เวลานี้หลินจือไม่รู้ว่าต้องพูดอะไร ควีนส่งข้อความมาหาเธออีกครั้ง มีความโศกเศร้าปนอยู่ในน้ำเสียงนั้น ‘หลินจือ ในความสัมพันธ์ ตราบใดที่รักกันจริง ก็ไม่จำเป็นต้องสนใจว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรไม่ใช่เหรอ’
หลินจือขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่นานสองนาน แล้วตอบกลับไปอย่างจริงจัง ‘ถ้าเป็นไปได้ ก็พยายามขอให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด แต่ถ้าขอไม่ได้ ก็ทำได้เพียงเผชิญหน้ากับมันอย่างใจเย็น’
ดูเหมือนว่าควีนกำลังกลัดกลุ้มใจ หลินจือไม่รู้จะปลอบโยนหล่อนอย่างไร จึงทำได้เพียงแบ่งปันประสบการณ์ของตัวเองไปเท่านั้น
ในความสัมพันธ์ ไม่ว่าผลลัพธ์จะดีหรือไม่ จงมุ่งมั่นเพียงผลลัพธ์ที่ดีเสมอ
เมื่อพยายามแล้ว แต่กลับไม่ได้ผล ไม่ว่ามองเห็นหรือไม่ จะได้ไม่เสียใจในภายภาคหน้า
เช่นเดียวกันเธอและเทาเท่ในตอนนั้น ทั้งที่รู้ว่าระยะห่างระหว่างเราอยู่ไกลกันเหลือเกิน ยิ่งพยายามวิ่งเข้าหาเขา ท้ายที่สุดก็ต้องเป็นเธอที่เจ็บปวด แต่ในตอนนี้เธอไม่เสียใจอีกแล้ว
ไม่เสียใจที่ความรักในอดีตได้มอดไหม้ลงไป
ควีนยิ้มให้เธอเบาๆ แล้วตอบกลับมาว่า ‘ขอบคุณนะ’
หลินจือครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หยั่งเชิงถามขึ้น ‘ควีน คุณกำลังมีความรักใช่ไหม’
ควีนตอบกลับทันควัน ‘เปล่า’
ราวกับคิดว่าคำตอบนี้ตรงไปตรงมามากเกินไป ควีนจึงส่งข้อความมาอีกครั้ง ‘ฉันไม่ได้กำลังมีความรัก แค่เห็นความรักของทุกคนรอบตัวก็ละเหี่ยใจมากแล้ว’
แบบที่หล่อนรู้สึก มันไม่ใช่ความรัก
เป็นเพียงแค่… ร่างกายที่พัวพันกันอย่างมีลับลมคมในเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับความรักทั้งสิ้น
ไม่สิ ต้องบอกว่า คนคนนั้นไม่เกี่ยวข้องอะไรกับความรัก มีเพียงความปรารถนาชั่วครั้งชั่วคราว
และใช่ สำหรับเธอ มันคือความรัก
หลินจือเมื่อเห็นว่าควีนไม่อยากพูดอะไรไปมากกว่านี้ จึงไม่เซ้าซี้ถามอีก
หลังจากวางสาย หลินจือนั่งเงียบอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน บางทีอาจได้รับอิทธิพลจากอารมณ์ของควีน เธอปลงใจกับสิ่งที่เรียกว่าความรักมานานแล้วเช่นกัน
ความรู้สึกเมื่อไม่มีที่ระบาย เธอจึงมือลั่นโพสต์เวยป๋อของตัวเองในชื่อบัญชี ‘ใจหลินปลูกอุ่น’ ด้วยข้อความว่า ‘ความรักนี้เป็นสิ่งสุดโต่ง ไม่ชั่วชีวิต ก็เป็นคนแปลกหน้า’
เวยป๋อบัญชีนี้ใช้ครั้งสุดท้ายคือโพสต์ชี้แจ้งว่าตัวเองไม่สนับสนุนชาร์ลี หลังจากนั้นหลินจือก็ไม่ได้โพสต์อะไรอีกเลย
ในเวลานั้น เพราะเรื่องนี้ทำให้บัญชีของเธอมีผู้กดติดตามเป็นจำนวนมาก
หลังจากเธอถูกเปิดเผยว่าเป็นลูกสาวแท้ๆ ของจอร์แดน หลายคนเทียบเคียงรูปภาพแล้วพบว่าเธอเป็นคู่กรณีของเหตุการณ์นี้ เธอไม่ใช่ลูกสาวโดยกำเนิดของชาร์ลี และคล้องกับเรื่องที่ว่าเธอเป็นลูกสาวของจอร์แดน ช่วงเวลาเดียวกันนี้เวยป๋อของเธอก็มีแฟนคลับเพิ่มขึ้นอีก
หลายคนส่งข้อความมาหาเธอ หลินจือเปิดอ่าน และ…ต้องตอบกลับผู้หวังดีเหล่านั้นไปด้วยความอดทน
มีบางข้อความที่พูดถูกดูเหยียดหยาม ด่าทอมากมาย แต่หลินจือไม่สนใจ
แม้ว่าพวกคนเหล่านั้นจะมีใครบางคนเป็นหน้าม้าทางโซเชียล หรือเป็นเพียงพวกไร้ตรรกะคุณภาพต่ำ ทั้งหมดนั้นเธอไม่จำเป็นต้องให้ราคาพวกเขา เพราะยิ่งให้ความสนใจมากเท่าไหร่ พวกเขายิ่งเอ็ดตะโรแรงขึ้นเท่านั้น
นานิให้คำแนะนำแก่เธอ บอกว่า ในเมื่อเธอเปิดเผยใบหน้าต่อสาธารณชนแล้ว และยังประกาศว่าเป็นผู้เขียนบท “The Legend of Concubine Rong” และตำราเล่มใหม่ของอาจารย์จอร์แดน สิ่งสำคัญที่สุดคือเธอจะมีแฟนคลับเพิ่มมากขึ้น ควรจัดการบัญชีเวยป๋อให้ดี และสิ่งนี้จะช่วยให้เธอโปรโมตละครของตัวเองได้ในอนาคต
หลินจือคิดว่าคำพูดนี้สมเหตุสมผล ดังนั้นจึงอดทนตอบกลับไปหลายข้อความ
นานๆ ทีที่จะอัปเดตสถานะเวยป๋อด้วยอารมณ์แบบนี้ หลินจือไม่คาดคิดว่าจะได้รับข้อความและความคิดเห็นมากมายในทันใดเช่นนี้
หลายคนเป็นห่วงเป็นใยเธอ
‘คุณเป็นอะไร ผู้ชายหน้าไหนมารังแกคุณรึเปล่า’
‘คุณอย่าเศร้าไปเลย ตอนนี้คุณมีทั้งฐานะทางสังคม มีคุณค่า สวยสง่า แถมยังเก่งขนาดนี้ หากต้องการผู้ชายแบบไหนมีหรือจะไม่มี’
และยังมีบางคนที่บิดเบือนไปถึงอดีตสามีของเธอ
‘จุ๊ จุ๊ ไม่รู้ว่าอดีตสามีของคุณหลังจากเห็นว่าคุณมีชีวิตที่ดีกว่าเดิม เขาจะนึกเสียใจหรือเปล่า ที่คุณเป็นถึงลูกสาวของตระกูลแม็กซิมัส’
‘พูดตามตรงเลยนะ อยากรู้จริงๆ คุณกับอดีตสามีมาอยู่ด้วยกันได้อย่างไร และหย่ากันได้อย่างไร’
‘ฮือฮือฮือ คุณเขียนดีขนาดนี้ ไม่คิดอยากเขียนเรื่องราวของคุณกับอดีตสามีดูบ้างเหรอ’
เมื่อหลินจือได้อ่านความคิดเห็นและข้อความเหล่านั้น พลันรู้สึกหัวเราะก็ไม่ออกร้องไห้ก็ไม่ได้
เธอตอบกลับความคิดเห็นไปทันที ‘ไม่มีใครรังแกฉันหรอก ฉันเพียงแค่ปลงใจเท่านั้น’
หลินจือครุ่นคิดแล้วตอบกลับไปอีกว่า ‘ระหว่างฉันกับคุณอดีตสามีเป็นเรื่องในอดีตไปแล้ว หวังว่าทุกคนจะไม่พูดถึงเรื่องนี้กันอีก’
หลินจือตอบกลับช่องความคิดเห็นไปอย่างใจเย็น แต่ของเทาเท่กลับจิตใจไม่สงบหลังจากเห็นเวยป๋อข้อความนั้นของเธอ
อย่างแรก ข้อความนั้นที่หลินจือโพสต์ลงเวยป๋อ ‘ความรักนี้เป็นสิ่งสุดโต่ง ไม่ชั่วชีวิต ก็เป็นคนแปลกหน้า’ ทันใดนั้นหัวใจเขาพลันจุกขึ้นมาถึงลำคอ ในสมองคาดการณ์เรื่องไม่ดีมากมายขึ้นมาในหัว
เธอหมายความว่าอย่างไร
เพราะโกรธเรื่องเมื่อคืนงั้นเหรอ หรือคิดที่เมินเฉยต่อเขาไปตลอดชีวิตจริงๆ?
ครั้นกำลังจะโทรหาหลินจือเพื่อชดใช้สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน พลันเห็นเธอตอบกลับใต้คอมเมนต์ว่า เป็นแค่ความรู้สึกปลงใจเพียงเท่านั้น เขาก็โล่งใจขึ้นมาสักหน่อย
วินาทีถัดมาเห็นข้อความตอบกลับใหม่ของเธออีก บอกว่า เรื่องของเขากลายเป็นอดีตไปแล้ว หวังว่าแฟนๆ จะไม่เอ่ยถึงมันอีกในอนาคต
เท่านี้ก็เพียงพอทำให้เขาบันดาลโทสะขึ้นมาได้ เธอใช้คำว่า ‘คุณอดีตสามี’ เพื่อบรรยายถึงเขา เทาเท่โกรธจนกล้ามเนื้อหัวใจกระตุกเกร็ง
ยิ่งไปกว่านั้น โซเมนยังยืนสอดเรื่องชาวบ้านอยู่ตรงนี้ เยาะเย้ยถากถางโดยการแอดเขาในกลุ่มพวกเขาสี่คน และพิมพ์เน้นย้ำคำว่า ‘คุณอดีตสามี’ ส่งเข้ามาในกลุ่ม
สีหน้าของเทาเท่เคร่งขรึมขึ้น ชายหนุ่มเดือดดาลจนอยากฆ่าคนให้ตาย
เธอไปได้ชื่อเรียกโง่ๆ แบบนี้มาจากไหนกัน!
และข้อความที่เหล่าแฟนคลับแสดงความคิดเห็น ยังทำลายหัวใจเขาอีกมากมาย
โดยเฉพาะคำพูดที่ว่า ไม่ใช่ว่าสามีของเธอเสียใจจนแทบกระอักไปแล้วหรือ ใช่ เขาเสียใจจริงๆ แต่ไม่ใช่เพราะว่าเธอพลิกฐานะมาเป็นลูกสาวของตระกูลแม็กซิมัส แต่เขาเสียใจที่ไม่ตระหนักถึงความดีของเธอให้เร็วกว่านี้ เสียใจที่รักษาเธอไว้ไม่ได้
เทาเท่รู้สึกว่าการที่หลินจือเรียกเขาว่า ‘คุณอดีตสามี’ ช่างเป็นการประชดประชันได้ดีทีเดียว
แต่หลินจือกลับคิดว่า ที่ตัวเองเพิ่มคำว่า “คุณ” คำนี้เข้าไปด้วย เพื่อเป็นการให้เกียรติเทาเท่ หากเธอพูดว่าอดีตสามีไปเลยตรงๆ ก็ดูจะยังไงๆ มันดูต่ำไปสักหน่อย
และอีกอย่างเทาเท่เป็นบุคคลมีฐานะ เรียกว่าคุณอดีตสามี ก็สุภาพมากแล้ว
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่หลินจือไม่คาดคิด หรือเพราะเธอพลั้งปากเรียกออกไป เหล่าแฟนคลับของเธอจึงเรียกตามทันที ในบางคอมเมนต์ใช้คำว่า “คุณอดีตสามี” มาอธิบายถึงเทาเท่
ตอนแรกหลินจือไม่ได้รู้สึกอะไร แต่เมื่อแฟนคลับเริ่มพูดคำนี้กันเยอะขึ้น ยิ่งรู้สึกว่า ความหมายของมัน…ดูกระแนะกระแหนอยู่สักหน่อย
หลินจือกุมหน้าผากค้ำอยู่บนโต๊ะคอมพิวเตอร์ บอกตัวเองให้เลิกคิดถึงเทาเท่ ทำไมพวกเธอยังมีห่วงอยู่ไม่ปล่อยวางไปสักที?
เป็นเวลาเดียวกันที่โทรศัพท์มือถือได้รับข้อความเสียงจากเทาเท่ เขากัดฟันพูดด้วยความเย้ยหยัน “อดีตภรรยาที่รัก ขอบคุณสำหรับชื่อเรียกใหม่ที่คุณสร้างขึ้นมาให้ผม”
“คุณเชื่อไหมผมจะเปิดเผยว่าตอนนี้ผมคือคุณอดีตสามีที่คุณเรียก ทำไมคุณกับคุณอดีตสามีคนนี้ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องในอดีต และตอนนี้ยังคงสานสัมพันธ์กันอยู่”
หลินจือ “…”
เธอบอกเลยว่าเขาเป็นบ้า เขาเสียสติไปแล้ว