ตอนที่ 668 ข้าไม่เป็น!
หลิงหยุนเอ๋อค่อนข้างคุ้นเคยกับเรื่องราวของดวงตะวัน ดวงจันทรา
และดวงดาวเป็นอย่างดี ดังนั้นฉินหยุนจึงไม่สงสัยต่อคำกล่าวของ
นางแม้แต่น้อย
เมื่อฉินหยุนทะยานร่างไป แรงระเบิดรุนแรงจึงบังเกิดขึ้นที่ระยะไกล
คลื่นพลังงานจากการระเบิดพลันทะลักล้นออกมา
ฉินหยุนร่างกระเด็นเพราะอำนาจคลื่นพลังรุนแรง
“เลวร้ายนัก จอมราชันดวงดาวอสูรวิวัฒนาการโดยสมบูรณ์แล้ว!”
น้ำเสียงของหลิงหยุนเอ๋ออัดแน่นด้วยความกังวล “คราวนี้พวกเราทำ
อย่างไรดี? ที่นี่มีม่านพลัง หากไม่อาจออกไป พวกเราอาจถูกสังหาร
กันหมด!”
ฉินหยุนกล่าว “ขอข้าไปสำรวจดูก่อน บางทีเจ้านั่นอาจไม่แข็งแกร่ง
อันใดมากนักก็เป็นได้!”
“เสี่ยวหยุน พลังงานของมันคือแกนกลางดวงดาวของดวงดาวอสูร
เจ้าลองบอกดู ว่ามันจะแข็งแกร่งหรือไม่?” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “ทาง
ที่ดีคืออย่าไปด้านนั้น เร่งรีบไปรวมตัวกับพวกเย่ว์หลานก่อน!”
พร้อมกันนี้เอง บรรดาอสูรดวงดาวขนาดใหญ่จึงเริ่มปรากฏตัวขึ้นมา
จากใต้พื้นแผ่นดิน ภูเขา และถ้ำทั้งหลาย!
เมื่ออสูรดวงดาวขนาดใหญ่ปรากฏตัวอย่างมหาศาล มันสร้างความ
ตื่นตะลึงครั้งใหญ่ อสูรดวงดาวขนาดใหญ่ที่ซ่อนตัวในถ้ำใต้ดิน
พวกมันเขย่าผืนแผ่นดินเป็นวงกว้างก่อนจะเร่งรีบปรากฏตัวจาก
เบื้องล่างลึกลงไป
ขณะเดียวกัน อสูรดวงดาวขนาดใหญ่ที่อยู่ภายในภูเขา พวกมันได้ฉีก
กระชากทั้งภูเขาเพื่อปรากฏตัวขึ้นมา
“อสูรดวงดาวขนาดใหญ่เหล่านี้ก็วิวัฒนาการสำเร็จแล้วด้วยหรือ?”
เมื่อฉินหยุนได้ยินเสียงคำรามร้องของอสูรดวงดาวขนาดใหญ่จาก
ทั่วทิศ ภายในอดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนก
“พวกมันส่วนใหญ่วิวัฒนาการได้แล้ว มันรวดเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร
กัน?” หลิงหยุนเอ๋อเดิมคิดว่าสมควรต้องใช้เวลาสักสองถึงสามวัน
กระนั้นตอนนี้ มันเพิ่งผ่านไปเพียงครึ่งวันเท่านั้นเอง
ฉินหยุนหันมองทิศทางหนึ่งซึ่งมีพลังอันชั่วร้ายปรากฏออกมา จอม
ราชันดวงดาวอสูรสมควรอยู่ที่นั่น
“ข้าคิดไปดูเสียหน่อย! บางทีพวกเราอาจพบทางแก้สถานการณ์
ตอนนี้ หากไม่สังหารมัน พวกเราได้ตกอยู่ในปัญหาครั้งใหญ่แน่!”
ฉินหยุนกล่าวพร้อมเร่งรีบบินผ่านอากาศไป
แม้กระทั่งในอากาศ มันยังมีพลังดวงดาวชั่วร้ายรุนแรงไหลหลั่ง
ดังนั้นคิดบินด้วยความเร็วสูงจึงไม่ใช่เรื่องง่าย
“เจี้ยนหนันหู่จะรับมือจอมราชันดวงดาวอสูรไหวหรือไม่กันนะ!”
ฉินหยุนคิดกับตนเอง
“ชายคนนั้นสังหารเหลียงหยวนไห่ยังไม่ได้ ยังต้องพูดถึงจอมราชัน
ดวงดาวอสูรด้วยงั้นหรือ?” หลิงหยุนเอ๋อครวญครางเบา “เจี้ยนหนัน
หู่ก็แค่คนอวดดีผู้หนึ่ง!”
ฉินหยุนเองก็เชื่อเช่นนั้น แม้เจี้ยนหนันหู่แข็งแกร่ง กระนั้นบางครั้ง
เขากลับทำเสมือนผู้พิการทางสมองคนหนึ่ง
เหนือเกาะยุทธ์อสูร ที่แห่งนี้มีครึ่งเซียนหลายคนผู้มากทั้งประสบการณ์
และความรู้
พวกเขาพอได้เห็นเกาะยุทธ์อสูรถูกปกคลุมด้วยพลังงานอสูร ย่อม
ทราบว่าสถานการณ์เลวร้ายลงเรื่อย สีหน้ามีแต่จะยิ่งดำมืด
“หนึ่งในศิษย์หุบเขาเซียนโอสถของเราเพิ่งเสียชีวิตไปคนหนึ่ง!”
ใบหน้าของครึ่งเซียนจากหุบเขาเซียนโอสถเผยออกราวกลืนเม็ดยา
ขมเข้าไป
ศิษย์ทั้งหลายต่างมียันต์ชีวิตเอาไว้ยืนยันสถานะในสำนัก
หากพวกเขาตาย ยันต์ชีวิตที่เก็บไว้ในสำนักจะลุกไหม้
เจี้ยนสือเทียนมองไปยังเกาะยุทธ์อสูร สัมผัสได้ถึงพลังงานอสูรที่แผ่
กระจายออกมา เขากล่าว “เร่งรีบนำเหล่าศิษย์ออกมาได้แล้ว
ไม่เช่นนั้น พวกเราคงไม่อาจทราบได้ว่าจะมีอีกกี่ชีวิตที่ต้องตาย!”
“พวกศิษย์เบื้องล่างต่างตายกันทีละคนทีละคน นี่ย่อมไม่ใช่ฝีมือของ
ฉินหยุนแล้ว!” เปาเฉิงโฉ่วกล่าว “หากเจ้าไม่นำศิษย์เหล่านั้นออกมา
หากพวกเขาตายหมดสิ้น เมื่อถึงเวลานั้น เจ้าคิดให้พวกเรากล่าวโทษ
ผู้ใด?”
ผู้คนล้วนทราบ ว่าตำหนักจารึกเทวะครั้งนี้สูญเสียศิษย์ร่างเซียนถึง
สามคน ดังนั้นพวกเขาคิดให้ศิษย์ทั้งหมดในเกาะตายก็ไม่ใช่เรื่อง
แปลก
“จากที่เห็น จอมราชันดวงดาวอสูรสมควรถือกำเนิดขึ้นแล้ว” อย่าง
กะทันหัน ครึ่งเซียนในชุดสีเทาพลันปรากฏตัว ครึ่งเซียนผู้นี้มีหาน
เฝิงหู่ติดตามอยู่ด้านหลัง
ครึ่งเซียนผู้นี้เป็นคนของฝ่ายหานเฝิงหู่ เขามาเพียงผู้เดียว
“จอมราชันดวงดาวอสูร? ระดับตัวตนของมันทัดเทียมกับอะไร?”
เจี้ยนสือเทียนเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล
“อย่างน้อยก็ขอบเขตราชันยุทธ์ แม้เพียงเพิ่งถือกำเนิด ระดับการ
ฝึกฝนก็ต้องเป็นราชันยุทธ์แล้ว!” ครึ่งเซียนในชุดสีเทากล่าวพร้อม
เผยสีหน้าจริงจัง “บรรดาศิษย์เหล่านั้นสมควรต้องรีบออกมาโดยเร็ว!”
ตอนนี้เอง หลายสำนัก กระทั่งหุบเขาเซียนโอสถ ตระกูลหลง พวก
เขาต่างร้องขอกันสุดแรงเพื่อให้นำเหล่าศิษย์ออกมาจากที่เกาะแห่ง
นั้น
“การทดสอบครั้งนี้กล่าวได้ว่าเป็นความผิดพลาด พวกเราคัดเลือก
ศิษย์กันใหม่เป็นอย่างไร?” ผู้คนของขุนเขาเซียนอัคคีครามกล่าวถาม
ขึ้น เนื่องด้วยศิษย์ทั้งสี่ของพวกเขาล้มหายตายหมด
หากพิจารณาในการทดสอบนี้ รอบสิบหกคนสุดท้าย จะไม่มีศิษย์
ของขุนเขาเซียนอัคคีครามเข้าร่วมแม้สักคน
เวลานี้เอง ครึ่งเซียนจำนวนหนึ่งจากตำหนักจารึกเทวะจึงพร้อมใจ
กันเคลื่อนตัวลงสู่เบื้องล่าง ตระเตรียมการเพื่อเปิดรูขนาดเล็กให้แก่
ศิษย์ที่อยู่ภายในได้ออกมา
“เพราะสถานการณ์พิเศษได้เกิดขึ้นกับเกาะยุทธ์อสูร ศิษย์ในเกาะ
สามารถออกไปก่อนได้ ศิษย์ทั้งหมดในเกาะจงบินขึ้นฟ้าและตาม
พวกเราออกมา!” น้ำเสียงของครึ่งเซียนชุดสีดำแผ่ขยายดังเป็นวง
กว้าง จนได้ยินทั่วทั้งเกาะยุทธ์อสูร
ศิษย์หลายคนภายในเกาะยุทธ์อสูร เวลานี้ต่างยินดีกันถ้วนหน้าเร่ง
รีบบินขึ้นฟ้า
ไม่ใช่ว่าทุกผู้คนมีกลุ่มที่แข็งแกร่งทัดเทียมฉินหยุนและเจี้ยนหนันหู่
หากพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับอสูรดวงดาวขนาดใหญ่ หลบหนีมา
ได้ก็ถือว่าเต็มกลืนแล้ว ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงการถูกปิดล้อมโดยอสูร
ดวงดาวขนาดใหญ่จำนวนมาก
เจี้ยนสือเทียนสายตาจับจ้องที่ครึ่งเซียนจากตำหนักจารึกเทวะ “พวก
เจ้าไม่ใช่ก่อนหน้านี้บอกกล่าวหรอกหรือ ว่าภายในมีผู้เชี่ยวชาญวิชา
ปกครองอสูรอยู่? แล้วเรื่องราวเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร!?”
“ข้าไม่อาจทราบ!” ครึ่งเซียนจากตำหนักจารึกเทวะเผยน้ำเสียงย่ำแย่
“เชื่อหรือไม่ ข้าพร้อมหั่นเจ้าให้กลายเป็นชิ้นเนื้อเสียที่นี่?” เจี้ยนสือ
เทียนกลับกลายเผยโทสะ เพราะหลานชายของเขายังอยู่ที่ในนั้น ทว่า
ตอนนี้ เรื่องราวไม่คาดคิดอย่างแปรกลับพลิกกลับด้านได้บังเกิดขึ้น
“หากเจ้าคิดกล่าวโทษผู้ใด จงกล่าวโทษฉินหยุน!” ครึ่งเซียนผู้นั้น
แค่นเสียงตอบกลับเย็นเยือก
“ผู้ที่เรียกดวงดาวอสูรมาเป็นเจ้า หาได้ใช่ฉินหยุน!”
เจี้ยนสือเทียนแทบไม่อาจสะกดข่มโทสะเอาไว้ในกาย พลังดาบ
รุนแรงในกายเขาปะทุออกจนพวยพุ่งแทบถึงสวรรค์ เป็นผลให้ทั้ง
เกาะเกิดการสั่นไหว ผืนน้ำเบื้องล่างเกิดเป็นคลื่นวงน้ำสูงนับร้อย
เมตรปรากฏ
“เจี้ยนสือเทียน เจ้าคิดโจมตีข้าอย่างนั้นหรือ?”
ครึ่งเซียนจากตำหนักจารึกเทวะย่อมมีโทสะไม่แพ้ผู้ใด พวกเขาเพิ่ง
สูญเสียศิษย์ร่างเซียนไปถึงสามคน ขณะนี้พวกเขาย่อมพิโรธภายใน
อย่างรุนแรง
“ไม่เพียงแต่โจมตีเจ้า ข้าจะสังหารเจ้า!” เจี้ยนสือเทียนพอนึกถึงภาพ
ที่หลานชายตนเองอาจมีชะตาเลวร้าย ปลายดาบของเขาเสียดแทง
ออกซึ่งหน้า
ฟึ่บ!
ดาบของเจี้ยนสือเทียน ตัดเอาแขนของครึ่งเซียนจากตำหนักจารึกเทวะ
ไปอย่างไร้ความลังเลใด
“นี่เจ้า?!” ครึ่งเซียนผู้นี้ที่ได้เห็นแขนตนเองร่วงหล่นสู่เบื้องล่าง เขา
พลันตะโกนดังกราดเกรี้ยว
“ทุกคนขอสงบใจลงก่อน!” ครึ่งเซียนชุดสีเทาเอ่ยคำเสียงเย็น “พวก
เราจะร่วมมือกันปลดม่านพลังรอบเกาะยุทธ์อสูร เพื่อเข้าไปค้นหา
บรรดาศิษย์ของตนเอง!”
ครึ่งเซียนชุดเทาผู้นี้แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง แม้ไม่มีผู้ใดทราบว่าเขาคือ
ใคร แต่กระทั่งเจี้ยนสือเทียนยังต้องยอมลดทอนโทสะ
“ม่านพลังนี้ไม่ใช่ง่ายปิดมันลง หากคิดใช้กำลังทำลายมัน อย่างน้อย
ก็ต้องครึ่งชั่วยาม!” หานเฝิงหู่กล่าวคำออก
“แยกกันไปคลายม่านพลัง!” ครึ่งเซียนชุดเทาเผยคำสั่งออก
ตอนนี้เอง กลุ่มศิษย์จำนวนหนึ่งต่างออกมากันได้แล้ว
ทันทีที่พวกเขาออกมา จึงเริ่มเล่าเรื่องราวของอสูรดวงดาวนานาชนิด
ที่แข็งแกร่ง เป็นผลให้ครึ่งเซียนจากตำหนักจารึกเทวะต่างต้องเผยสี
หน้าเหยเก เพราะผู้เชี่ยวชาญวิชาปกครองอสูรของพวกเขาไม่อาจ
ควบคุมอสูรดวงดาวได้สำเร็จ
ทางด้านฉินหยุน หลังจากบินมุ่งหน้ามายังจุดที่เกิดพลังงานอสูรปะทุ
เขาจึงได้เห็นร่างขนาดใหญ่ที่ปกคลุมด้วยพลังงานอสูรสีดำ
หลังจากที่พลังงานอสูรกระจัดกระจาย ฉินหยุนจึงได้เห็นเจี้ยนหนัน
หู่นอนราบดิ้นรนอยู่กับพื้น หน้าอกของเขาถูกอีกฝ่ายที่ร่างใหญ่
เหยียบย่ำ กระดูกชายโครงสมควรหักไปหลายท่อนแล้ว
ที่เห็นตรงหน้า คือจอมราชันดวงดาวอสูร! ร่างนั้นมีสามหัว แขน
ขนาดใหญ่อีกหก ทั้งยังสูงถึงห้าเมตร หัวล้านเลี่ยน แขนทั้งหก
ค่อนข้างยาวและมีผิวหนังเป็นสีดำให้ความรู้สึกชั่วร้าย ทั้งยังอัดแน่น
ด้วยมัดกล้ามทรงพลัง
แขนใหญ่ยาวทั้งหกเหล่านั้นคล้ายหนวดของอสูรตัวก่อนหน้า นี่คือ
ผลของการวิวัฒนาการ
เจี้ยนหนันหู่ที่มาถึง เขาลงมือได้ช้าไป สุดท้ายแล้ว เขาจึงไม่อาจเอา
ชีวิตจอมราชันดวงดาวอสูรได้ก่อนมันจะวิวัฒนาการโดยสมบูรณ์
“มนุษย์ที่อ่อนแอ!” เสียงของจอมราชันดวงดาวอสูรเย็นเยือก ทุ้ม
ใหญ่ และคลุ้มคลั่ง
ตู้ม!
เท้าข้างหนึ่งฟาดเตะรุนแรงใส่ร่างเจี้ยนหนันหู่ เพียงพริบตา ร่างนั้นก็
กระเด็นมาทางฉินหยุนแล้ว
ฉินหยุนเร่งรีบเข้าไปรับตัวเจี้ยนหนันหู่เอาไว้
“ฉินหยุน? เร่งรีบหนีแล้ว! พวกเราต่อกรกับมันไม่ไหว มันเป็นถึง
ราชันยุทธ์!” เจี้ยนหนันหู่เผยน้ำเสียงร้อนรน
“หนีหรือ? สรรพสิ่งใดที่ข้าล้วนได้เห็น มันจะไม่มีโอกาสได้หลบหนี
ไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้ลอง!”
จอมราชันดวงดาวอสูรมีสามหัว เสียงพูดกล่าวของมันดังออกจาก
ปากของทั้งสามหัวโดยพร้อมกัน จากนั้นจึงเริ่มหัวเราะคลุ้มคลั่ง
ร่างสูงใหญ่ของจอมราชันดวงดาวอสูรพลันเหยียบย่างเข้ามา พื้นดิน
ถึงกับต้องสั่นไหวรุนแรง
“เสี่ยวหยุน รีบหนี!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว
“หยุนเอ๋อ ร่างกายเจ้านี่ใหญ่นัก หากข้าใช้ความสามารถเทวะทะลุ
ทะลวง อย่างนั้นสมควรเข้าไปในร่างมันได้ใช่หรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ย
ถามภายในใจ
“นั่นก็ใช่ แต่ว่า… ก็ได้ วิธีการนี้น่าจะใช้ได้ ทว่าอย่าได้ลืมถึงความ
เสี่ยง!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว
ทันใดนี้เอง ฉินหยุนพลันสัมผัสได้ถึงออร่าของเจี้ยนรั่วหยาน!
“รั่วหยาน เอาหมอนี่ไป!” ฉินหยุนโยนร่างเจี้ยนหนันหู่พุ่งไป
เจี้ยนหนันหู่ลอยลิ่วประหนึ่งก้อนหินถูกขว้าง เขาสบถเสียงดัง “ฉิน
หยุน เจ้าลูกเต่าตายยาก เจ้าอย่าได้คิดตายก่อนข้าเอาชนะเจ้า!”
เจี้ยนรั่วหยานรับตัวเจี้ยนหนันหู่ไว้ นางไม่ทราบว่าฉินหยุนขณะนี้
คิดทำอะไร
ตอนนี้เอง จอมราชันดวงดาวอสูรพลันปลดปล่อยบอลพลังงาน
รุนแรงพุ่งเข้าหาเจี้ยนรั่วหยานที่อยู่ไกลออกไป มันเป็นบอลแสงสีดำ
ที่พุ่งตรง!
ฉินหยุนพลันกระโดดพร้อมโจมตีด้วยพลังอสนีบาตอัคคีและสั่น
ไหว เป้าหมายคือบอลแสงสีดำ
“รั่วหยาน รีบไป!” ฉินหยุนตะโกน
เจี้ยนรั่วหยานได้เห็นอาการบาดเจ็บรุนแรงของเจี้ยนหนันหู่ นางย่อม
ตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งเพียงใด ดังนั้นนางจึงไม่คิดทำอะไร
บุ่มบ่าม
จอมราชันดวงดาวอสูรพอได้เห็นว่าฉินหยุนหาได้อ่อนด้อย มันจึง
เอ่ยน้ำเสียงทุ้มลึกดังขึ้น “ข้าสัมผัสได้ว่าเจ้ามีดีเก็บซ่อน! จงมาเป็น
ข้าทาสผู้ซื่อสัตย์แก่ข้า แล้วข้าจะมอบพลังที่เหนือกว่าที่มีขณะนี้สัก
สิบเท่า!”
“ข้าไม่สน!” ฉินหยุนมองไปยังร่างจอมราชันดวงดาวอสูร ขณะมอง
เขาก็หาโอกาสเพื่อบุกโจมตีเข้าไปด้วย
“เจ้าไม่ยินดีรับพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลหรอกหรือ? ตัวเจ้าตอนนี้
อ่อนแอนัก หากได้รับพลังที่ข้าประทานมอบให้ เช่นนั้นเจ้าจะ
แข็งแกร่งกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้อย่างน้อยก็สิบเท่า!” น้ำเสียงของจอม
ราชันดวงดาวอสูรแหบแห้งประหนึ่งฟ้าคำราม
“สิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่ข้าจะมีพลังเพิ่มเพียงใด แต่ข้าจะไม่มีวันเป็นข้า
รับใช้ผู้ใด!” ฉินหยุนแค่นเสียง “ข้าย่อมไม่ลดตัวไปเป็นข้าทาส!”
“มนุษย์ที่ต่ำต้อยเอ๋ย ได้มีโอกาสเป็นข้าทาสกล่าวได้ว่าเป็นเกียรติอัน
ล้นพ้นแล้ว กระนั้นเจ้ากลับไม่รับไว้งั้นหรือ?” จอมราชันดวงดาวอสูร
พลันทะยานร่างมาด้วยโทสะ “ตัวตนของข้าคือจอมราชันดวงดาว
อสูร เป็นผู้วิเศษที่พร้อมจะบังคับให้เจ้าเป็นข้าทาส!”
จอมราชันดวงดาวอสูรที่กราดเกรี้ยวสะบัดฝ่ามือวูบไหว โจมตีพุ่ง
เข้าตรงใส่ฉินหยุน
ฝ่ามือทั้งสี่มาถึงต่อหน้า พลังนี้รุนแรงเกินเทียบเปรียบ เป็นผลให้
พื้นดินต้องสั่นสะเทือนปริแตกแยกออกเป็นทางยาว
พื้นที่ซึ่งฉินหยุนยืนอยู่ เวลานี้ได้กลับกลายเป็นหลุมอุกกาบาตใหญ่
ยักษ์
จอมราชันดวงดาวอสูรมือคว้าจับร่างฉินหยุนเอาไว้แน่น เป็นมันเผย
ความตื่นตะลึงกล่าวคำออก “นี่เจ้าถึงกับมีตะวัน…”
ก่อนอีกฝ่ายจะทันได้พูดจบคำ ฉินหยุนได้ใช้ความสามารถเทวะทะลุ
ทะลวง เข้าสู่ภายในร่างใหญ่โตของจอมราชันดวงดาวอสูรเป็นที่
เรียบร้อยแล้ว