นักฆ่า 4 ดาราครึ่ง ชือเม่ย!
“ภารกิจที่ชือหมิงล้มเหลวไปก่อนหน้า พวกเราต้องดำเนินการต่อ”
หยินหยางมองไท่หวู่กล่าว
“อืม”
ไท่หวู่พยักหน้า “คราวนี้คงมิคิดส่งนักฆ่า 3 ดาราไปจัดการอีกงั้นสิ?”
“ถึงแม้ชือหมิงจักมิใช่นักฆ่า 3 ดาราที่ร้ายกาจที่สุด แต่มันก็นับว่าเป็นมือดีในบรรดานักฆ่า 3 ดาราแล้ว แน่นอนว่าข้าคงมิอาจส่งนักฆ่า 3 ดาราคนอื่นไปลงมือได้อีก เพราะหากชือหมิงล้มเหลวคนอื่นก็ไม่แน่ว่าจะไม่ล้มเหลว คราวนี้ข้าจักส่งชือเม่ยไปจัดการ!”
ทันใดนั้นตาสีโคลนของหยินหยางก็ทอประกายสว่างจ้าขึ้นมา
เมื่อไม่นานมานี้มันก็ได้กลับไปตรวจสอบที่โถงวิญญารของตลาดมืดหยินชานสาขา 9 พันธมิตร และพบว่าไข่มุกวิญญาณประจำตัวของชือหมิงนั้นแตกสลายไปแล้ว ทั้งเวลาการแตกที่บันทึกไว้ก็เป็นช่วงที่มันออกไปกระทำภารกิจ
ไข่มุกวิญญาณแตก ย่อมหมายถึงคนตาย!
“ชือเม่ย?”
ไท่หวู่ประหลาดใจไม่น้อย กล่าวถามออกมาทันใด “เท่าที่ข้ารู้ ชือเม่ยคนนี้ถือเป็น ไพ่ลับระดับสูงของสาขา 9 พันธมิตรแห่งนี้ใช่หรือไม่? เห็นว่านางมิเคยล้มเหลวในภารกิจสังหารเป้าหมายที่มีด่านพลังฝึกปรือต่ำกว่าขอบเขตเซียนแม้แต่คนเดียว”
“มิผิด ชือเม่ย นับเป็นไพ่ลับที่ร้ายกาจที่สุดคนหนึ่งของตลาดมืดหยินชานสาขา 9 พันธมิตรของเรา และนางยังเป็นนักฆ่าระดับ 4 ดาราครึ่ง!”
หยินหยางพยักหน้า
ในตลาดมืดหยินชางนั้น นักฆ่า 4 ดาราครึ่งจะมีพลังฝีมือเทียบเท่ากับตัวตนในขอบเขตครึ่งก้าวเซียน
เนื่องจากเป็นนักฆ่า การลงมือนั้นย่อมมิใช่ทวนเปิดเผยแต่เป็นเกาทัณฑ์เร้นลับ
ดังนั้นนักฆ่า 4 ดาราครึ่ง ย่อมมีพลังสามารถมากพอจะลอบฆ่าตัวตนในขอบเขตครึ่งก้าวเซียน!
แน่นอนว่ายังมีครึ่งก้าวเซียนบางคนที่ร้ายกาจจนพวกมันไม่อาจสังหารได้
เพราะครึ่งก้าวเซียนบางคนก็เป็นตัวตนอันอยู่เหนือสามัญสำนึก บ้างก็มีพลังฝีมือทัดเทียมกับตัวตนในขอบเขตเซียนไปแล้ว
หากเป็นครึ่งก้าวเซียนเหล่านี้ ต่อให้เป็นนักฆ่า 4 ดาราครึ่ง ก็จนปัญญา
อย่างไรก็ตามครึ่งก้าวเซียนระดับนั้น คงยากที่จะพบเห็นได้ในเขตพื้นที่ 9 พันธมิตร!
โดยทั่วไปแล้วตัวตนระดับครึ่งก้าวเซียนที่มีพลังฝีมือร้ายกาจมากพอจะต่อกรกับขอบเขตเซียนทั่วไปได้ ล้วนเป็นเหล่าอัจฉริยะที่จะมีอยู่ในขุมพลังขั้น 5 ขึ้นไปเท่านั้น
หากต้วนหลิงเทียนบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียน เขาเองก็จัดอยู่ในกลุ่มคนประเภทนี้
เพราะศักยภาพและไหวพริบปฏิภาณของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่า อัจริยะจากขุมพลังชั้นนำแม้แต่น้อย
“หากส่งชือเม่ยไปลงมือ เช่นนั้นงานนี้ก็มิมีใดให้กังวลแล้ว”
ไท่หวู่กล่าว จากวาจาทั้งน้ำเสียงก็เผยให้เห็นถึงความมั่นใจในตัวชือเม่ย
ชื่อเม่ยนั้นนอกจากจะเป็นนักฆ่า 4 ดาราครึ่งแล้ว นางยังเป็นอิสตรีนางหนึ่ง
ทั้งยังเป็นอิสตรีเพียงคนเดียวในบรรดานักฆ่าระดับ 4 ดาราครึ่งของตลาดมืดหยินชานสาขา 9 พันธมิตร
และนางยังเป็นอิสตรีที่ผู้คนยอมรับว่ามีฝีมือร้ายกาจที่สุดในบรรดานักฆ่า 4 ดาราครึ่งของตลาดมืดหยินชาน!
ไม่มีใครเคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของชือเม่ย ถึงแม้จะเป็นไท่หวู่และหยินหยางเองก็ตาม หากแต่พวกมันรู้ดีว่ารูปร่างของชื่อเม่ยนั้นได้สัดส่วนนัก นางมักอยู่ในชุดคลุมลมดำและปกปิดใบหน้าเอาไว้เสมอ
แม้ไม่ต้องเห็นใบหน้าของชือเม่ย เพียงแค่รูปร่างของนางที่ถูกซ่อนอยู่ภายใต้ชุดคลุมลมดำนั้น ก็มากพอจะชักนำให้บุรุษบังเกิดความปรารถนาอันเร่าร้อนเพียงได้มอง…
อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นไท่หวู่กับหยินหยาง ก็ไม่กล้าล่วงเกินหรือทำให้หน้าขุ่นขึ้งใจ
เพราะเบื้องหลังของชือเม่ย ก็คือ ผู้นำตลาดมืดหยินชานสาขา 9 พันธมิตรแห่งนี้
สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างนางกับผู้นำตลาดมืดหยินชานสาขา 9 พันธมิตรนั้น เป็น ‘ความลับ’ สำหรับทุกคนมาโดยตลอด
และคนที่ล่วงรู้ความลับนี้ เห็นทีจะมีแต่ตัวชือเม่ยเองกับผู้นำตลาดมืดหยินชานสาขา 9 พันธมิตรเท่านั้น
อย่างไรก็ตามมีหลายคนในตลาดมืดหยินชานลอบคาดเดาความสัมพันธ์ระหว่างชือเม่ยกับผู้นำไว้หลายประการนัก
บ้างก็ว่าชือเม่ยเป็นสตรีของผู้นำ
บ้างก็บอกว่าชือเม่ยสมควรเป็นบุตรีของผู้นำ
บางคนก็ถึงกับบอกว่าที่แท้แล้วชือเม่ยนั้นเป็นหลานสาวของผู้นำ
ไม่ว่าอะไรก็ตาม ชือเม่ยนั้นเป็นตัวตนที่ ‘ลึกลับ’ ในสายตาของทุกคนมาโดยตลอด
ถึงแม้ว่าคฤหาสน์อันเป็นฐานปฏิบัติการของตลาดมืดหยินชานในเมืองหานเหอแห่งนี้จะเป็นหนึ่งในฐานของเขตนี้ ทว่ามันไม่ใช่ที่ซ่อนหลักของตลาดมืดหยินชานสาขา 9 พันธมิตร
‘รังลับ’ ที่แท้จริงของตลาดมืดหยินชานสาขา 9 พันธมิตรนั้น ตั้งอยู่ลึกลงไปในป่าทางตอนเหนือของเมืองหานเหอ มีค่ายกลและข่ายอาคมมายามากมายบดบังเอาไว้
นอกจากระดับสูงของตลาดมืดหยินชานสาขานี้ และนักฆ่าบางคนที่ถูกมองว่าเป็นมือสังหารระดับต้นๆนั้น ยากที่จะมีผู้ใดในสาขานี้ล่วงรู้กลวิธีในการย่างกรายเข้ามา
ค่ายกลป้องกันและข่ายอาคมมายาหลอนประสาทที่ปกปิดรังลับแห่งนี้นั้น ถูกปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 4 ดาว รวมถึงปรมาจารย์ยันเต๋าระดับ 4 ดาว ที่ตลาดมืดหยินชานสาขาที่อยู่เหนือกว่านี้ส่งมาจัดตั้งสาขาใน 9 พันธมิตร
แน่นอนว่านี่ไม่ได้หมายความว่าตลาดมืดหยินชานสาขา 9 พันธมิตรมีปรมาจารย์จารึกเซียนและปรมาจารย์ยันเต๋าให้พึ่งพิง
นั่นเพราะหลังจากที่ปรมาจารย์ยันต์เต๋ากับจารึกเซียนระดับ 4 ดาวทั้งสองเสร็จสิ้นภารกิจจัดตั้งฐานลับหลักของสาขา 9 พันธมิตรแล้วพวกมันก็ไม่ได้อยู่ดูแลอะไรสืบไป
เมื่อค่ายกลและข่ายอาคมทั้งหลายเสร็จสิ้น พวกมันก็กลับสาขาของพวกมันทันที
ข่ายอาคมมายาหลอนประสาทนี้ ต่อให้เป็นตัวตนในระดับเซียนทั่วไป ก็ยากที่จะต้านทานได้
แถมพอผ่านข่ายอาคมมายาหลอนประสาทมาได้ ก็ต้องพบเจอหุบเขากว้างใหญ่ อีกทั้งยังมีค่ายกลสังหารจัดตั้งไว้ไม่ใช่น้อย ยังมีลานมากมายนับไม่ถ้วน
แต่ละลานก็มียอดฝีมือประจำการ ทั้งมีค่ายกลทรงประสิทธิภาพไว้สังหารผู้บุกรุก
ฟิ้ว!
ทันใดนั้นศรดอกหนึ่งที่มีป้ายหยกสื่อสารผูกติดเอาไว้ ก็พุ่งแหวกฟ้าทะลวงค่ายกลและข่ายอาคมดังกล่าวมาปักยังต้นไม้ใหญ่ ข้างบ้านหลังเล็กๆหลังหนึ่งในหุบเขา
ฟุ่บ!
แทบจะพร้อมกันกับที่ศรปักลงที่ต้นไม้ ปรากฏวิหกสีม่วงตัวหนึ่งผุดโผล่ออกมาจากอากาศว่างเปล่า
มันเหินพุ่งไปยังดอกศรดังกล่าว ใช้จงอยปากงับดอกศรดังกล่าวเอาไว้ ค่อยถอนออกมาจากต้นไม้อย่างง่ายดาย
ฟุ่บ!
วิหกสีม่วงดังกล่าวอันตรธานหายไปอีกครั้ง ปรากฏตัวอีกทีก็อยู่ในสนามหญ้าเล็กๆหลังบ้านแล้ว
รอบๆสวนหลังบ้านนี้ถูกปกคลุมไปด้วยม่านเมฆหมอกบางๆ เห็นชัดว่ามีข่ายอาคมมายาและค่ายกลบางประการครอบคลุมเอาไว้
ยากที่บุคคลภายนอกจะมองเข้ามาล่วงรู้เรื่องราวภายในได้
แน่นอนว่าหากมองจากภายในออกมาภายนอก ก็เป็นอะไรที่ชัดเจนนัก
ตอนนี้เองบริเวณริมทะเลสาบเล็กๆข้างสวนหลังบ้าน ปรากฏร่างอิสตรีนางหนึ่งนั่งอยู่ นางใช้สองขาอันเรียวงามขาวกระจ่างตีน้ำเล่นอย่างซุกซน ใบหน้างามหมดจดปานเทพธิดาสวรรค์เผยอาการครุ่นคิดเหม่อลอย ยากจะมีผู้ใดล่วงรู้ว่าในใจนางคิดอะไรอยู่กันแน่
“พี่หญิง พี่หญิง”
จนกระทั่งวิหกสีม่วงเหินมาเกาะไหล่ และปล่อยดอกศรที่มีป้ายหยกผูกติดไว้ ร้องเรียกนาง นางจึงค่อยหลุดออกจากภวังค์ครุ่นคิด
โยนดอกศรทิ้งออกไป เพียงหยิบป้ายหยกขึ้นมาถือเอาไว้ สตรีงามนางนั้นเริ่มแผ่พลังวิญญาณลงไปในป้ายหยก
ครู่ต่อมาข้อมูลมากมายในป้ายหยกก็เริ่มปรากฏภายในใจ
“สำนักจันทร์จรัสแสง ต้วนหลิงเทียน สู่เซียนขั้นต้น..ทว่าไม่กี่เดือนที่แล้วยังพึ่งอยู่ในขอบเขตหลุดพ้นมนุษย์ขั้นสมบูรณ์แบบ? แปลกนักสถานที่ล้าหลังกระทั่งวิหกยังไม่อยากผ่านมาขับถ่ายเช่นนี้ ยังมีอัจฉริยะเช่นนี้อยู่ด้วยหรือ?”
สตรีนางนั้นแปลกใจไม่น้อย
“เป็นเป้าหมายสังหารคนต่อไปของข้างั้นเหรอ…แล้วพวกนักฆ่า 3 ดารามันเป็นสัดใส่ข้าวที่ใช้การมิได้หรือไร?”
อย่างไรก็ตามไม่นาน คิ้วคู่งามก็ขมวดเล็กน้อย
ยิ่งรับทราบข้อมูลที่บันทึกไว้เท่าไหร่ คิ้วนางก็ยิ่งขมวดยู่ย่นมากขึ้นเรื่อยๆ “เห ชือหมิงนั่นก็ล้มเหลวงั้นเหรอ? น่าสนใจดีนี่…สื่อเอ๋อ ดูเหมือนว่าพวกเราจะได้ออกไปเดินเล่นกันอีกแล้ว”
วาจาท้ายประโยคนั้น เห็นชัดว่านางกล่าวกับวิหกสีม่วง
“ฮิๆ…ในที่สุดก็มีภารกิจมาถึงมือพี่หญิงสักที ครั้งนี้ให้ข้าจัดการนะพี่หญิง ข้าอยากเล่นบ้าง”
วิหกสีม่วงที่อยู่บนไหล่สตรีงามหมดจด เริ่มมาเหินบินตีปีกอย่างสนุกสนาน
“ไปดูก่อนแล้วกัน”
สตรีเลอโฉมเผยยิ้มบางๆ “ข้าคิดว่าศิษย์สำนักจันทร์จรัสแสงที่เรียกว่าต้วนหลิงเทียนคนนี้ สมควรมีคนลอบคุ้มกันอย่างลับๆ…น่าจะเป็นปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาวที่เรียกว่าป๋ายลี่หงอะไรนั่น จากข้อมูลเห็นว่ามันเป็นยอดฝีมือที่ยามใช้พลังฝีมือทั้งหมด สามารถต่อกรได้กับตัวตนระดับครึ่งก้าวเซียน”
“พี่หญิง งั้นทำไมท่านไม่ให้ข้าไปเล่นกับป๋ายลี่หงอะไรนั่นเล่า? ให้ข้านะๆๆๆ”
ได้ยินวาจานี้ของสตรีแสนงาม วิหกสีม่วงก็กล่าวออกมาเสียงเจื้อยแจ้วไม่หยุด ท่าทางแลดูคึกคักสนุกสนานไม่น้อย เห็นได้ชัดว่ามันไม่นำพาอะไรกับตัวตนที่มีพลังฝีมือระดับครึ่งก้าวเซียนแม้แต่น้อย
“พอๆ สื่อเอ๋อ! เจ้าอย่าเสียงดังวุ่นวายแล้ว หากเจ้าพูดมากข้าจะให้เจ้าอยู่เฝ้าบ้านแล้วนะ”
สตรีนางนั้นหันมองวหกสีม่วงพร้อมขมวดคิ้ว ทำให้วิหกตัวดังกล่าวปิดปากเงียบสนิทไม่กล้าส่งเสียงเจื้อยแจ้วอะไรอีก
หลังจากนั้นสตรีดังกล่าวก็ลุกขึ้นจากริมทะเลสาบเดินผ่านสวนเข้าไปในบ้าน ไม่นานนางก็ออกมาในชุดคลุมลมดำ
ใบหน้างดงามปานเทพธิดาของนางตอนนี้ถูกปกปิดไว้มิดชิด
อย่างไรก็ตามรูปร่างสมบูรณ์แบบอันเย้ายวนปานปีศาจสาวของนาง ก็มีอานุภาพมากพอจะทำให้สตรีทั้งหลายบังเกิดความอิจฉา และมีมนต์สะกดให้บุรุษทั้งหลายหลงใหล
พริบตาต่อมาร่างสตรีดังกล่าวก็อันตรธานหายปในอากาศ
ทันทีที่นางหายไป วิหกสีม่วงก็วูบหายไปเช่นกัน
ณ หุบเขาแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยวและห่างไกลจากรังลับของตลาดมืดหยินชานนับหมื่นๆลี้
สภาพแวดล้อมของหุบเขาแห่งนี้ช่างแห้งแล้งกันดารนัก ยากจะมองเห็นได้แม้หญ้าเขียวสักต้น
ทว่าตอนนี้ปรากฏร่างบอบบางหนึ่งกำลังเดินโซซัดโซเซมุ่งหน้าลึกลงไปในหุบเขา ในมือกำไข่มุกวิญญาณเอาไว้แน่น
“พี่ใหญ่ ตอนนี้สกุลโอวหยางเรามิมีอีกต่อไปแล้ว ท่านพ่อตายแล้ว อาวุโสกับทุกคนก็ตายหมดแล้ว ท่านไม่จำเป็นต้องถูกลงโทษอีกต่อไป…น้องจะไปพาพี่กลับมา”
ร่างบอบบางนี้ที่แท้ก็เป็นสตรีนางหนึ่ง
หากต้วนหลิงเทียนอยู่ที่นี่ย่อมจดจำได้ทันทีว่าสตรีนางนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน นอกจากบุตรีคนรองของโอวหยางป้าแห่งสกุลโอวหยาง โอวหยางหลัว
โอวหยางหลัวนั้น นางก็เกือบตกตายลงในวันที่ตระกูลโอวหยางถูกฆ่าล้างตระกูลแล้ว
แต่นับว่านางยังมีโชคอยู่นัก เพราะวันที่เกิดเรื่องนางไม่ได้อยู่ภายในตะกูล
อย่างไรก็ตามแม้นางจะรอดพ้นหายนะมาได้อย่างเฉียดฉิว แต่นางก็ยากจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างสงบ เพราะมือสังหารของตลาดมืดหยินชานเองก็ถูกส่งมาตามฆ่าคนสกุลโอวหยางที่เหลือรอดอยู่! ทำให้นางจำต้องหลบหนีออกมาจากเมืองหานเหอแบบนี้..
และทิศทางที่โอวหยางหรัวกำลังมุ่งหน้าไปนั้น ก็คือหุบไร้ก้นบึ้งที่ร่ำลือกันมาอย่างยาวนานในตระกูลโอวหยาง
จุดประสงค์นางเรียบง่ายนัก นางอยากไปหาพี่ชายของนางและพาอีกฝ่ายออกมา
หากผู้นำตระกูลโอวหยางยังมีชีวิตอยู่และได้รับทราบความคิดนี้ของนาง คงอดไม่ได้ที่จะเผยยิ้มขื่นขมออกมา
นั่นเพราะความคิดของโอวหยางหลัวมันไร้เดียงสาและตื้นเขินเกินไป
แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องแปลกที่โอวหยางหลัวจะล่วงรู้ตำแหน่งของหุบไร้ก้นบึ้ง เพราะเรื่องนี้ระดับสูงๆของตระกูลโอวหยางก็รู้กันหมด
หุบไร้ก้นบึ้งนั้น เสมือนหลุมลึกอันไร้ก้นบึ้ง
หากไร้ความสามารถในการกลับออกมา ผู้ที่ถูกส่งลงไปย่อมตายสถานเดียว
ทว่าไข่มุกวิญญาณที่โอวหยางหลัวกำเอาไว้ในมือนั้น มันคือไข่มุกวิญญาณของโอวหยางชิง ที่นางนำมาจากโถงบรรพชนของตระกูลโอวหยาง หลังจากที่ตระกูลโอวหยางถูกทำลาย
ในวันนั้นนางลอบเข้าไปโดยใช้เส้นทางลับของตระกูลโอวหยาง พอไปถึงก็พบว่าไข่มุกวิญญาณส่วนใหญ่แตกสลายไปหมดแล้ว ที่ยังเหลืออยู่ก็เป็นของคนที่บังเอิญไม่อยู่ในตระกูลเท่านั้น
ในตระกูลโอวหยาง ผู้ที่จะมีไข่มุกวิญญาณตั้งไว้ในโถงบรรพชนได้ ต้องเป็นสายเลือดหลัก!
หลังจากที่พบว่าไข่มุกวิญญาณของโอวหยางชิงยังไม่แตกสลาย นางก็หยิบติดมือมา และเร่งออกจากเมืองหานเหอ เดินทางมายังหุบไร้ก้นบึ้งที่โอวหยางชิงถูกส่งตัวมาทันที…