ตอนที่ 1539 พิษร้ายในสำนัก (2)

Genius Doctor Black Belly Miss

ตอนที่ 1539  พิษร้ายในสำนัก (2)

สำนักธาราเมฆแบ่งออกเป็น 4 สาขา  นั่นคือ พลังวิญญาณ, ภูติประจำตัว, ผู้รักษา, และพรสวรรค์แต่กำเนิด  เหมือนกับการแบ่งประเภทในงานชุมนุมเทพยุทธ์  นอกจากเนื้อหาที่ออกแบบมาสำหรับแต่ละสาขาแล้ว  ยังมีเนื้อหารวมพื้นฐานที่ให้ศิษย์ทุกคนเรียนร่วมกัน

ทุกสาขามีเครื่องแบบเดียวกัน  มีเพียงป้ายชื่อตรงหน้าอกเท่านั้นที่แตกต่าง

จวินอู๋เสียถูกจัดให้อยู่ในสาขาพรสวรรค์แต่กำเนิด  และในสำนักธาราเมฆ  สาขาพรสวรรค์แต่กำเนิดมีจำนวนคนน้อยที่สุด  แต่มีศิษย์หลากหลายประเภทมากที่สุด  ในสาขานี้ยังแบ่งออกเป็นหลายเผ่า  โดยมีชั้นเรียนที่สอนตามเผ่าของพวกเขาด้วย

และเมื่อมาถึงจวินอู๋เสีย……

เรื่องมันก็น่าอึดอัดเล็กน้อย

“นายท่าน  เราจะทำยังไงกับจวินอู๋ดีขอรับ?  จะเอาเขาไปไว้ที่ไหน?”  เทียนเจ๋อยืนอยู่ในห้องหนังสือของชายชราตัวเล็ก  ใบหน้าของเขาดูเศร้าสลดเป็นอย่างมาก

ผู้เยาว์คนอื่นๆถูกแยกออกไปยังสถานที่ของตน  ทุกคนต่างมีที่เรียนของตัวเอง  มีเพียงจวินอู๋เสียที่ถูกทิ้งไว้เป็นกรณีพิเศษ  สถานการณ์ของนางยังไม่ได้รับการแก้ไข

จวินอู๋เสียมาจาก “เผ่าจ้าววิญญาณ”  เป็นคนเพียงคนเดียวจากเผ่าจ้าววิญญาณในอาณาจักรกลางนี้  ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นที่มาจากเผ่าเดียวกันเลย  สำนักธาราเมฆยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลักษณะเฉพาะของเผ่าจ้าววิญญาณคืออะไร  พวกเขาจะต้องฝึกฝนด้านไหน  และใครจะสามารถสอนนางได้

ในตอนที่ผู้เยาว์คนอื่นๆต่างตะเกียกตะกายหาที่ฝึกของตัวเอง  จวินอู๋เสียยังนั่งอยู่ในหอพักโดยที่ไม่มีการจัดการอะไรให้นางเลย

ชายชราตัวเล็กนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน  เขาลูบคางพลางมองเทียนเจ๋อที่ทำหน้าจ๋อย  แล้วก็กลอกตา

“ช่วงนี้มีปฏิกิริยาอะไรจากจวินอู๋บ้างรึเปล่า?”

เทียนเจ๋อส่ายหน้า

ชายชราตัวเล็กพูดว่า  “เด็กพวกนั้นรวมกลุ่มกันเองแล้ว  แต่จวินอู๋ไม่ได้มาจากสิบสองวิหาร  แล้วก็ไม่ได้มาจากเผ่าปกติทั่วไป  โดนกีดกันทุกวันก็ยังไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยงั้นหรือ?”

ผู้เยาว์คนอื่นต่างรวมกลุ่มกับคนที่มาจากวิหารเดียวกัน  หรือไม่ก็รวมกลุ่มกับคนที่มาจากเผ่าเดียวกัน

แต่จวินอู๋เสียคือความลี้ลับพิศวง  ไม่ว่าจะมองยังไงก็ตาม

วิหารหยกวิญญาณ?

ก็มีแค่นาง!

เผ่าจ้าววิญญาณ?

ก็มีแค่นางคนเดียวอีก!

นางไม่สามารถหาจุดร่วมในการเข้ากลุ่มไหนได้เลย

เทียนเจ๋อส่ายหัว  นั่นเป็นเรื่องที่เขาอยากชมจวินอู๋มาก  “จวินอู๋ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยขอรับ  ส่วนใหญ่เขาไม่ได้ก้าวออกจากห้องตัวเองด้วยซ้ำ  เหมือนเขาขังตัวเองอยู่ในห้องเพื่อฝึกฝนพลังของตัวเอง  ไม่มีอะไรที่จะบ่นเกี่ยวกับเขาได้เลยจริงๆ  กู่ซินเยียนจากวิหารมารโลหิตมักจะไปหาเขาบ่อยๆ  แต่ดูเหมือนเจ้าหนูนั่นไม่คิดจะสานสัมพันธ์กับกู่ซินเยียน  ทุกครั้งก็ทำแบบขอไปที”

จวินอู๋ยังเด็ก  และเด็กวัยนี้จะได้รับอิทธิพลจากสภาพแวดล้อมได้ง่ายที่สุด  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาถูกแบนออกจากกลุ่มใหญ่แบบนั้น  ถ้าเป็นเด็กทั่วๆไป  พวกเขาอาจจะคับแค้นใจได้  แต่ดูเหมือนจวินอู๋ไม่ได้สังเกตเห็นอะไรเลย  บางครั้งเทียนเจ๋อก็เฝ้าสังเกตอยู่ในเงามืด  และรู้สึกว่าจวินอู๋สงบเกินไปแล้ว  การต้องอยู่คนเดียวและถูกแบนมาตลอด 2 เดือนเต็มๆ  ขณะที่ผู้เยาว์คนอื่นๆรวมกลุ่มกันหมด  เด็กคนนี้ไม่รู้สึกแปลกแยกเลยหรือไง?

ใบหน้าของชายชราตัวเล็กแสดงรอยยิ้มชื่นชมขณะที่พูดว่า  “เด็กคนนี้นิสัยดีใช้ได้  ดูไม่น่าใช่สิ่งที่เด็กวัยนี้จะเป็นได้เลย  ข้าว่าทำแบบนี้ดีกว่า  สำนักเราไม่เคยมีคนจากเผ่าจ้าววิญญาณมาก่อน  นี่เป็นคนแรก  เราไม่รู้ว่าจะได้เจอคนจากเผ่าจ้าววิญญาณอีกไหม  งั้นช่วงเวลานี้เราก็ใช้เจ้าหนูนี่เพื่อทำความคุ้นเคยกับเผ่าจ้าววิญญาณก็แล้วกัน  เจ้าไปบอกเจ้าหนูให้ไปที่หอจันทร์แรมที่ปีกตะวันออกวันนี้”

เทียนเจ๋อมีสีหน้าตกตะลึงทันที  เขามองชายชราตัวเล็กอย่างไม่อยากจะเชื่อ……

“หอจันทร์แรม??!”