บทที่ 225 ตอนนี้เธอไม่คุ้นเคยกับเขาแล้ว

อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า)

หลินจือตอบกลับเขาไปอย่างไม่ยอมอ่อนข้อเช่นกัน ‘ทำไม คุณไม่พอใจกับชื่อนี้งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นคุณคิดว่าฉันควรเรียกคุณว่าอะไรดีล่ะ’

ไม่รู้เหมือนว่าเพราะอะไร ตั้งแต่ที่เธอกลับประเทศมาหลังจากได้ติดต่อกับเทาเท่อีกครั้ง พวกเขาทั้งคู่ไม่เคยพูดคุยกันด้วยคำพูดดีๆ เลยสักครั้ง แปดในสิบที่พูดคุยกันต้องจบด้วยการแยกย้ายกันทุกครั้งไป

ประโยคที่หลินจือพูดตัดบท คือเหตุผลของเธอ

เมื่อก่อนเธอคอยเอาใจใส่เทาเท่อยู่เสมอ พยายามทำให้เขามีความสุข ทำให้เขารู้สึกดีกับเธอ ไม่เคยมีอารมณ์ฉุนเฉียวใดๆ ต่อหน้าเขาให้เห็น

เขาพูดอะไรต้องเป็นสิ่งนั้น เขาต้องการแบบไหนเธอจะเป็นแบบนั้น ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้

ตอนนี้เมื่อมีวุฒิภาวะ เวลาเขาพูดอะไรที่เธอไม่อยากฟัง เธอจะสวนกลับไปทันที ไม่สนใจว่าเขาจะมีความสุขหรือไม่ก็ตาม

เมื่อเขาทำตัวไม่ดี เธอจะด่ากลับไป ไม่สนว่าเขาจะโกรธหรือไม่

เพียงช่วงเวลาสั้นๆ ตอนนี้เธอกลับรู้สึกไม่คุ้นเคยกับเขาอีกแล้ว

พฤติกรรมของหลินจือแสดงออกอย่างชัดเจนว่ากำลังตอบโต้เขา เทาเท่จ้องมองปลายสายอย่างโกรธจัด ไม่นานจึงกัดฟันตอบกลับข้อความเสียงของเธอ “หลินจือ คุณใจบ้าบิ่นนักหรือไง”

เธอวางสายเขาไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ หลังจากนั้นช่องทางการสื่อสารทั้งหมดของเขาก็ถูกบล็อก หนำซ้ำเมื่อคืนเธอยังทุบตีเขา ดุด่าเขา เป็นแบบนี้ต่อไป เธอคิดว่าจะได้ขึ้นสวรรค์งั้นเหรอ

“เปล่า” เธอเผชิญหน้ากับคำกล่าวโทษตัวเองจากเทาเท่ หลินจือปฏิเสธเบาๆ แล้วพูดจี้ถูกใจดำไป “เทาเท่ ฉันไม่ได้รักคุณอีกแล้ว”

หลังจากพูดจบก็วางโทรศัพท์ไว้ข้างๆ โดยไม่สนใจเขาอีก

หลินจือไม่รู้ว่าทำไมวันนี้ตัวเองถึงอารมณ์หงุดหงิดง่ายขนาดนี้ เป็นไปได้ว่าอาจเพราะเมื่อคืนที่เทาเท่ทำมากเกินไป หรืออาจเป็นเพราะว่าประจำเดือนเธอกำลังจะมา จึงรู้สึกไม่สบายตัว

หลินจือมุ่งสมาธิไปที่งาน เทาเท่กลับถูกคำพูดว่า ‘ฉันไม่รักคุณอีกแล้ว’ ของเธอทิ่มแทงเข้ามาตรงกลางหน้าอกอย่างแรง เขาเม้มริมฝีปาก เอนหลังพิงเก้าอี้ทำงาน แล้วหลับตาลงเงียบๆ

ตั้งแต่หย่าร้างกันจนกระทั่งตอนนี้ เธอพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าเธอไม่รักเขาแล้ว

เขาบอกตัวเองอยู่ภายในใจว่า ไม่ต้องทุกข์ใจไม่ต้องหดหู่มันเป็นเรื่องโกหก แต่เมื่อคิดถึงความเย็นชาของตนเองที่มีต่อเธอในตอนนั้น ทำให้ตัวเองเขาต้องประสบความเย็นชาเช่นกันในวันนี้

เขาเคยพูดบ้าๆ ไว้ว่า “ชีวิตนี้จะไม่มีวันตกหลุมรักเธอ” พูดตัดความหวังเธออีกว่า “มีลูกกับผู้หญิงที่เขาไม่ได้รักไปทำไม” และยังพูดอีกว่า เธอไม่คู่ควรที่จะให้กำเนิดลูกของเขา

ทว่าตอนนี้ ยอมรับว่าคนที่ตกหลุมรักเธอ ขาดเธอไม่ได้ คือเขาเอง

คนที่อ้อนวอนให้เธอยกโทษให้ คนที่ขอเธอแต่งงานใหม่และมีลูกด้วยกัน คือเขาเอง

ใบหน้าของเทาเท่ถูกตบอย่างแรงด้วยการกระทำเลวทรามเมื่อในอดีตของตัวเอง

จอนห์เคาะประตูแล้วเดินเข้ามา พูดขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางไม่ค่อยดี “ท่านประธานเทาเท่ มีบางเรื่องที่ผมไม่รู้เหมือนกันว่าควรพูดหรือไม่”

เทาเท่ระงับสติอารมณ์ตัวเอง แล้วเอ่ยถามเบาๆ “เรื่องอะไร”

จอนห์ชำเลืองมองเขา พูดขึ้นอย่างจำใจ “วอลนัทคนนั้น เขาไปสืบเสาะหาโทรศัพท์ของหลินจือไปทั่วทุกที่ และยังพูด…”

จอนห์ลังเลในคำพูด ทันทีที่เทาเท่ได้ยินชื่อวอลนัทชื่อนี้ พลันรู้เลยว่าต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ

วอลนัทคนนี้เป็นคนเกเรเกตุงชื่อเสียงฉาวโฉ่กระฉ่อนเมืองเจสเวิร์ด ผลาญเงินพ่อตัวเองเที่ยวเตร่ ดื่มเหล้ามั่วผู้หญิงไปวันๆ ทำตัวกร่าง ไร้ความยำเกรง

แม้ว่าเทาเท่จะเป็นผู้ชายเจ้าสำราญเช่นกัน แต่เขาเป็นคนมีความสามารถ มีกำลัง มองการณ์ไกล ฉลาดหลักแหลม และมีกลยุทธ์ ทุกวันนี้ตระกูลแมคเคนซีต้องคอยพึ่งพาเขา

ความสำราญของเขา อาศัยจากความสามารถของตัวเขาเอง แต่วอลนัทเป็นแค่คนที่คอยแต่พึ่งพาอาศัยพ่อแม่ ทุกอย่างต้องคอยแต่พึ่งพาอาศัยผู้เป็นพ่อ

เทาเท่ถามจอนห์ด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “และยังอะไร”

จอนห์หายใจเข้าลึกๆ แล้วเอ่ยว่า “เขาบอกว่าเขาจะรวบหัวรวบหางหลินจือ จะได้เป็นลูกเขยของตระกูลแม็กซิมัส…”

นี่เป็นสาเหตุที่จอนห์ไม่กล้าบอกความจริงกับเทาเท่ตั้งแต่แรก อย่าว่าแต่เทาเท่เลย แม้เขาเองเมื่อได้ยินคำพูดนี้ยังอยากซัดวอลนัทสักหมัด ช่างน่าขยะแขยงจริงๆ

เป็นไปตามคาด เมื่อเห็นชั้นน้ำแข็งอันเยือกเย็นปกคลุมบนใบหน้าของเทาเท่ “มันคิดว่าตัวเองตายช้าเกินไปใช่ไหม!”

“ไม่ใช่ว่ามันเล่นยา เที่ยวซ่องโสเภณีหรอกเหรอ เผยแพร่เรื่องพวกนี้ออกไป เศษสวะอย่างมันคิดจะมาตามจีบหลินจือ ไม่ดูสารรูปตัวเอง!”

เทาเท่เย้ยหยันก่อนจะออกคำสั่งให้จอนห์ คนที่หาได้ถมเถไปอย่างวอลนัท กล้าดีอย่างไรมายั่วหลินจือ มันกำลังรนหาที่ตายอยู่ใช่ไหม

เดิมทีคนอย่างวอลนัทไม่มีคุณสมบัติมากพอที่เทาเท่ต้องจัดการด้วยตัวเอง แต่ในเมื่อมันรนหาที่ตาย เขาต้องสงเคราะห์ให้เสียหน่อย

จอนห์พยักหน้ารับคำสั่ง “ครับ ผมจะไปจัดการให้”

หลังจากที่จอนห์เดินจากไปเทาเท่ยังครุ่นคิดเรื่องนี้อย่างไม่สบอารมณ์ จึงต่อสายหาจอนห์อีกครั้ง เขาสั่งกำชับเสียงเข้ม “ก่อนจะเปิดโปงเรื่องอื้อฉาวของมัน ให้หาใครสักคนไปสั่งสอนมันสักหน่อย”

ถ้าไม่ใช่กลัวว่าคนน่าขยะแขยงอย่างวอลนัทจะแปดเปื้อนมือเขา ตอนนี้เขาคงไปสั่งสอนมันถึงหน้าประตูหน้าบ้านซะเอง

จอนห์เข้าใจคำสั่ง “คุณวางใจได้ครับ เมื่อไม่นานมานี้มันเพิ่งไปยั่วดาราสาวคนหนึ่ง แต่ความจริงแล้วดาราสาวคนนั้นมีนักลงทุนคนหนึ่งคอยหนุนหลังอยู่ ผมจะให้คนไปแหย่เรื่องนี้นักลงทุนคนนั้น ให้เขาเป็นคนลงมือ”

เทาเท่กดวางสายไปด้วยความพึงพอใจ

เป็นไปตามคาด ไม่นานข่าววอลนัทถูกซ้อมกลางห้องอาบน้ำจนต้องถูกนำส่งตัวไปยังโรงพยาบาลด้วยใบหน้าเขียวช้ำก็แพร่กระจายออกมา ผู้แจ้งเบาะแสกล่าวว่า กล่องดวงใจของวอลนัทเกือบถูกคู่กรณีตัดทิ้ง

ทันทีที่มีข่าวออกมา หลายคนค่อนข้างพึงพอใจ เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ชอบขี้หน้าวอลนัทคนนี้มานานแล้ว

หลังจากนั้นวอลนัทก็ถูกขุดคุ้ยเรื่องอื้อฉาวมากมาย ซึ่งทั้งหมดล้วนขัดกับบรรทัดฐานของกฎหมาย เขาถูกตำรวจจับกุมขณะที่ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ได้ยินมาว่าเขาร้องห่มร้องไห้อ้อนวอนอยู่ในห้องผู้ป่วย แต่กลับไม่มีใครช่วยเขาได้

แม้แต่พ่อของเขาก็ไม่อาจปกป้องเขาได้ ประการแรก เพราะเรื่องนี้ใหญ่หลวงเกินไป ข่าวอื้อฉาวโจษจันกันไปทั่วทั้งเมืองแบบนี้ แม้นพ่อเขาอยากช่วยก็ทำไม่ได้ และก็ไม่มีใครกล้าดำเนินการให้เขาเช่นเดียวกัน

ประการที่สอง นักลงทุนคนนั้นที่วอลนัททำให้ขุ่นเคืองใจไม่ใช่คนไม่มีอำนาจ พ่อของเขาสู้ใครไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้เลย

แต่ตระกูลซาโดมีลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียว พ่อของเขาจึงทำได้เพียงไปหานักลงทุนคนนั้นเพื่อร้องขอความเมตตา ใครจะรู้ว่าคนนั้นกลับพูดเพียงเบาๆ ว่า “คุณอยากรู้ความจริงไหม”

คุณคุณพ่อวสินพยักหน้าอย่างรวดเร็ว นักลงทุนคนนั้นเอ่ยเสียงเรียบ “ผมรู้การกระทำของลูกชายคุณมาจากคนอื่นเหมือนกัน แต่ใครที่แย่ให้ผมทำเรื่องนี้ ผมก็ไม่รู้”

คุณคุณพ่อวสินงุนงง ในเมื่อเรื่องที่วอลนัทเป็นชู้กับเด็กของเขา นักลงทุนคนนี้ไม่ได้เป็นคนจับได้ด้วยตัวเอง เช่นนั้นใครเป็นคนเปิดโปงออกมา

นักลงทุนคนนั้นพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “แทนที่จะมาวุ่นวายที่นี่ สู้กลับไปถามไอ้ลูกเส็งเคร็งของคุณบ้างล่ะว่าทำอะไรไว้ ไม่ทำให้ใครเขาขุ่นเคืองใจไว้บ้าง”

จากนั้นปิดประตูไล่แขกกลับไป

คุณพ่อวสินคิดอะไรไม่ออก จึงไปที่สถานีตำรวจเพื่อขอพบวอลนัท

ใบหน้าของวอลนัทเขียวช้ำและบวมเบ่งอย่างสุดทน บนมือและเท้าสวมกุญแจมือและโซ่ตรวน ทันทีที่เห็นคุณพ่อวสินเขาก็ร้องไห้ออกมา “พ่อ พ่อรีบหาทางช่วยผมเร็วสิพ่อ! ผมทนเป็นผีอยู่ในนี่ไม่ไหวแล้ว รับไม่ได้กับชีวิตที่โหดเหี้ยมไร้มนุษยธรรมแบบนี้”

คุณพ่อวสินตวาดขึ้นมา “ถึงตอนนี้เพิ่งรู้จักที่จะกลัวงั้นเหรอ ตอนนั้นถ้าแกยับยั้งใจสักเล็กน้อย ไม่ใช่ว่ายังทำเป็นหูทวนลม”

“ตอนนี้ลำบากแล้วล่ะ คนที่แกทำให้ขุ่นเคืองเป็นผู้มีอิทธิพล เห็นอยู่ทนโท่ว่าทุกคนกำลังกลั่นแกล้งแก!” หลังจากคุณพ่อวสินตะโกนออกมา สีหน้าของวอลนัทพลันตกตะลึง