ตอนที่ 381 ลูกเริ่มดื้อแล้ว

ตอนที่ 381 ลูกเริ่มดื้อแล้ว

 

เย่ฉูฉู่สวมใส่เสื้อผ้าให้เสี่ยวไป๋หยางแล้ว จึงอุ้มออกไปข้างนอก ผลลัพธ์ที่ได้เมื่อเสี่ยวไป๋หยางไม่เห็นรถและไม่เห็นพ่อแล้ว เขาก็ร้องไห้เสียงดังออกมา ทั้งยังทำท่าจะลงไปยืนบนพื้น เย่ฉูฉู่วางเสี่ยวไป๋หยางลง เขาจึงเดินออกไปด้านนอกประตูใหญ่ เดินไปสองสามก้าวก็กระทืบเท้าหนึ่งครั้ง รวมถึงโบกมือไปมาด้วย นี่คงโกรธแล้วสินะ

 

เย่ฉูฉู่ที่ยืนมองอยู่ด้านหลัง ถึงกับกลั้นขำ

“ปาปาปาปา!”

 

เสี่ยวไป๋หยางส่งเสียงเรียกทั้งน้ำตา กระทืบเท้าเดินไปถึงด้านหน้าประตู หันมองซ้ายขวาก็ยังไม่เห็นรถและพ่อของเขา จึงส่งเสียงร้องดังยิ่งขึ้น

 

เย่ฉูฉู่รอให้เสี่ยวไป๋หยางร้องไห้อยู่ครู่หนึ่งจึงก้าวเท้าเข้าไปปลอบใจ “พ่อออกไปส่งของให้ลูกค้า เดี๋ยวก็กลับมาแล้ว เดี๋ยวซื้อของกินมาให้เสี่ยวไป๋หยางด้วยนะ ดีไหมลูก”

“ไม่เอา! ไม่เอา!” เสี่ยวไป๋หยางส่ายหน้าไม่อยากได้

“ไม่เอาพ่อหรือไม่เอาของอร่อยจ๊ะ?”

 

“ไม่เอา! ไม่เอา!”

“เอาล่ะ ๆ ไม่ร้องแล้วนะ ดูสิอากาศหนาวมากเลย พวกเรากลับกันเถอะ กลับไปรอพ่อในบ้านดีไหมจ๊ะ?”

“ไม่เอา! ไม่เอา!”

“งั้นพวกเรามาเล่นหิมะกันดีไหม?” เย่ฉูฉู่มองกองหิมะพลางกล่าว

เสี่ยวไป๋หยางหยุดร้องไห้และหันกลับมาพูด “ไฉไฉ!”

“ถูกต้อง เรียกไฉไฉออกมาเล่นด้วยกันดีไหมจ๊ะ?”

เสี่ยวไป๋หยางครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก็ร้องไห้ออกมาอีกครั้ง “ปาปาปาปาปา!”

เย่ฉูฉู่จูงมือของเขา ดึงมายืนหน้ากองหิมะ “มาจ๊ะ เสี่ยวไป๋หยาง พวกเรามาสร้างตุ๊กตาหิมะกันดีไหมเอ่ย”

“ไม่เอา! ไม่เอา!”

เย่ฉูฉู่ไม่สนใจเขาแล้ว เธอไปหาพลั่วเหล็กมาก่อหิมะให้เป็นกอง ระหว่างที่ก่อก็พูดไปพลางว่า “ปั้นเสี่ยวไป๋หยางขึ้นมาหนึ่งคน แล้วก็ปั้นปาปาของเสี่ยวไป๋หยางด้วย ดีไหมจ๊ะ?”

  

เสี่ยวไป๋หยางยังคงร้องไห้ แต่เสียงเบาลงแล้ว เช็ดน้ำตาพลางดูแม่ที่กำลังก่อกองหิมะกองนั้น จนกระทั่งก่อขึ้นมาเป็นรูปตุ๊กตาหิมะ เขาก็หยุดร้องไห้อย่างสมบูรณ์

  

เย่ฉูฉู่ถอนหายใจลากยาว เด็กคนนี้ปลอบใจยากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว เธอเคลื่อนไหวตัวไม่หยุด จนกระทั่งก่อตุ๊กตาหิมะขึ้นมาทั้งหมดสามตัว จึงพูดกับเสี่ยวไป๋หยางว่า “อันนี้คือพ่อ อันนี้คือแม่ ส่วนอันนี้คือเสี่ยวไป๋หยาง”

  

เสี่ยวไป๋หยางไม่พอใจ “ไฉไฉ!”

เจ้าลิงน้อยกระโดดเข้ามายืนด้านบนหัวของตุ๊กตาหิมะตัวหนึ่งพร้อมกับส่งเสียงร้องเจี๊ยก ๆ ออกมา

 

เสี่ยวไป๋หยางเห็นก็ถึงกับยิ้มทั้งคราบน้ำตา หลังจากนั้นเขาก็ทำท่าอยากจะขึ้นไปนั่งข้างบนกองหิมะบ้าง

 

“ไฉไฉ ลูกจะขึ้นไปนั่งข้างบนทำไม ลงมา!” เย่ฉูฉู่กล่าว

 

เจ้าลิงน้อยส่งเสียงร้องเจี๊ยก ๆ เตะหัวของตุ๊กตาหิมะครึ่งหนึ่งลงไปและตามลงมา

  

เย่ฉูฉู่อุ้มเสี่ยวไป๋หยางขึ้นมา บอกให้เขายืนบนพื้นให้ดี เสี่ยวไป๋หยางสวมเพียงกางเกงหลวม ๆ มีแค่แจ็คเก็ตบุนวมที่คลุมไว้ เย่ฉูฉู่จึงกลัวว่าลูกจะหนาวถ้านั่งบนกองหิมะ

 

เสี่ยวไป๋หยางยืนอยู่บนพื้น ยังพยายามที่จะกระโดด ตุ๊กตาหิมะถล่มลงมาครึ่งหนึ่งแล้ว แต่เสี่ยวไป๋หยางกลับมีความสุขมาก เด็กชอบทำลายข้าวของจริง ๆ สินะ

 

เจ้าลูกลิงเห็นเสี่ยวไป๋หยางเล่นอย่างีความสุข มันจึงขึ้นไปกระโดดดึ๋ง ๆ ด้านบนตุ๊กตาหิมะด้วย เพียงไม่นาน ตุ๊กตาหิมะที่เย่ฉูฉู่ก่อขึ้นมาอย่างยากลำบากก็ถล่มลงมาทั้งหมด

 

“เอาล่ะ เล่นกันพอสมควรแล้ว พวกเรากลับกันเถอะ อากาศหนาวเกินไปแล้ว” เย่ฉูฉู่อุ้มเสี่ยวไป๋หยางกลับเข้าบ้าน

 

เสี่ยวไป๋หยางชี้ไปที่เจ้าลิงน้อย “ไฉไฉ!”

“ไฉไฉกลับบ้าน!” เย่ฉูฉู่หันกลับไปเรียกเจ้าลิงน้อย

  

เจ้าลิงน้อยเตะหิมะด้วยเท้าของมัน ก่อนจะเดินตามกลับเข้ามา

เมื่อครู่เสี่ยวไป๋หยางเพิ่งจะร้องไห้อย่างปวดใจ ตอนนี้กลับยิ้มแย้มอย่างมีความสุข

  

เย่ฉูฉู่รู้สึกขบขันมาก ถึงอย่างไรก็คือเด็ก แค่แป๊บเดียวก็ลืมไปหมดแล้ว

  

คุณแม่จ้าวได้นำวิธีแก้ปัญหาของจ้าวเหวินเทามาบอกพี่สะใภ้สี่จ้าวในวันเดียวกัน

  

“ถ้าเธอไม่มีปัญหาก็ย้ายมาที่นี่ แต่ถ้าไม่อยากย้ายก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว” คุณแม่จ้าวกล่าว “เธอคิดดูให้ดีแล้วกัน ภายในระยะเวลาสั้น ๆ นี้เจ้าสี่คงไม่ได้กลับมาที่บ้าน”

พี่สะใภ้สี่จ้าวตอบกลับมาทันทีโดยไม่หยุดคิด “ฉันจะกลับไปเก็บของตอนนี้เลยค่ะ ตอนค่ำจะขอช่วยน้องหกให้ขนของมาที่นี่”

 

ตอนนี้หิมะยังตกไม่หนัก แต่ก็มีหิมะตกลงมาหลายแห่งแล้ว หากกองทับถมกัน ก็จะเดินบนถนนลำบากมาก วิ่งไปกลับด้วยระยะทางยี่สิบกว่าลี้ไม่ไหวจริง ๆ

 

คุณแม่จ้าวตอบ “ได้ รีบย้ายมาที่นี่ให้เร็วหน่อยก็ดี จะได้ไม่ต้องทรมานกับการเดินทางไปกลับด้วย” หลังจากกล่าวจบก็โทรศัพท์ไปหาจ้าวเหวินเทา

 

จ้าวเหวินเทายังไม่กลับมา หลังจากเย่ฉูฉู่รับสายและได้ฟังก็แอบยิ้มออกมา รอสามีเธอกลับมาต้องไม่พอใจแน่นอน และเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ตอนที่จ้าวเหวินเทากลับมาและได้ยินว่าพี่สะใภ้สี่จ้าวจะย้ายของในวันนี้เลย ก็พูดด้วยความไม่พอใจไปหลายประโยค

“รอตอนค่ำก่อนนะ ผมจะคุยกับพี่สี่ให้รู้เรื่องเลย!” จ้าวเหวินเทาพูดจบก็ไปช่วยพี่สะใภ้สี่จ้าวย้ายบ้าน

 

ในบ้านของพี่สะใภ้สี่จ้าวไม่ได้มีของมากมายอะไร นอกจากสัตว์เลี้ยงแล้ว กระบะด้านหลังรถก็ยังไม่เต็มด้วยซ้ำ อันที่จริงในเวลานี้แต่ละบ้านก็เป็นแบบนี้กันหมด ไม่ได้เหมือนกับสิบปีหลังจากนี้ที่มีของชิ้นใหญ่ชิ้นเล็กเยอะแยะเต็มไปหมด

 

แต่มีฟืนจำนวนไม่น้อย ทั้งยังมีฟางข้าวอีก จึงบรรทุกมากถึงสองกระบะครึ่ง

 

พี่รองจ้าวและพี่สามจ้าว รวมถึงเพื่อนบ้านเข้ามาช่วยกันคนละไม้คนละมือ ย้ายของกันจนสี่ทุ่มกว่าถึงจะย้ายกันเสร็จ

 

พี่สะใภ้สี่จ้าวนำของที่มีราคาแพง อย่างเช่นหลอดไฟทรงกลมอะไรพวกนั้นมาห่อไว้และวางไว้ในกล่อง แต่ก็ยังแอบรู้สึกไม่สบายใจ “นายว่าจะมีคนมาขโมยสายไฟกับกล่องมิเตอร์ไฟฟ้าไหม?”

 

จ้าวเหวินเทาตอบ “พรุ่งนี้ค่อยให้ช่างไฟมาถอดกล่องมิเตอร์ไฟฟ้ากับสายไฟออก”

 

พี่สะใภ้สี่จ้าว “ฉันก็ว่าแล้วเชียว ของแบบนั้นต้องมีคนมาขโมยแน่นอน”

 

ของแบบนั้นมีคนขโมยจริง ๆ ตอนนี้ทุกคนต่างก็ยากจนมาก สายไฟและกล่องมิเตอร์ไฟฟ้าสามารถนำไปขายเป็นเงินได้ แต่ก็ผิดกฎหมายเช่นเดียวกัน

  

“ต่อให้ผิดกฎหมาย แต่ถ้าจับตัวคนขโมยไม่ได้พวกเราก็ต้องเป็นคนจ่ายเงินอยู่ดี” พี่สามจ้าวกล่าว “รีบถอดออกไปเร็ว ๆ นี่แหละสบายใจกว่าเยอะ”

  

คุณแม่จ้าวทำบะหมี่เป็นอาหารมื้อดึกให้ทุกคน โดยเป็นบะหมี่ที่ทำมาจากแป้งขาวและแป้งบักวีทผสมกัน

 

แม้จะปลูกข้าวสาลีได้แล้ว แต่คนแก่คนเฒ่าก็ยังมีความคุ้นชินกับความประหยัด จึงทำใจไม่ได้ที่จะกินแป้งขาวล้วน ๆ จึงต้องผสมแป้งบักวีทลงไปส่วนหนึ่ง ต่อให้เป็นข้าวสวยก็ต้องแอบผสมข้าวฟ่างลงไปนิดหน่อย จึงเรียกว่าข้าวสองอย่าง

  

คุณแม่จ้าวทำเป็นบะหมี่น้ำร้อน ๆ โปะด้วยไข่ไก่คนละฟอง ผักเครื่องเคียงเป็นผักดองเค็ม รวมถึงอุ่นเหล้าร้อน ๆ ให้ทุกคนมากินเพื่อขับความหนาว

หลังจากกินข้าวเสร็จ จ้าวเหวินเทาก็ขับรถพาพี่รองจ้าว พี่สามจ้าวและคนอื่น ๆ ในหมู่บ้านที่มาช่วยเหลือไปส่งที่บ้าน

 

ระหว่างทางพี่สามจ้าวก็พูดขึ้นว่า “น้องสะใภ้สี่ย้ายไปที่ฟาร์มกระต่าย แม่ก็ไม่ต้องเทียวไปเทียวมาแล้ว อีกไม่กี่วันหิมะก็ตกหนักแล้วด้วย ถ้าลื่นล้มระหว่างทางจนแขนขาหักขึ้นมาจะทำยังไง”

 

“ก็นั่นน่ะสิ” พี่รองจ้าวพูด “ตอนนี้หิมะส่วนน้อยที่ตกลงมายังไม่ละลายเลย”

  

จ้าวเหวินเทาคำนึงถึงเรื่องนี้ก็รู้สึกดีที่มาช่วยพี่สะใภ้สี่จ้าวย้ายของ คิดไม่ถึงเลยว่าจะย้ายของได้เหมาะกับเวลามาก เพราะในคืนนั้นมีหิมะตกหนัก ตอนเช้าหิมะก็ทับถมกันจนหนาถึงสองฟุตกว่า ๆ แล้ว

“แม่มองการณ์ไกลดีจริง ๆ” จ้าวเหวินเทาตื่นขึ้นมาเห็นกองหิมะขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านนอกหน้าต่างก็ถอนหายใจออกมา

 

เย่ฉูฉู่มองดูเวลา ตอนนี้หกโมงกว่า ๆ แล้ว เธอจึงเรียกเสี่ยวไป๋หยางขึ้นมาฉี่ หลังจากกลับมาก็มุดเข้ามาอยู่ใต้ผ้าห่ม กล่าวว่า “หิมะตกหนักขนาดนี้ คุณก็อย่าขับรถออกไปเลย นอนต่อสักหน่อยเถอะ”

ฤดูร้อนฝนตก ฤดูหนาวหิมะตก ถือเป็นวันพักผ่อนของคนในชนบท ทั้งยังเป็นวันพักผ่อนที่ใช้ได้ดีเป็นพิเศษ!

จ้าวเหวินเทาได้ยินคำพูดของภรรยา จึงกลับเข้ามาอยู่ใต้ผ้าห่มอีกครั้ง “สบายจริง ๆ เลย ได้นอนขี้เกียจแล้ว”

  

หลังจากพูดจบก็พบว่าภรรยาของตนเองหลับไปแล้ว หันไปมองลูกชายก็หลับไปแล้วเช่นกัน จ้าวเหวินเทาถึงกับหลุดยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ จากนั้นจึงหลับตาเพื่อนอนต่อ

ทำค้าขายเหมือนกัน แต่พี่สามจ้าวกลับมีสภาพจิตใจที่แตกต่างจากจ้าวเหวินเทาโดยสิ้นเชิง เขาเห็นหิมะตกหนักขนาดนี้ก็พูดด้วยความลนลานหวั่นวิตก “โรงเต้าหู้ของฉันเพิ่งจะเปิด หิมะก็ตกหนักขนาดนี้แล้ว นี่มันจงใจกลั่นแกล้งฉันชัด ๆ!”

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

สถานการณ์เดียวกัน แต่มองด้วยมุมมองต่างกัน ก็มีชีวิตต่างกันได้นะ คนที่มองว่าเป็นโอกาสก็จะเห็นว่าเป็นเรื่องดี คนที่มองว่าเป็นปัญหาก็จะเห็นว่าเป็นเรื่องไม่ดี

ไหหม่า(海馬)