานี้เริ่มค่อยๆ เลือนหายไปในอากาศอีกครั้ง

เยี่ยนจ้าวเกอก้มศีรษะลงมองกลุ่มยอดเขากว่างเฉิงตรงหน้า กระแสปราณสีแดงหม่นแต่ละสายที่พวยพุ่งขึ้นก่อนหน้า บัดนี้ก็สลายหายไปแล้วเช่นกัน

หลังจากดินนพยมโลกที่ผ่านการแปรรูปเป็นพิเศษ เชื่อมผนึกเข้ากับมหาค่ายกลแดนมารที่ดัดแปลงภายหลัง และมหาค่ายกลนภาของเขากว่างเฉิงเอง ก่อเกิดอานุภาพอันน่าตื่นตะลึงออกมา

ทว่าหลังจากที่รอยประทับมารบนมือเยี่ยนจ้าวเกอเลือนหาย หากคิดอยากจะเปิดทางสัญจรสู่นพยมโลกอีกครา กลับไม่ง่ายแล้ว

กระนั้นแม้จะเป็นเช่นนี้ มหาค่ายกลนภาของเขากว่างเฉิงก็พัฒนาขึ้น จากรากฐานที่มีอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้วเช่นกัน

มหาค่ายกลนภาในตอนนี้ ล้วนเป็นค่ายกลที่สุดยอดที่สุด ในบรรดาแต่ละมหาค่ายกลทั่วทั้งโลกแปดพิภพในปัจจุบัน

ซินตงผิงกับภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตสร้างความเสียหายมหาศาล หากแต่อาวุธที่ยึดมาได้จากพวกเขาเหล่านี้ กลับหนาแน่นอุดมสมบูรณ์อย่างยิ่งเช่นกัน มีการพลิกแพลงใช้มากมายที่คิดไม่ถึง สามารถทำให้พลังความสามารถเขากว่างเฉิงยกระดับขึ้นอย่างสูงยิ่ง

บัดนี้ในมือเยี่ยนจ้าวเกอ รองอยู่ด้วยหยกสีฟ้าหม่นก้อนหนึ่ง ทอประกายแสงฟ้าอ่อนๆ

แสงระยับสลัว ดูไปแล้วน้อยนิดไม่อาจสังเกตเห็น หากสีกลับบริสุทธิ์หาที่เปรียบไม่ได้

หยกชิ้นนี้มีชื่อว่าหยกมารฟ้า ผลิตจากปฐพีพิภพ เพียงแต่มีอยู่จำนวนน้อยยิ่ง ในยามปกติแทบจะไม่พบเห็น

ในถุงย่อส่วนที่ซินตงผิงพกติดกาย กลับมีหยกมารฟ้าอยู่ปริมาณมาก ไม่เพียงมีอยู่มาก อีกทั้งยังมีคุณภาพดีเยี่ยมอีกด้วย

เยี่ยนจ้าวเกอถือหยกมารฟ้าก้อนนี้ไว้กับมือเชยชมเล่น ไล้นิ้วมือไปบนพื้นผิวหินหยก ใคร่ครวญไม่เอ่ยคำจา

นอกจากหยกมารฟ้าแล้ว ในบรรดาของสั่งสมของพวกซินตงผิงและหยวนเทียน ยังมีของล้ำค่าระดับสูงต่างๆ นานา เฉกเช่นหยกแปลงสระสวรรค์ น้ำมันร่างภูต ทำให้ผู้คนรู้สึกละลานตา

หนนี้ สำนักเขากว่างเฉิงบุกตอบโต้อัคคีพิภพที่สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ครองอยู่อีกครั้ง และก็จะได้รับสิ่งของจำนวนมาก เยี่ยนจ้าวเกอได้ไหว้วานคนจดจ้องของล้ำค่าหลายโดยเฉพาะ รวมถึงของเฉกเช่นหยกลายเพลิงและกระจกเพลิงใต้ดินที่ปล้นชิงมาครั้งก่อน หากแต่ตอนนี้ตนได้ผลาญใช้จนหมดสิ้นแล้ว

สามารถเห็นได้ล่วงหน้า ว่านี่จะเป็นอีกครั้งที่เก็บเกี่ยวได้อย่างอุดมสมบูรณ์

ขณะเดียวกัน ทางฝั่งตะวันตกของวายุพิภพก็แพร่สะพัดข่าวมาเช่นกัน ว่าเขากว่างเฉิงบุกโจมตีโต้อย่างเกรียงไกร ได้รุกจากทางตอนใต้เกาะกาน เข้าสู่เกาะฉินที่สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ยึดครองอยู่

ได้ทีขี่แพะไล่ หาได้ยั้งมือไม่

หวงกวงเลี่ยได้รับบาดเจ็บ มาตรสุริยันวัดสวรรค์หล่นหาย เวลานี้สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ทำได้เพียงกล้ำกลืนฝืนทนอีกครั้ง

รอจนถึงเวลาที่หวงกวงเลี่ยบ่มเพาะรักษาอาการเจ็บหายดีในที่สุด เตรียมเริ่มโจมตีโต้ เขากว่างเฉิงก็ปล่อยของอีกอย่างหนึ่งออกมาแล้ว

รายชื่อสมาชิกภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตอันครบถ้วน ที่ถูกยึดกุมอยู่ในมือซินตงผิง ในนั้นไม่ขาดคนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่อื่นๆ อีกห้าแห่ง

ความจริงเท็จของรายชื่อฉบับนี้ แน่นอนจำเป็นต้องตรวจสอบแยกแยะอย่างละเอียด ว่าไม่มีความเป็นไปได้ที่ซินตงผิงจะออกอุบายปล่อยข่าวเท็จ ก่อเกิดการใส่ร้ายป้ายสี ทำให้คนในโลกแปดพิภพขัดแย้งกันเอง

ทว่าคุณค่าราคาในนั้น ไม่ต้องกล่าวก็เห็นได้ชัดเช่นเดียวกัน

สถานการณ์ของเขากว่างเฉิงมั่นคง ชั่วขณะเดียวก็กดสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์จนโงหัวไม่ขึ้นได้แล้ว

ในขณะเดียวกันนั้น ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของภูผาพิภพ สำนักเขาไร้พรมแดนเองก็เพิ่มพูนแรงกดดันทางตำหนักอัสนีสวรรค์ไม่หยุดยั้งเช่นกัน

ที่ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอเกิดความรู้สึกทอดถอนใจคือ เขาเห็นเขาไร้พรมแดนยืนอยู่ข้างเขากว่างเฉิงตั้งแรกเริ่มจนถึงตอนท้าย สงครามเดือดกว่างเฉิงยิ่งตรึงตำหนักอัสนีสวรรค์ไว้เพื่อเขากว่างเฉิง

ทว่าหากหวงกวงเลี่ยสิ้นชีพแทบเท้าเขากว่างเฉิง เช่นนั้นก็ยากคาดเดาจุดยืนของเขาไร้พรมแดนแล้ว ถึงขั้นกระทั่งเมืองทะเลมรกตก็อาจล้วนบังเกิดความคิดแบบอื่น

การวางหมากระหว่างกลุ่มอิทธิพลระดับสุดยอด มักแปรเปลี่ยนเนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ

เมื่อพวกหยวนเจิ้งเฟิงหวนกลับเขากว่างเฉิง ก็เป็นหลังจากหลายวันให้หลังแล้ว

ผ่านการร่วมมือร่วมใจจัดระเบียบทั้งเขากว่างเฉิง ในที่สุดสำนักก็ฟื้นกลับคืนเฉกเช่นปกติอีกครั้ง

เพียงหนึ่งเดียวที่ค่อนข้างพิเศษก็คือปลายยอดเขาพ้นอัคคีถูกตัดโดยยอดฝีมือในสำนัก ถากมันให้เรียบอีกหน เพียงแต่ระดับความสูงยอดเขาโดยภาพรวม เตี้ยลงกว่ากาลก่อนขั้นหนึ่ง

และก็หลังจากหยวนเจิ้งเฟิงกลับสำนักไม่นาน เขากว่างเฉิงแจ้งให้ทราบทั่วกันในใต้หล้า ประกาศกบฏภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตที่มีการคัดเลือกไว้ตั้งเริ่มจนจบ

พร้อมทั้ง ข่าวสารที่จอมมารศักดิ์สิทธิ์หยวนเทียนกับซินตงผิงล้วนร่วงโรยทั้งสิ้น

สำหรับฐานะที่แท้จริงของซินตงผิง เขากว่างเฉิงไม่ได้เลี่ยงที่จะเอ่ยแต่อย่างใด หากแต่แจ้งผู้คนทั่วหล้าให้ทราบอย่างเฉียบขาด ลบล้างมลทินสำนักตน

ถึงแม้จะมีข่าวเล่าลือนานแล้ว กระนั้นเมื่อเขากว่างเฉิงประกาศออกมาเองจริงๆ ยังคงทำให้สั่นสะเทือนทั่วหล้า

นอกจากปัญหาเหตุโกลาหลจากภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต สำหรับการบุกโจมตีของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์กับตำหนักอัสนีสวรรค์ แน่นอนเขากว่างเฉิงก็ไม่ได้ปล่อยผ่านไปง่ายๆ เช่นกัน

ทั้งสองฝ่ายต่างยึดมั่นความคิดตนเอง ไม่อาจเลี่ยงการถกเถียง เพียงแต่พลังอำนาจของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์กับตำหนักอัสนีสวรรค์ อย่างไรก็ดูเบาบางอยู่บ้าง

ซึ่งไล่หลังไม่นานนัก เขากว่างเฉิงก็ประกาศสำทับทั่วหล้าอีกหน ว่าอดีตเจ้าสำนักหยวนเจิ้งเฟิงสละตำแหน่งอย่างเป็นทางการ หากแต่ย้ายมาเป็นผู้อาวุโสเก่าแก่ ตั้งอกตั้งใจบำเพ็ญเพียร

เจ้าสำนักดำรงตำแหน่งใหม่ สายเขากว่างเฉิง มีเยี่ยนตี๋ที่ก่อนหน้านี้ทำหน้าที่เจ้าสำนักแทนมารับตำแหน่ง

บิดาของเยี่ยนจ้าวเกอ เยี่ยนตี๋ กลายเป็นเจ้าสำนักเขากว่างเฉิงรุ่นใหม่อย่างเป็นทางการ

การสืบทอดของเขากว่างเฉิง ดำเนินต่อเนื่องไปอีกครั้ง

ไม่ว่าจะเป็นสงครามกับภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตก่อนหน้านี้ หรือจะเป็นสงครามกับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ในภายหลัง รายละเอียดมากมายเปิดเผยออกมา นามกรเยี่ยนผู้ไร้เทียมทานกระฉ่อนขึ้นมาบนแผ่นดินโลกแปดพิภพอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

หลังจากเป็นใหญ่ไร้เทียมทานตั้งแต่ขั้นปรมาจารย์ เยี่ยนตี๋มองจากเบื้องบนลงมายังระดับชั้นมหาปรมาจารย์ทั่วทั้งโลกแปดพิภพอีกครั้ง

เจ้าสำนักเขาไร้พรมแดน ‘เหยี่ยวบรรพตเหนือ’ ฉู่เหยี่ยนส่งคนในสำนักมากล่าวอวยพร ด้านหนึ่งแสดงความยินดีที่เยี่ยนตี๋กลายเป็นเจ้าสำนักดำรงตำแหน่งใหม่ อีกด้านหนึ่งก็แสดงความยินดีที่หยวนเจิ้งเฟิงข้ามขั้นบรรลุธรรมสู่ระดับศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน

เพื่อยินดีสำทับให้กับหยวนเจิ้งเฟิง ฉู่เหยี่ยนจึงเปลี่ยนคำเรียกจาก ‘หัตถ์เทียมนภา’ เป็น ‘ปราชญ์เทียมนภา’

เยี่ยนจ้าวเกอเห็นแล้ว เผยเห็นรอยยิ้มจางที่มุมปาก

ประเพณีปฏิบัติของเขากว่างเฉิง คำยกย่องเจ้าสำนักในแต่ละรุ่นในอดีต ต่างใช้คำว่า ‘นภา’ เป็นนามกร เริ่มตั้งแต่เฒ่าเบิกฟ้าชิวหยวน จนกระทั่งปัจจุบันนี้

แม้แต่อาจารย์ปู่หลังจากรับช่วงต่อเจ้าสำนักในปีนั้นก็ไม่ยกเว้น คำยกย่องที่เตรียมไว้ในตอนนั้น แท้จริงแล้วคือหัตถ์เทียบเทวะ

เพียงแต่ว่าหยวนเจิ้งเฟิงใคร่ครวญได้ว่าตนยังไม่ได้ข้ามขั้นบรรลุธรรมสู่ขั้นศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นจึงเปลี่ยนเป็น ‘หัตถ์เทียมนภา’ แทน

บัดนี้ ในที่สุดปราชญ์เทียมนภาก็คู่ควรแล้ว

ไม่รอให้เขากว่างเฉิงได้บอกให้ทราบ เจ้าสำนักเขาไร้พรมแดนฉู่เหยี่ยนก็แก้คำเรียกให้เอง เป็นการแสดงความจริงใจที่จะผูกพันธมิตรต่อไปอย่างไม่ต้องสงสัยเช่นกัน

ส่วนภายในเขาไร้พรมแดนเองสุดท้ายแล้ววางแผนอย่างไร นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งแล้ว

ถึงอย่างไรตอนนี้ไม่เพียงแค่สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่เขากว่างเฉิงก็ผงาดขึ้นมาเช่นกัน ชัดแจ้งว่าแกร่งเหนือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่แห่งอื่นทั้งสี่ขั้นหนึ่ง

เยี่ยนจ้าวเกอเบือนหน้ากลับมองไปบิดาของตน เยี่ยนตี๋ “เหตุโกลาหลปีศาจอัคคียังไม่สงบลง เมืองทะเลมรกตและหอคลื่นโหมยังคงยุ่งเหยิงอยู่กับพวกมัน”

“หลังจากอาจารย์ปู่ ท่านเองก็ต้องดำรงตำแหน่งเจ้าสำนักแล้ว คำเรียกยกย่อง เอ่ยเรียกเช่นไรดี? อันที่จริงข้าคิดว่า ยังคงเป็น ‘เยี่ยนไร้เทียมทาน’ ขับดุนท่านที่สุด”

เยี่ยนตี๋กล่าว “แต่ไรข้าไม่ใส่ใจเรื่องเหล่านี้ ตามแต่ท่านอาจารย์ตัดสินใจก็แล้วกัน”

หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอผงกศีรษะ จึงค่อยกล่าวว่า “เรื่องในระยะนี้ ข้าต้องการเริ่มลงมือตระเตรียมบางเรื่อง ถึงเวลาอาจจะต้องขอความช่วยเหลือระดมทรัพยากรจำนวนหนึ่ง อืม นอกจากนภาพิภพ ต้องเจรจากับดินแดนศักดิ์สิทธิ์อื่น”

สายตาเยี่ยนตี๋มองมา เอาจริงเอาจังอย่างยิ่งยวด “เกี่ยวกับลูกสะใภ้ของศิษย์พี่ใหญ่อวี่เจิน กับจวินเอ๋อร์รึ?”

สีหน้าเยี่ยนจ้าวเกอจริงจัง “มีความคิดบางอย่าง แม้จะไม่มีความมั่นใจพอ แต่ข้าจักทุ่มสุดกำลังเป็นแน่”

…………