คุณสามี แห่ง ปาฏิหาริย์ บทที่ 574
ความคิดของเมแกนยังคงทำให้แดร์ริลโกรธเคืองอยู่ อย่างไรก็ตามเขาก็ต้องการจะสังสรรค์กับบรรดาพี่น้องของเขา เขาจึงเก็บเรื่องของเมแกนไว้ในใจก่อน

“ดื่มเลย ดื่มเลย!” แด๊กซ์ชูแก้วของเขาขึ้นและตะโกน “พวกนายทั้งหมดจะต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่ขับแอลกอฮอล์ออกมาด้วยกำลังภายใน! จากนั้นเราจะมาดูกันว่าใครคออ่อนที่สุด!”

“ใครจะกลัวนาย ดื่ม!” พวกเขาชนแก้วและกระดกไวน์ลงคอ ไวน์ในแก้วของพวกเขาใส่ได้ไม่เพียงพอพวกเขาจึงเปลี่ยนมันเป็นถ้วยชามแทน พวกเขาดื่มไวน์จากถ้วยชาม ชามแล้วชามเล่า

โบราณกล่าวไว้ว่าลูกผู้ชายจะสนิทสนมกันได้ก็โดยแอลกอฮอล์ มันคงจะเป็นความจริง

พวกเขาไม่รู้ตัวว่าพวกเขาดื่นจนเมามายมากขนาดไหน ทันใดนั้นเชสเตอร์ก็ยกชามของเขาในขณะที่เขาลุกขึ้นยืนและป่าวประกาศ “แดร์ริลและแด็กซ์ มันคือเกียรติของฉันที่ได้รู้จักกับพวกนายทั้งสองคน งั้นเรามาเป็นพี่น้องร่วมสาบานกันอย่างเป็นทางการเลยดีไหม?”

“ได้!” พวกเขาต่างมองหน้ากันและหัวเราะร่า

แด๊กซ์ทุบโต๊ะ “พี่ชายเชสเตอร์ ผมก็คิดเหมือนกัน! ฮ่าฮ่า!”

นับตั้งแต่คัลลัม เวบบ์ได้ถ่ายโอนกำลังภายในของเขาทั้งหมดไปให้แด๊กซ์ เขาก็รู้สึกผูกพันกับนิกายตำหนักอมตะ หลังจากที่เขามาถึงเกาะอมตะและได้พบเจอเชสเตอร์ ราชสีห์ทองคำและคนอื่น ๆ ความชอบพอของเขาสำหรับนิกายก็เพิ่มพูน บรรดาผู้คนเหล่านี้มีทั้งความซื่อสัตย์และทั้งความยุติธรรม!

เขาปรารถนาที่จะสานสัมพันธ์กับพวกเขาให้เหนียวแน่น เมื่อเชสเตอร์ต้องการที่จะกลายเป็นพี่น้องร่วมสาบาน เขาก็เห็นด้วยในทันที!

แดร์ริลก็มีความสุขอย่างล้นหลามด้วยเช่นกัน เขาลุกขึ้นยืนและเติมถ้วยชามให้เต็มด้วยไวน์ เขาเฉือนนิ้วชี้ของเขาให้เลือดไหลด้วยดาบกลืนโลหิต

ชิ้ง!

เลือดหยดลงไปในไวน์

เพื่อที่จะกลายเป็นพี่น้องร่วมสาบานกันพวกเขาจะต้องดื่มเลือดในไวน์ของกันและกัน

เชสเตอร์มองไปที่ชายสองคนฉีกยิ้มให้พวกเขาและพวกเขาก็ทำแบบเดียวกัน หยดเลือดลงในไวน์

ตุ้บ!

ทั้งสามคนคุกเข่าลงและก้มกราบคำนับให้กับท้องฟ้าเพื่อทำพิธีร่วมสาบานให้สำเร็จ

“เทพเจ้าบนสรวงสวรรค์ ข้าพเจ้าเชสเตอร์ วิลสัน”

“ข้าพเจ้า แดร์ริล ดาร์บี้”

“และข้าพเจ้า แด๊กซ์ แซนเดอร์ส”

“เราเห็นพ้องต้องกันที่จะช่วยเหลือซึ่งกันและกันในยามทุกข์และยามโศก เทพเจ้าโปรดเป็นพยาน เราสามคนยินดีที่จะกลายเป็นพี่น้องร่วมสาบาน!” พวกเขาตะโกนในความพร้อมเพรียงกัน

ตุ้บ! ตุ้บ! ตุ้บ!

พวกเขาก้มกราบคำนับท้องฟ้าสามครั้งและช่วยกันพยุงตัวขึ้น

เรียงตามอายุของพวกเขา เชสเตอร์นั้นคือผู้อาวุโสสุด แดร์ริลคือคนกลาง และแด๊กซ์นั้นอ่อนวัยมากที่สุด

พวกเขาเคยชินกับวิธีการเรียกขานซึ่งกันและกันก่อนหน้านี้ การที่จะต้องเปลี่ยนสรรพนามของพวกเขาเป็น ‘พี่ชายอาวุโส’ หรือ ‘พี่ชายคนรอง’ มันน่ากระอักกระอ่วนใจเล็กน้อย ดังนั้นพวกเขาจึงยึดถือตามแบบเดิมของพวกเขา

กลับมาที่โต๊ะรับประทานอาหาร คนอื่น ๆ ก็รู้สึกตื่นเต้นตามไปด้วย พวกเขาดื่มกันอย่างไม่หยุดไม่หย่อน

หลังจากดื่มไวน์เข้าไปมากมาย แดร์ริลบ่นออกมานิดหน่อย “พี่ชายเชสเตอร์ ทำไมอาหารพวกนี้มีแต่ผัก?”

หลังจากดื่มกันไปมากมายแล้ว แน่นอนที่ว่าพวกเขาต้องการจะทานเนื้อสัตว์

เชสเตอร์หัวเราะ “พวกนายสองคนควรรู้ไว้ว่าอาหารในคืนนี้ทุกจานเป็นฝีมือของภรรยาฉัน! เธอเป็นมังสวิรัติ เธอรู้สึกว่าการกินเนื้อสัตว์เท่ากับการฆ่า ฉะนั้นเธอจึงไม่ให้ฉันกินเนื้อสัตว์ ฉันหวังว่าพวกนายสองคนคงจะเข้าใจ! ฮ่าฮ่า! ภรรยาของฉันรู้ว่าพวกนายกำลังจะมาเยี่ยมเยือน เธอเลยยืนยันที่จะปรุงอาหารเพื่อพวกนายทั้งคู่ ฉันห้ามเธอไว้ไม่ได้! ฉันหวังพวกนายคงจะพอรับมือไหว! ฮ่าฮ่า!”

ในเวลาที่กล่าวถึงภรรยาของเขาอดีนา ใบหน้าของเชสเตอร์ก็เปี่ยมไปด้วยความปลื้มปรื่ม เชสเตอร์รักภรรยาของเขามากจริง ๆ

“อ่อ อย่างงี้นี้เอง” แดร์ริลหัวเราะ แดร์ริลมีความประทับใจครั้งแรกที่ยอดเยี่ยมกับภรรยาของเชสเตอร์ อดีนาเป็นผู้หญิงที่มีความเป็นมารดาสูงด้วยสีหน้าท่าทางอันอ่อนโยนของเธอ ทุกคนสามารถเห็นได้ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่จิตใจดีเป็นพิเศษ

ความจริงที่จะต้องกล่าวคือฝีมือการทำอาหารของอดีนานั้นยอดเยี่ยมมาก อาหารทุกจานมันมีรสชาติที่น่าทึ่ง! เชสเตอร์จะต้องทำบุญมาดีมากเมื่อชาติปางก่อนเขาถึงได้มาแต่งงานกับผู้หญิงที่ดีพร้อมแบบเธอได้

เชสเตอร์ยิ้ม “และอีกอย่าง ฉันยังไม่ทันได้แนะนำอดีนาให้พวกนายได้รู้จักอย่างเป็นทางการเลย เมื่อตอนบ่าย เดี๋ยวฉันจะพาตัวเธอมาเพื่อพบกับพวกนายทุกคน”

เชสเตอร์สั่งให้หญิงสาวรับใช้ “ไปที่ห้องครัวและดูว่าอดีนาทำกับข้าวเสร็จหรือยัง พาเธอมาหาบรรดาพี่น้องของฉัน”

“ค่ะ ท่านประมุข” หญิงสาวรับใช้ขานรับและรีบวิ่งออกไปจากห้องโถง

แด๊กซ์หัวเราะ เขากล่าวถามเชสเตอร์ “พี่ชายเชสเตอร์ พี่เจอกับอดีนาได้ยังไง?”

เชสเตอร์กระดกไวน์อึกใหญ่และเริ่มพล่าม “อดีนาและฉันเป็นเพื่อนร่วมห้องเรียน เธอคือลูกสาวของตระกูลที่มั่งคั่ง ฉันเป็นเพียงเด็กนักเรียนที่ยากจนในสมัยนั้นและฉันยังไม่ได้เข้าร่วมกับนิกายตำหนักอมตะ เรานั่งโต๊ะเรียนติดกัน และความสัมพันธุ์ของเราก็เติบโตขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป”

เชสเตอร์ยิ้มอย่างเจื่อน ๆ “ตอนที่เรายังเป็นแค่เด็กนักเรียนฉันเองมาจากครอบครัวที่ยากจน ฉันจะไปครองรักกับทายาทที่ร่ำรวยได้ยังไง? เธอถูกเตะออกจากตระกูลของเธอก็เพราะฉัน ฉันรู้สึกผิดและฉันยังรู้สึกว่าทำให้ชีวิตของเธอลำบาก เมื่อฉันเข้าร่วมกับนิกายเธอก็ร่วมเดินทางมากับฉันที่เกาะแห่งนี้ ฉะนั้นฉันจึงเป็นผูกพันกับเธอมาก มันเลยเป็นเหตุผลที่ฉันรักเธอมาก”

หลังจากเล่าเรื่องจบ เชสเตอร์ก็ฉีกยิ้มอย่างเริงร่า

แด๊กซ์กับแดร์ริลมองหน้ากันและพลันยิ้ม ในที่สุดอดีนาก็ได้รางวัลตอบแทนจากความเสียสละของเธอ ซึ่งในตอนนี้เชสเตอร์เองก็ได้ขึ้นเป็นประมุขนิกาย เขาดูแลสาวกเป็นแสน ๆ คน