ตอนที่ 2010 ก่อนที่สงครามจะเริ่มต้น (4) / ตอนที่ 2011 ก่อนที่สงครามจะเริ่มต้น (5)

ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ

ตอนที่ 2010 ก่อนที่สงครามจะเริ่มต้น (4)

“ตราบใดที่พวกเจ้าเหล่าผู้ฝึกฌานขั้นเซียนอาวุโสทุกคนถ่ายทอดพลังของพวกเจ้ามาให้ข้า ข้าก็จะดูดซับพลังของพวกเจ้าด้วยวิธีที่บันทึกอยู่คัมภีร์ลับ แล้วไม่นานข้าก็จะกลายเป็นผู้ฝึกฌานขั้นเซียนจักรพรรดิ เมื่อถึงตอนนั้นก็ไม่มีใครในแคว้นเฟิงอวิ๋นที่จะต่อกรกับข้าได้!” หลั่งซินเยว่พูดเสียงดังอย่างจริงจังมาก

ความจริงแล้ว วิชานี้ก็ยังมีผลสะท้อนกลับอย่างรุนแรง

ถึงแม้ว่านางจะสามารถเป็นผู้ฝึกฌานขั้นเซียนจักรพรรดิได้ด้วยความช่วยเหลือของคนพวกนี้แต่ทุกคืนที่พระจันทร์เต็มดวง นางก็ต้องอดทนกับความเจ็บปวดเกินทน นี่จึงเป็นเหตุผลที่ท่านประมุขไม่ใช่วิชานี้แม้ว่าเขาจะรู้วิธีมานานแล้ว แต่ตอนนี้เพื่อที่จะแก้แค้น นางก็ไม่สนใจเรื่องอะไรมากนัก ตราบใดที่อวิ๋นเยว่ชิงตายได้ นางก็ยินดีเสียสละทุกอย่าง!

ฝูงชนเงียบไปอีกครั้ง

ถึงอย่างไรธรรมชาติของมนุษย์ก็เป็นคนเห็นแก่ตัว พวกเขาจะยินดียกพลังของพวกเขาแค่เพื่อช่วยให้หลั่งซินเยว่ผ่านด่านได้อย่างไร

“ข้ารู้ว่าพวกเจ้ากำลังคิดอะไรแต่ลองคิดดู อาจารย์ของข้าดีกับพวกเจ้าขนาดไหนและประมุขคนปัจจุบันหรือก็คือศิษย์พี่ของข้าก็ยังปฏิบัติกับพวกเจ้าดีมากเหมือนกัน พวกเจ้าไม่อยากแก้แค้นให้เขาหรือ พวกเจ้าสบายใจได้ ถ้าพวกเจ้ายกพลังให้ข้าและเพื่อสำนักอิสระ ข้าจะตอบแทนพวกเจ้าอย่างเท่าเทียมแน่นอน! …

…ในอนาคตสำนักอิสระก็จะเป็นคนแรกที่ปกป้องพวกเจ้าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าศัตรูของพวกเจ้าจะเป็นใคร สำนักอิสระก็จะจัดการให้พวกเจ้า ข้าเองก็จะมอบอาหารและปัจจัยที่จำเป็นทุกอย่างให้พวกเจ้าตลอดไป เมื่อถึงตอนนั้นสำนักอิสระก็จะเป็นผู้ปกครองที่แท้จริงของแคว้นเฟิงอวิ๋น และพวกเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องกลัวใครอีกต่อไป”

ความหวั่นไหวปรากฏขึ้นในใจของทุกคน

ใช่แล้ว ถ้าสำนักอิสระกลายเป็นผู้ปกครองแคว้นเฟิงอวิ๋น ใครจะกล้าทำตัวไม่เคารพพวกเขาอีก

“แม่นางหลั่ง ข้าหวังเจ้าจะรักษาสัญญา สำนักอิสระจะไม่ทอดทิ้งพวกเรา ถ้าเจ้ายินดีทำตามสัญญาจริง พวกเราก็ยินดียกพลังของพวกเราให้!”

“ตกลง ข้าสาบานต่อพระเจ้าว่าตราบใดที่พวกเจ้ายินดียกพลังให้ข้า ข้าก็จะไม่มีทางทอดทิ้งพวกเจ้า มีเพียงเงื่อนไขเดียวคือพวกเจ้าต้องไม่คิดทำร้ายข้า”

ดวงตาของหลั่งซินเยว่เผยความชั่วร้าย

รวมถึงพวกเขาต้องไม่ทรยศนางไม่อย่างนั้นนางก็จะไม่ยกโทษให้พวกเขา!

เมื่อได้ยินหลั่งซินเยว่สาบานต่อพระเจ้า ฝูงชนก็รู้สึกสบายใจแล้วเดินมาหานางช้าๆ

“รอก่อน”

ทันทีที่ผู้ฝึกฌานขั้นเซียนอาวุโสหลายคนเดินเข้ามาหาหลั่งซินเยว่ จู่ๆ นางก็หยุดพวกเขา “ข้ายังมีอย่างอื่นจะประกาศอีก”

“เรื่องอะไรงั้นหรือ”

เมื่อมีคนถามคำถามนี้หลั่งซินเยว่ก็ยกมือขึ้นแล้วสั่งให้ผู้คุ้มกันพาตัวเหลียนเยว่เซิงมาที่นี่ ผู้คุ้มกันสองคนเดินออกไปแล้วโยนเหลียนเยว่เซิงลงไปที่พื้นอย่างหยายคายแล้วหลบไปด้านข้าง

เหลียนเยว่เซิงโดนปิดปากเอาไว้ทำให้พูดไม่ได้ ดวงตาเย็นชาของนางเต็มไปด้วยความโกรธแค้น จ้องหลั่งซินเยว่อย่างเย็นชา

หลั่งซินเยว่เมินนางแล้วยิ้มเยาะ “สตรีผู้นี้เป็นพรรคพวกของอวิ๋นเยว่ชิงและข้าก็จับนางมาได้ตอนที่ข้ากำลังหนี”

ไม่มีใครในสำนักอิสระเคยเห็นองค์หญิงจินหยางดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ว่านางเป็นใคร แต่ถึงแม้ว่าจะมีบางคนที่รู้ว่านี่คือองค์หญิงจินหยางก็ไม่เป็นไร ตราบใดที่นางพูดว่าสตรีผู้นี้มีบางอย่างเกี่ยวข้องกับอวิ๋นเยว่ชิง พวกเขาก็พร้อมจะเชื่อนาง

“พรรคพวกของอวิ๋นเยว่ชิงงั้นหรือถ้าอย่างนั้นสตรีผู้นี้ก็ต้องตาย!”

“แม่นางหลั่ง ข้าเสนอให้สังหารสตรีผู้นี้! อวิ๋นเยว่ชิงจะได้นึกเสียใจ!”

คนพวกหนี้พุ่งเข้ามาอย่างเดือดดาลและตั้งใจจะฉีกเหลียนเยว่เซิงออกเป็นชิ้น แต่หลั่งซินเยว่ก็หยุดพวกเขาไว้อีกครั้งในตอนที่ทุกอย่างกำลังโกลาหลถึงขีดสุด

ตอนที่ 2011 ก่อนที่สงครามจะเริ่มต้น (5)

“เจ้าคิดว่าการสังหารสตรีผู้นี้จะทำให้อวิ๋นเยว่ชิงเสียใจงั้นหรือ เจ้าคิดผิดแล้ว อวิ๋นเยว่ชิงเป็นคนที่ไร้ความรู้สึก ไม่อย่างนั้นนางก็คงไม่ตัวโหดร้ายกับท่านประมุข! เหตุที่ข้าจับสตรีผู้นี้มายังมีเหตุอื่นอยู่ นั่นก็คือสตรีผู้นี้มีรากฐานพลังหยินบริสุทธิ์!”

รากฐานพลังหยินบริสุทธิ์!

ลมหายใจของทุกคนหอบถี่ ดวงตาของบางคนสว่างวาบเมื่อพวกเขามองไปที่เหลียนเยว่เซิง

“ดังนั้นสตรีผู้นี้ก็เป็นของพวกเจ้าแล้ว เมื่อมีนางอยู่มือ ข้าเชื่อว่าความแข็งแกร่งของสำนักอิสระจะเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว!” หลินซินเยว่ผลักเหลียนเยว่เซิงไปข้างหน้า แล้วเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยพร้อมส่งยิ้มชั่วร้ายให้

ภายใต้สายตาที่เต็มไปด้วยตัณหา เหลียนเยว่เซิงก็สั่นไปทั้งตัวด้วยความโกรธแค้น สายตาใสกระจ่างอันเย็นเยียบของนางเต็มไปด้วยความโกรธที่ระบายออกไปไม่ได้ก่อนจะกวาดตามองทุกคนอย่างเคียดแค้น

“โยนสตรีผู้นี้เข้าไปในถ้ำสมุนไพร และอีกครึ่งเดือนเจ้าก็จะสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งโดยใช้ร่างกายของนางได้!”

ถ้าใครก็ตามที่ต้องการเพิ่มความแข็งแกร่งของเขาด้วยการร่วมรักกับสตรีที่มีรากฐานหยินบริสุทธิ์ เขาต้องชำระร่างกายนางด้วยสมุนไพรก่อนเป็นอันดับแรก…

อย่างไรก็ดี ทุกคนต่างตัวสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัวเมื่อนึกถึงถ้ำสมุนไพร!

จู่ๆ ผ้าที่ปิดปากของเหลียนเยว่เซิงก็คลายออก นางตะโกนออกมา “หลั่งซินเยว่!” นางเหลือบดวงตาใสกระจ่างขึ้นจ้องหลั่งซินเยว่ที่ทำหน้าไร้อารมณ์อย่างเย็นชา

“ข้ายอมตายดีกว่าปล่อยให้เจ้าได้สิ่งที่ต้องการ!”

หลั่งซินเยว่ยิ้มเยาะอย่างเหยียดหยาม “เจ้าคิดว่าสามารถตัดสินชะตากรรมตัวเองได้หรือ เมื่อเจ้าถูกโยนเข้าไปในถ้ำสมุสไพร สิ่งเดียวที่เจ้าทำได้มีเพียงร้องขอความตาย เมื่อถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่ฆ่าตัวตายเลย เจ้าไม่แม้แต่จะขยับนิ้วตัวเองได้ด้วยซ้ำ ผู้คุ้มกัน เอาตัวนางไป!”

นางทำได้แค่โทษที่ตัวเองมีรากฐานพลังหยินบริสุทธิ์! ด้วยรากฐานแบบนี้ไม่ต้องพูดถึงบุรุษ แม้แต่สตรีอย่างนางก็ยังถูกอีกฝ่ายล่อลวง

เมื่อเห็นเหลียนเยว่เซิงถูกพาตัวไปแล้ว หลั่งซินเยว่ก็มองฝูงชนแล้วพูดขึ้น “พวกเรามาเริ่มกันเถอะ”

ความจริงแล้วสำนักอิสระมีผู้ฝึกฌานขั้นเซียนอาวุโสมากกว่าอาณาจักรจินหยาง แต่เพราะอดีตประมุขต้องการเพียงชีวิตที่สงบสุขและไม่อยากเริ่มสงคราม ดังนั้นแคว้นเฟิงอวิ๋นจึงเคยอยู่กันอย่างสันติ

แน่นอนว่าผู้ฝึกฌานขั้นเซียนอาวุโสที่ประมุขพาไปกับเขาคือคนที่เขาใช้วิชาลับสร้างขึ้น ซึ่งสมาชิกคนอื่นในสำนักอิสระไม่มีใครรู้ ดังนั้นจึงมีผู้ฝึกฌานขั้นเซียนอาวุโสเพียงสิบคนที่เหลืออยู่ในสำนักอิสระ แต่ว่าพลังของผู้ฝึกฌานขั้นเซียนอาวุโสพวกนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้นางผ่านด่านเลื่อนขั้นเป็นเซียนจักรพรรดิ…

ที่ด้านนอกเมืองของสำนักอิสระ

ฉีหลิงมารออยู่ที่นี่พร้อมยอดฝีมือมากมายแล้ว หลังจากผ่านไปสักพักใหญ่ สุดท้ายเขาก็เห็นฉีซูและคนอื่นๆ จากอาณาจักรจื่อเยว่และอาณาจักรเทียนฉีมาถึง

ส่วนอาณาจักรจินหยาง…

เมื่อพวกเขาเลือกอยู่ข้างสำนักอิสระ พวกเขาก็ไม่มีหน้ามาปรากฏตัวให้อาณาจักรอื่นเห็น

“องค์ชายรองพ่ะย่ะค่ะ”

ฉีซูที่เห็นฉีหลิงตั้งแต่แวบแรกเดินเข้ามาหา

ฉีหลิงพยักหน้าให้เขา “เจ้ามาแล้วหรือ”

“พ่ะย่ะค่ะ” ฉีซูยิ้มบาง “และข้าก็ได้ข่าวจากแม่นางอวิ๋นว่าอีกไม่นานนางจะมาถึง”

ฉีหลิงสุภาพกับฉีซูมาก

ถึงอย่างไรฉีซูก็เป็นผู้ติดตามของอวิ๋นลั้วเฟิง และเป็นเพราะอวิ๋นลั่วเฟิงจึงทำให้เขามีสถานะยิ่งใหญ่เช่นวันนี้ ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น เขายังชื่นชมฉีซูด้วย…

แต่ว่าเขาไม่ได้ทำตัวสนิทสนมกับอี้หลินที่เป็นแม่ทัพของอาณาจักรจื่อเยว่ เขาแค่เหลือบมองอีกฝ่ายอย่างเย็นชาและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบว่า “เจ้ามาช้า”