บทที่ 396 ความชั่วร้ายที่อยู่ภายใน

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 396 ความชั่วร้ายที่อยู่ภายใน
สายตาของหนานกงเย่เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย เขาปรับตัวได้อย่างรวดเร็วและยอมรับการแต่งตัวของคนเหล่านั้น

ฉีเฟยอวิ๋นเจอแผนกจิตเวชและเข้าไปพบแพทย์ที่นั่นโดยตรง

คุณหมอมีสีหน้าลำบากใจเมื่อเห็นหนานกงเย่ถามคำถามเหล่านี้

“คุณชื่ออะไร อายุเท่าไรครับ?”

“หนานกงเย่ อายุสิบเก้าปี”

คุณหมอรู้สึกอึ้ง นี่เหมือนกับอายุสิบเก้าเหรอ?

แววตาของเขาคมกว่าคนอายุสามสิบปี

“เขาเป็นสามีของดิฉันค่ะ เขาเริ่มนอนไม่หลับตั้งแต่เดือนที่แล้ว ญาติที่เป็นลุงเจ็ดของเขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทั้งครอบครัว จากนั้นเขาก็เริ่มสติเลอะเลือน ฉันตรวจสอบดูแล้ว เขาเป็นโรคซึมเศร้า แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงมีอาการแบบนี้ คุณช่วยดูให้ฉันหน่อยนะคะ มียาพิเศษสำหรับการรักษาโรคซึมเศร้าไหมคะ?” ครั้งนี้ฉีเฟยอวิ๋นไม่คิดที่จะไปห้องทดลองแล้ว เพราะห้องทดลองก็ไม่มียาพิเศษสำหรับการรักษาอาการโรคซึมเศร้าได้ จึงได้มาหายาที่โรงพยาบาล

คุณหมอกล่าวว่า “ผมจะออกยารักษาอาการโรคซึมเศร้าให้นะครับ แต่หวังว่าพวกคุณจะรับการรักษาอาการทางจิต ถึงแม้ว่าโรคนี้จะไม่ใช่โรคร้ายแรงระยะสุดท้าย แต่ก็สามารถทำให้คนตายได้นะครับ”

“ขอบคุณค่ะ!”

ฉีเฟยอวิ๋นราวกับฝันไป เธอหยิบใบสั่งยาและเดินไปซื้อยา

เมื่อเดินมาถึงข้างล่างตึกเธอก็ดูชื่อยา จากนั้นก็โยนไปในถังขยะใกล้ๆ

หนานกงเย่ไม่เข้าใจ “ทำไมต้องโยนทิ้งด้วยหรือ?”

“ต่างก็เป็นยาธรรมดาที่ไร้ประโยชน์ทั้งนั้น ผลข้างเคียงก็เยอะ ต้องใช้แบบที่สั่งจากต่างประเทศเข้ามาถึงจะได้ แต่สถานที่ธรรมดามีกจะไม่มี ต่อให้มี พวกเราก็ใช้ไม่ได้ เพราะว่าไม่มีเงิน”

“ข้ามีเงิน” หนานกงเย่หยิบถุงตำลึงในกระเป๋าออกมา ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกยอมและหยิบมาวางลง

“ที่นี่เงินตำลึงไม่มีค่า ครั้งหน้าต้องนำทองคำติดมา”

หนานกงเย่หยิบถุงออกมาอีกครั้งและหยิบทองคำออกมาจำนวนหนึ่ง “ข้าก็มีทอง”

ใบหน้าของฉีเฟยอวิ๋นเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน!

เมื่อมีทองคำแต่ฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่กล้านำไปจับจ่ายใช้สอยเอาง่ายๆ เธอดึงหนานกงเย่แล้วหาที่แอบ

หนานกงเย่มีสีหน้าภาคภูมิใจ

หนานกงเย่ “ข้าไม่อายใคร?”

“ไม่ใช่ว่าอายหรือไม่อายใคร แต่ท่านไม่มีบัตรประชาชน หากถูกตรวจสอบขึ้นมาท่านจะต้องถูกเข้าไปอยู่กับลูกหนู” ฉีเฟยอวิ๋นตั้งใจหลอกให้หนานกงเย่ตกใจ หนานกงเย่รู้สึกแปลกใจ ลูกหนูคือสถานที่แบบไหนกัน? หนู?

ฉีเฟยอวิ๋นดึงหนานกงเย่และนั่งลงจากนั้นจึงอธิบายอย่างละเอียด

หนานกงเย่รู้สึกไม่มีความสุขอย่างยิ่งที่รู้ว่าผู้คนที่นี่ป่าเถื่อนมาก “ข้าเป็นคนที่พวกเขาสามารถแตะต้องได้อย่างนนั้นหรือ?”

“ท่านอ๋องยังจำที่หม่อมฉันเคยพูดไว้หรือไม่เพคะว่าคนที่นี่ไม่คุกเข่ากัน?”

หนานกงเย่พยักหน้า “จำได้”

“เช่นนั้นก็ดี ท่านย้อนนึกดูให้ละเอียดว่ามีความเข้าใจเกี่ยวกับคนรุ่นหลังมากน้อยเพียงใด?”

หนานกงเย่คิดอยู่ครู่หนึ่ง “เข้าใจเพียงเล็กน้อย”

“อืม นับว่ามีความซื่อตรง” ฉีเฟยอวิ๋นกลับรู้สึกว่าหนานกงเย่มีความตระหนักในตัวเองมากเกินไปและค่อนข้างเป็นคนอ่อนน้อม

“ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันจะบอกท่านว่า พวกเราต้องรีบหาตัวยาให้ได้ และรีบกลับไป ไม่เช่นนั้นหากท่านเป็นอะไรไป ข้ากลับไปจะมีประโยชน์อะไร”

ฉีเฟยอวิ๋นพูดเกลี้ยกล่อมไม่หยุด แต่กลับใช้ได้ผลกับหนานกงเย่ ราวกับเป็นเด็กน้อยและรีบพยักหน้า “อวิ๋นอวิ๋นพูดถูก”

ฉีเฟยอวิ๋นใช้เวลาถึงสามชั่วโมงเพื่ออธิบายชีวิตความเป็นอยู่และสภาพแวดล้อมและกฎทางสังคมของคนยุคปัจจุบันให้หนานกงเย่ฟัง

และซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้กับหนานกงเย่ใส่

ครั้งแรกที่สวมใส่รูปทรงหัวกระสุน หนานกงเย่รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ฉีเฟยอวิ๋นกลับรู้สึกว่าหล่อมาก

หลังจากที่สวมใส่เสื้อผ้าเสร็จแล้ว หนานกงเย่ออกมายืนอยู่หน้ากระจกอยู่ครู่หนึ่งและชี้ไปที่กระจก “ข้าต้องการกระจก ตอนไปอย่าลืมเอากลับไปด้วย”

“ท่านอ๋อง หากข้าสามารถนำท่านกลับไปได้ หม่อมฉันจะบูชาพระพุทธเจ้าเลยเพคะ” ตอนนี้ฉีเฟยอวิ๋นกำลังกังวลว่าจะพาหนานกงเย่กลับไปได้หรือไม่

“ข้าจะนำกลับไป” หนานกงเย่ชอบกระจกที่อยู่ตรงหน้ามาก

ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้สนใจเขา “หากท่านอ๋องชอบ กลับไปหม่อมฉันจะทำให้ท่านอ๋องเพคะ”

“จริงหรือ?”

“จริงสิเพคะ” ฉีเฟยอวิ๋นเอามือมาแนบหน้าอกเพื่อเป็นการสัญญา หลังจากนั้นหนานกงเย่จึงไม่พูดเซ้าซี้เรื่องกระจกอีก

ทั้งสองคนเดินออกมาและหาที่หลบซ่อน ฉีเฟยอวิ๋นพาเขาไปที่สถาบันวิจัย

ทั้งสองคนนั่งรถไป หนานกงเย่ไม่อยากลงจากรถ ทั้งสองคนไปรับประทานอาหารในร้านอาหาร หนานกงเย่ก็ไม่อยากออกมาจากร้าน และรู้สึกหลงใหลในรสชาติของสเต๊ก

และให้ฉีเฟยอวิ๋นรัปากว่ากลับไปจะทำให้เขาทาน

ฉีเฟยอวิ๋นรับปากอย่างจำยอม จากนั้นจึงออกไป

เดิมทีวันเดียวก็สามารถเดินทางถึงจุดหมายได้ แต่กลับต้องใช้เวลาถึงสองวันหนึ่งคืน

ระหว่างทางที่พักในโรงแรม หนานกงเย่ถูกเศรษฐีสาวจับจ้องเข้าให้ และเดินเข้ามาเพื่อต้องการร่วมรับประทานอาหารกับเขาสองต่อสอง

หนานกงเย่มีสีหน้าหงุดหงิดราวกับเปาบุ้นจิ้น

เมื่อเดินทางมาถึงสถาบันวิจัย ฉีเฟยอวิ๋นคิดว่าข้างในไม่น่าจะมีคน เพราะทุกคนต่างพากันออกไปทำวิจัยกันหมด

หลังจากเปิดประตู ฉีเฟยอวิ๋นก็ถอนหายใจและเดินเข้าไปหาของเตรียมการ วัตถุดิบยาเคมีสำหรับผลิตยา บางอย่างก็มีประโยชน์สำหรับนำกลับไป ครั้งนี้มากันสองคน สิ่งที่นำกลับไปต้องเยอะมากแน่ๆ หนึ่งงคนถือหนึ่งกล่องยา มีเท่าไหร่หยิบเท่านั้น

เมื่อฉีเฟยอวิ๋นหยิบเสร็จก็จูงมือของหนานกงเย่ออกไป เมื่อออกมาก็เห็นซูมู่หรงที่สวมใส่เสื้อผ้าชุดลายพราง

ฉีเฟยอวิ๋นดึงหนานกงเย่มาเพื่อหลบ หนานกงเย่ดูเหมือนจะรู้อะไรจึงไม่ยอม

ซูมู่หรงก็รู้สึกเหมือนมีใครเข้ามา จู่ๆ เสียงก้าวเท้าตรงหน้าก็หยุดลง

เมื่อทั้งสองจ้องมองซึ่งกันและกัน ซูมู่หรงเห็นหนานกงเย่ที่ใส่หมวก เขายังคงมีผมอยู่บนไหล่ และใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย

“คุณคือใคร?”

หนานกงเย่มองไปที่ฉีเฟยอวิ๋น “เขาคือใคร?”

“หัวหน้า”

ฉีเฟยอวิ๋นเดินออกมาจากอีกฝั่ง ซูมู่หรงรีบก้าวเข้าไป “อวิ๋นอวิ๋น”

“หัวหน้า……” ฉีเฟยอวิ๋นตะโกนเสียงดัง ความเร็วของหนานกงเย่นั้นเร็วจนน่าประหลาดใจ

เขารีบไปข้างๆ เธอและยื่นมือออกไปคว้า ซูมู่หรงรีบหลบ ทั้งสองจึงต่อสู้กัน

หมัดและเท้าของซูมู่หรงนั้นหนักและแรงมาก หนานกงเย่ทำได้เพียงหลบเพื่อป้องกันตัว ไม่นานซูมู่หรงก็หยิบปืนขึ้นมาและเล็งไปที่หนานกงเย่เพื่อจะลั่นไกลออกไป และฉีเฟยอวิ๋นก็นำมีดออกมาเล่มหนึ่งและรีบโยนออกไป เมื่อทิ่มลึกเข้าไปในมือของซูมู่หรง มือของเขาจึงคลายปืนลง

เมื่อหยุดลงซูมู่หรงหันไปมองฉีเฟยอวิ๋นอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า “เขาเป็นสามีของฉัน หนานกงเย่”

ซูมู่หรงพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “แล้วผมล่ะ? คุณจะไม่สนใจผมเหรอ?”

“หัวหน้า คุณเป็นเพียงแค่หัวหน้าของฉัน”

“ข้าจะฆ่าเจ้า เจ้าจะไม่เหลืออะไรทั้งนั้น”

หนานกงเย่ก้มตัวลงหยิบปืนที่อยู่บนพื้น และเหนี่ยวไกไปทางซูมู่หรง

ซูมู่หรงถาม “คุณใช้ปืนเป็นเหรอ?”

“ไม่มีสิ่งไหนที่ข้าทำไม่ได้”

ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกตกใจจนเกือบขาดสติไป เป็นคนต้องรู้จักอ่อนน้อม!

ซูมู่หรงเดินเข้าไปข้างหน้า “งั้นคุณยิงเลย เมื่อคุณยิง ผมก็จะชนะ อวิ๋นอวิ๋นจะไม่ยอมยกโทษให้คุณตลอดชีวิต และคุณก็จะไม่ได้อยู่กับอวิ๋นอวิ๋นตลอดไป”

“เจ้าคิดว่าข้ากลัวเจ้าหรือ?”

ต่างคนต่างไม่ยอมซึ่งกันและกัน

ฉีเฟยอวิ๋นไม่รู้สึกลำบากใจและร่วมต่อสู้ด้วยทันที “หัวหน้า หากท่านอ๋องฆ่าคุณ ฉันอาจจะโมโหประเดี๋ยวหนึ่ง แต่สุดท้ายฉันก็จะยกโทษให้กับท่านอ๋องและจะรักเขาไปตลอดชีวิต”

“คุณพูดอะไรนะ?” ใบหน้าอ่อนเยาว์ของซูมู่หรงดูคล้ำลง เขาอยากจะบีบคอฉีเฟยอวิ๋นให้ตาย

ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้ปกปิดความรู้สึกของเธอที่มีต่อหนานกงเย่ เธอกอดแขนของหนานกงเย่แน่นและมองไปที่ซูมู่หรง “หัวหน้า ฉันเคยพูดกับคุณก่อนหน้านี้แล้วว่าฉันแต่งงานมีลูกแล้ว ฉันและสามีของฉันเรารักกันมาก แต่คุณไม่เชื่อเอง ครั้งนี้ก็ตั้งใจพาเขามาด้วยเพื่อให้คุณเห็น ขอบคุณที่ก่อนหน้านี้เคยสั่งสอนฉันนะคะ”

“พูดจาเหลวไหล เขาไม่เหมาะสมกับคุณเลยด้วยซ้ำ”

“แต่ฉันชอบของฉันก็พอ”

“ตอนนี้ผมจะทิ้งระเบิดปืนใหญ่ใส่เขา”

“งั้นทางที่ดีให้พวกเราตายพร้อมกันไปเลย”

“คุณ……” ซูมู่หรงเกือบจะโมโหจนขาดสติ หนานกงเย่มองดูผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่อยู่ข้างๆ เขา แต่ภายในใจกลับไม่ได้รู้สึกดีขึ้นมาเลย

ผู้หญิงคนนี้เป็นแบบนี้ ทำให้เขาไม่มีโอกาสฆ่าหัวหน้าของเธอ

แต่หากยังหลงเหลืออยู่ก็จะเป็นความชั่วร้ายที่อยู่ภายใน!

บทที่ 395 ระบบได้อัพเกรด

บทที่ 397 เป็นผู้ชายที่ต้องถูกนังจิ้งจอกบ้าผู้ชายลักพาตัวไป