บทที่ 1270 ค่ายกลวิญญาณหลักและรอง

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1270 ค่ายกลวิญญาณหลักและรอง

แปลโดย iPAT

ร่างจิ๋วกรีดร้องขณะใช้ท่าไม้ตาย “ใหญ่ ใหญ่ ใหญ่ ใหญ่…”

ร่างกายของเขาขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้าร่างกายของมนุษย์จิ๋วก็มีขนาดเท่ากับมนุษย์ปกติ

นอกจากนี้ปีกบนแผ่นหลังของเขายังหายไปทำให้เขาดูเหมือนมนุษย์ธรรมดา

เป็นเพียงเวลานี้ที่ผู้อมตะทั้งหมดสามารถมองเห็นรูปลักษณ์ของผู้อมตะลึกลับได้อย่างชัดเจน

เขาเป็นชายชราที่ไม่มีสิ่งใดน่าประทับใจ ลักษณะพิเศษเพียงอย่างเดียวของเขาคือเส้นผมสีม่วงที่ดูยุ่งเหยิงราวกับขอทาน

“อา…” ไท่เป่ยหยุนเฉิงน้ำตาไหลนอง เขาคุกเข้าลงและกล่าวด้วยด้วยตื่นเต้น “ท่านอาจารย์!”

“โอ้ เป็นเจ้า ข้าจำได้ว่าข้ามอบมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งกาลเวลาให้เจ้า” ผู้อมตะระดับแปดยิ้ม

“แม้แผนการของนิกายจะประสบความสำเร็จ แต่มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันมากมายเกิดขึ้น นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น…” อิงอู๋เซี่ยเร่งข้อมูลให้กับชายชราผมม่วง

หลังจากชั่วครู่ชายชราผมม่วงก็เข้าใจทุกสิ่ง

“น่าเสียดายที่เจตจำนงสวรรค์ได้รับชัยชนะ”

“แต่ยังมีความหวัง”

“อิงอู๋เซี่ย เจ้าทำได้ดีแล้ว นี่เป็นเรื่องยากลำบากสำหรับเจ้าจริงๆ”

“และไท่เป่ยหยุนเฉิง ยืนขึ้น”

“ตอนนี้ในขณะที่ข้ายังมีสติ เราจะร่วมมือกับเซี่ยหูและกำจัดผู้อมตะภาคกลาง!”

สถานการณ์เลวร้าย ชายชราผมม่วงตระหนักว่าผู้อมตะระดับแปดเป็นกุญแจสำคัญในการต่อสู้ครั้งนี้

เขาไม่ลังเลแม้แต่น้อย ร่างกายของเขากลายเป็นแสงสีม่วงบินขึ้นสู่ท้องฟ้าและยืนเคียงข้างปีศาจอมตะเซี่ยหู

“สหาย ชื่อของเจ้าคือ?” ปีศาจอมตะเซี่ยหูไม่แปลกใจ ท่านหญิงหว่านซูลอบแจ้งข่าวเกี่ยวกับนิกายเงาให้เขาทราบแล้ว

ได้รับความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญลึกลับ ปีศาจอมตะเซี่ยหูตื่นเต้นมาก

“ข้ามีหลายชื่อ แต่…” ชายชราผมม่วงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เรียกข้าว่าราชันภูเขาม่วง”

เมื่อถึงจุดนี้ปีศาจอมตะเซี่ยหูและราชันภูเขาม่วงก็ร่วมมือกันจัดการผู้อมตะระดับแปดของภาคกลาง

ราชันภูเขาม่วงแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ แม้เขาจะโจมตีเพียงเล็กน้อย แต่การโจมตีแต่ละครั้งของเขากลับมีประสิทธิภาพสูงมากและสามารถเปลี่ยนสถานการณ์

ผู้อมตะระดับแปดล้วนไม่ธรรมดา การคงอยู่ของราชันภูเขาม่วงช่วยปีศาจอมตะเซี่ยหูได้มาก

เว่ยหลิงหยางและไป่เฉินทียนต่อสู้อย่างสิ้นหวัง พวกเขาพยายามอย่างเต็มที่แต่ยังเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

หลังจากต่อสู้มากกว่าสิบรอบ พวกเขาก็ถูกบังคับให้กลับเข้าไปในค่ายนักรบ

ผู้นำยอดเขาหิมะเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นและเริ่มโห่ร้องด้วยความยินดี

ผลการต่อสู้ครั้งนี้ชัดเจนมาก ใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุนและผู้อมตะอีกสี่คนกลายเป็นซีดเผือด

สถานการณ์เลวร้ายลง ความหวังในการรอดชีวิตของพวกเขาก็ลดน้อยลงเช่นกัน แล้วพวกเขาควรทำอย่างไร?

ด้านนอกแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ มังกรดาบบรรพกาลซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางกลุ่มเมฆ ‘นิกายเงามีความเกี่ยวข้องกับกองกำลังพันธมิตรภูเขาหิมะจริงๆ…’

‘แล้วเหตุใดฉินไป่เฉิงไม่ขอความช่วยเหลือจากกองกำลังพันธมิตรภูเขาหิมะเมื่อเขาต่อสู้กับฟงจิวเก้อในหุบเขาเหล่าโป?’

‘หรือบางทีความสัมพันธ์ของพวกเขาอาจไม่ลึกซึ้งนัก’

ท่าไม้ตายอมตะสัมผัสแห่งโชคบอกฟางหยวนว่ากลุ่มของอิงอู๋เซี่ยอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะและยังไม่ได้จากไป

การไล่ล่าของฟางหยวนถูกขัดขวางแต่เขาไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้และกำลังรอคอยโอกาสอยู่อย่างเงียบๆ

ห่างออกไปประมาณหนึ่งพันลี้ผู้อมตะสองคนบินลงมาจากท้องฟ้า

พวกเขาไม่ใช่ผู้ใดนอกจากผู้อมตะจากถ้ำสวรรค์นิรันดร์

“มันคือที่นี่” ผู้อมตะดำกล่าวและใช้วิญญาณบางดวงสร้างแสงสีรุ้งขึ้น

ผู้อมตะคลื่นสมุทรเร่งถาม “เจ้าต้องการให้ข้าดูแลค่ายกลวิญญาณนี้หรือไม่?”

ผู้อมตะดำส่ายศีรษะ “เข้าไปพร้อมกัน”

หลังจากนั้นทั้งสองก็เข้าไปในค่ายกลวิญญาณ

ผู้อมตะคลื่นสมุทรตกใจ “ค่ายกลวิญญาณของเจ้าช่างทรงพลังนัก แต่…”

เขาลังเลเล็กน้อย

“แต่อันใด?” ผู้อมตะดำรู้สึกสนใจ

ผู้อมตะคลื่นสมุทรกล่าวด้วยน้ำเสียงลึกซึ้ง “แต่ข้ารู้สึกว่ามันยังไม่สมบูรณ์ มันยังขาดบางสิ่ง มันน่าจะเชื่อมต่อกับทะเลสาบ”

ผู้อมตะดำขมวดคิ้วและจะปรบมือยกย่อง “ดังคาด เจ้าเป็นกึ่งปรมาจารณ์เอกบนเส้นทางแห่งวารี เจ้ามีความเข้าใจที่ลึกซึ้ง ถูกต้อง ค่ายกลวิญญาณนี้เป็นเพียงส่วนรอง ยังมีค่ายกลวิญญาณหลักที่เชื่อมต่อกับมัน”

“เช่นนั้นค่ายกลวิญญาณหลักอยู่ที่ใด?” ผู้อมตะคลื่นสมุทรขมวดคิ้ว

แต่ก่อนที่ผู้อมตะดำจะตอบคำถาม ผู้อมตะคลื่นสมุทรกลับเกิดแรงบันดาลใจและตระหนักว่า “ข้าเข้าใจแล้ว ค่ายกลวิญญาณหลักคือค่ายกลวิญญาณชะตากรรมพลิกผันของแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ!”

“ถูกต้อง” ผู้อมตะดำหัวเราะ “ก่อนหน้านี้ข้าได้รับมอบหมายให้แสดงตัวในฐานะซุนหมิงลู่และสร้างค่ายกลวิญญาณชะตากรรมพลิกผันให้กับปีศาจอมตะเซี่ยหูโดยใช้ประโยชน์จากแม่น้ำหวนคืน แม้ปีศาจอมตะเซี่ยหูจะเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดของภาคเหนือแต่เขาก็ไม่สามารถบอกได้ว่าข้าคือผู้ใด”

“ตอนนี้ตราบเท่าที่ข้าเปิดใช้งานค่ายกลวิญญาณนี้ ข้าสามารถทำลายค่ายกลวิญญาณชะตากรรมพลิกผันและดึงแม่น้ำหวนคืนให้มาที่นี่”

“เมื่อค่ายกลวิญญาณพังทลายลง ทุกคนและทุกสิ่งในรัศมีหนึ่งพันลี้รอบแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะจะถูกแม่น้ำหวนคืนดึงดูดมาที่นี่”

ผู้อมตะดำกล่าวด้วยความตื่นเต้น

ผู้อมตะคลื่นสมุทรตะลึง “ในกรณีนี้ผู้อมตะระดับแปดทั้งสี่จะไม่ถูกส่งมาที่นี่ด้วยงั้นหรือ?”

ผู้อมตะดำส่ายศีรษะ “แม่น้ำหวนคืนเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพ มันเต็มไปด้วยพลังงานแห่งเต๋า ตราบเท่าที่คนผู้หนึ่งตกลงไป แม้จะเป็นผู้อมตะระดับแปดก็ไม่สามารถใช้วิญญาณของพวกเขา ในตำนานมนุษย์คนแรก เมื่อเขาเดินทางไปในแม่น้ำหวนคืน เขาไม่ได้ใช้วิญญาณแม้แต่ดวงเดียว”

“เช่นนั้นพวกเขาก็จะกลายเป็นเนื้อที่วางอยู่บนเขียงของเรา?” ผู้อมตะคลื่นสมุทรรู้สึกตื่นเต้น

แต่ผู้อมตะดำกลับส่ายศีรษะอีกครั้ง “พวกเราอยู่ด้านนอกแม่น้ำหวนคืน หากเราโจมตี มันจะสะท้อนการโจมตีเหล่านั้นกลับมาหาพวกเรา นี่คือความหมายของคำว่าหวนคืน”

ผู้อมตะคลื่นสมุทรสับสน “แล้วเราจะช่วยหม่าหงหยุนและจับจ้าวเหลียนหยุนได้อย่างไร?”

“ฮ่าฮ่าฮ่า” ผู้อมตะดำหัวเราะ “เจ้าลืมไปแล้วงั้นหรือว่าแม่น้ำหวนคืนอยู่ภายใต้การควบคุมของค่ายกลวิญญาณรองและค่ายกลวิญญาณหลักของข้า”

“เมื่อค่ายกลวิญญาณหลักพังทลาย แม่น้ำหวนคืนจะไหลมาหาพวกเรา เมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าจะจัดการลำดับการเคลื่อนที่ของทุกคนในแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ จ้าวเหลียนหยุนและหม่าหงหยุนจะอยู่ด้านหน้าสุด”

“ท่านหญิงหว่านซูและคนอื่นๆจะอยู่ด้านหลัง แน่นอนว่าผู้อมตะระดับแปดจะถูกทิ้งไว้หลังสุด”

“ช่างอัศจรรย์นัก!” ผู้อมตะคลื่นสมุทรกล่าวด้วยดวงตาส่องประกาย เขาปรบมือ “ด้วยวิธีนี้ท่านหญิงหว่านซูและคนอื่นๆจะต่อสู้เพื่อก้าวมาข้างหน้าอย่างสิ้นหวัง ขณะที่พวกเราจะรอจับตัวเป้าหมายอยู่ที่นี่”

“อย่างไรก็ตาม…” ผู้อมตะคลื่นสมุทรขมวดคิ้ว “หากจ้าวเหลียนหยุนและหม่าหงหยุนไม่สามารถอดทน พวกเขาจะเป็นเหมือนมนุษย์คนแรกและถูกพัดไปตามแม่น้ำหรือไม่? หากเป็นเช่นนั้นพวกเขาอาจถูกพัดไปอยู่ด้านหลังผู้อมตะคนอื่นๆ สิ่งนี้จะไม่ทำลายแผนการของพวกเรางั้นหรือ?”

ผู้อมตะดำเผยรอยยิ้มขมขื่น “นี่เป็นข้อบกพร่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผนการของข้า แต่การเดินทางในแม่น้ำหวนคืนไม่เกี่ยวกับระดับการบ่มเพาะ หม่าหงหยุนกับจ้าวเหลียนหยุนไม่ได้เสียเปรียบ”

“แต่นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่แน่นอน” ผู้อมตะคลื่นสมุทรยังไม่พอใจกับผลลัพธ์นี้

ผู้อมตะดำยักไหล่ “แล้วเจ้าต้องการสิ่งใดจากผู้อมตะระดับเจ็ดเช่นข้า นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว พวกเรามีเพียงผู้อมตะระดับเจ็ดสองคนขณะที่ฝ่ายตรงข้ามมีผู้อมตะระดับแปดถึงสี่คน!”

ผู้อมตะคลื่นสมุทรพูดไม่ออก เขาต้องพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ นี่คือขีดจำกัดของพวกเขาจริงๆ

ในความเป็นจริงมันน่าประทับใจมากแล้วที่ผู้อมตะดำสามารถทำได้ถึงระดับนี้

“อย่ากังวล เราเป็นเพียงส่วนหนึ่งในแผนการของท่านราชันใต้เท่านั้น เขาย่อมมีแผนการอื่นอยู่อีกแน่นอน เราเพียงต้องทำส่วนของเราให้ดีที่สุด เท่านั้นก็พอแล้ว” ผู้อมตะดำตบไหล่ปลอบใจผู้อมตะคลื่นสมุทร