DC บทที่ 243: การกลับมาของเจ้านิกาย

 

“ท่านสามารถวางใจได้ ท่านผู้นำนิกาย ข้ามิได้มีความคิดที่จะทำลายวันเวลาอันสงบสุขของข้าที่มีอยู่อย่างจำกัดไปกับแค่วิญญาณพิทักษ์” ซูหยางกล่าว

 

เพราะว่าใครจะรู้ว่าความปั่นป่วนวุ่นวายแบบไหนจะเกิดขึ้นเมื่อเขากลับไปยังสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ ซูหยางจึงต้องการอย่างน้อยมีความสุขไปกับช่วงเวลาสุขสงบนี้

 

โหลวหลานจีไม่ได้สงสัยซูหยางเพราะมีเหตุผลบางอย่าง ถ้าเป็นใครคนอื่นมาอยู่ต่อหน้าเธอตอนนี้ การสนทนาของพวกเขาต้องแตกต่างกันอย่างมากและต้องไม่ใช่อะไรที่สุขสงบเรียบระงับ

 

นี่เหมือนราวกับว่าเธอเชื่อซูหยางโดยไม่มีเงื่อนไข และกระทั่งโหลวหลานจีก็รู้ถึงจุดนี้

 

“นี่เป็นเพราะท่าทางเรียบเฉยของเขาหรือเป็นเพราะเสน่ห์ของเขาที่มีผลกระทบต่อข้าเช่นนี้ แม้ว่าเขาเป็นเพียงแค่เด็กและข้าก็เป็นถึงผู้นำนิกาย…มันเป็นเช่นนี้นับตั้งแต่การประเมินศิษย์ใน…” โหลวหลานจีจ้องมองซูหยางด้วยสายตาครุ่นคิด ราวกับงงงันไปกับตัวตนของเขา

 

“อย่างไรก็ตามยังมีอะไรอีกไหมที่ท่านต้องการที่นี่ ข้าจักตอบทุกคำถามของท่านเกี่ยวกับน้ำมันรัญจวนยามเมื่อท่านปฏิบัติตามข้อตกลงฝั่งของท่านเรียบร้อยแล้ว”

 

โหลวหลานจีส่ายหน้าของเธออย่างรวดเร็วและกล่าวว่า “ตราบเท่าที่เจ้ารักษาคำสัญญาและปิดปากแน่นเกี่ยวกับวิญญาณพิทักษ์ ข้ามิมีสิ่งอื่นใดอีกที่จะพูดกับเจ้า”

 

หลังจากกล่าวถ้อยคำเหล่านี้แล้ว โหลวหลานจีก็หันกายตรงไปยังทางออก

 

อย่างไรก็ตามก่อนที่เธอจะทันได้ก้าวไปถึงสองก้าว ซูหยางก็อ้าปากพูดว่า “ผู้นำนิกาย ในเมื่อท่านมาที่นี่แล้ว ทำไมมิให้ข้าปลดปลอยความกดดันจากร่างท่านเหมือนครั้งก่อนหน้านี้”

 

ซูหยางไม่ปรารถนาปล่อยโหลวหลานจีไปง่ายๆในเมื่อเธอมาที่นี่แล้ว

 

โหลวหลานจีพลันหยุดเคลื่อนไหวหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเขาและหันกายไปจ้องมองเขาพร้อมหรี่ตา

 

“อย่าทำอะไรเกินตัว ซูหยาง สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการทดสอบศิษย์ในนั้นเป็นเหตุการณ์เฉพาะ อย่าคิดว่าเจ้าสามารถทำเหมือนกับว่าข้าเป็นเพียงแค่ศิษย์อีกคน เพราะว่าเราร่วมฝึกคู่กันหนึ่งครั้งระหว่างการทดสอบ”

 

“ท่านสามารถพูดอะไรก็ได้ที่ท่านต้องการแต่ข้าสามารถบอกได้ว่าร่างกายของท่านเต็มไปด้วยความหงุดหงิด เป็นเช่นนี้มานานเท่าไหร่แล้วนับตั้งแต่ท่านได้ปลดปล่อยตนเองครั้งสุดท้าย” ซูหยางพูดพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า “นี่ไม่ดีต่อร่างกายถ้าท่านเก็บมันไวเช่นนั้น รู้ไหม”

 

“ไร้สาระ” เสียงโหลวหลานจีมีเสี้ยวของความโกรธเจือปน แต่นั่นเป็นเพราะซูหยางชี้ตรงเป้าเกี่ยวกับร่างกายของเธอรู้สึกหงุดหงิด

 

ขณะที่เธอไม่ต้องการที่จะยอมรับมัน ครั้งสุดท้ายที่โหลวหลานจีร่วมฝึกคู่ก็ยามเมื่อซูหยางไปเยี่ยมเธอในฐานะจักรพรรดิสวรรค์ หลายอาทิตย์ก่อน

 

“ท่านจะได้อะไรจากการโกหกเรื่องนี้ ข้ารู้ ท่านรู้ และยิ่งไปกว่านั้น ร่างกายของท่านก็รู้”

 

“…”

 

โหลวหลานจีเงียบไปในยามนี้ ใบหน้าเธอค่อนข้างแดงเล็กน้อย ราวกับว่าเธอกำลังพยายามยับยั้งตนเอง

 

หลังจากเงียบไปชั่วขณะ โหลวหลานจีก็พูดขึ้นว่า “ข้ามิสามารถ มีศิษย์มากเกินไปอยู่ด้านนอก”

 

ซูหยางหัวเราะคิกและกล่าวว่า “ศิษย์ไม่กี่คนจะมีความหมายอะไรในเวลานี้เมื่อพวกเธอล้วนเห็นท่านเข้ามาภายในบ้านข้า นอกจากว่าท่านบอกพวกเธอด้วยตนเอง ใครจะกล้าปล่อยข่าวลือ”

 

โหลวหลานจีเงียบไปอีกครั้ง แต่เธอกลับคิดในใจว่าสิ่งที่ซูหยางพูดนั้นเป็นความจริง ในเมื่อย่อมไม่มีใครเชื่อว่าผู้นำนิกายจะแหกกฏนิกาย

 

กล่าวไปแล้ว โหลวหลานจีไม่ต้องการให้ซูหยางทำท่าเหมือนกับว่าเขาถือไพ่ในมือสูงกว่า ดังนั้นถึงแม้ว่าเธอจะต้องการที่จะร่วมฝึกคู่กับเขา เธอก็ยังปฏิเสธ

 

“ไม่ก็คือไม่ ซูหยาง ถ้าเจ้าถามข้าอีกครั้ง ข้าจักลงโทษเจ้าที่ก้าวข้ามขอบเขตของเจ้าในฐานะศิษย์”

 

โหลวหลานจีหวังให้ซูหยางโต้ตอบคำพูดของเธอ แต่อนิจจา ท่าทางของซูหยางยังคงเรียบเฉย และเขาพยักหน้าอย่างใจเย็น “ช่างโชคร้ายนัก แต่ท่านมิต้องทำเหมือนกับว่าข้าบีบบังคับท่าน อย่ากังวล ท่านผู้นำนิกาย ในเมื่อข้าจักมิรบกวนท่านนับจากนี้ต่อไป”

 

แม้ว่าโหลวหลานจีจะรู้สึกว่าที่นี่มีบางอย่างไม่ถูกต้อง เธอก็ไม่ต้องการที่จะสนใจมากนักในเรื่องนั้นและกล่าวว่า “ตราบเท่าที่เจ้าเข้าใจฐานะของตนเองว่าเป็นศิษย์”

 

โหลวหลานจีออกไปจากสถานที่นั่นไม่นานนักหลังจากนั้น และซูหยางก็ต้อนรับศิษย์หญิงเข้ามาในบ้านของเขาต่อไปราวกับว่าการพบปะกับโหลวหลานจีนั้นไม่เคยเกิดขึ้น

 

ยามเมื่อโหลวหลานจีกลับไปถึงศาลาหยินหยาง เธอก็ก่นด่าเสียงดัง “เจ้าซูหยางฉิบหายนั่น คิดว่าตนเองสามารถทำทุกสิ่งให้เป็นไปตามต้องการเพียงเพราะว่ามีกลเม็ดดี ถ้ามิใช่คนหนุนหลังและความสัมพันธ์อันสับสนของเรา ข้าคงลงโทษไปนานกับพฤติกรรมของเขา”

 

หลังจากที่ด่าไปอีกสักพัก โหลวหลานจีก็นอนลงบนเตียงและหลับตาเพื่อพักผ่อน

 

ในขณะที่เธอพัก เธอก็สงสัยว่าเจ้านิกายซึ่งซูหยางปลอมตัวเป็นจักรพรรดิ์สวรรค์ไปไหน หายตัวไปในช่วงสองสามอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ ราวกับว่าเขามิเคยมีตัวตนมาก่อน

 

“เขาอย่างน้อยก็ได้แจ้งเตือนข้าไว้…” เธอถอนหายใจ

 

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วขณะที่โหลวหลานจีเผลอหลับไปในห้องขณะครุ่นคิดว่าเจ้านิกายไปไหนได้บ้าง และยามที่เธอลืมตาขึ้นอีกครั้ง ก็เป็นเวลาเที่ยงคืน

 

อย่างไรก็ตามโหลวหลานจีพลันสังเกตเห็นร่างหนึ่งด้วยมุมสายตา

 

“จ-จ-เจ้านิกาย” โหลวหลานจีลุกขึ้นจากเตียงอย่างเร่งรีบเพื่อทักทายเขาเมื่อสุดท้ายเธอจำหน้าเขาได้

 

สำหรับการที่เขาปรากฏตัวขึ้นกระทันหันหลังจากที่เธอเพียงแค่คิดถึงเขา..ช่างเป็นเรื่องบังเอิญที่น่ากลัว

 

“น-นานเท่าไหร่แล้วที่ท่านนั่งอยู่ตรงนั้น” เธอถามเขาซึ่งกำลังจิบชาอยู่บนโต๊ะ

 

ซูหยางวางถ้วยชาลงและหันไปมองเธอด้วยท่าทางเรียบเฉย “มินานนักแค่ไม่กี่ชั่วโมง”

 

“ว่ากระไร” โหลวหลานจีไม่อยากเชื่อว่าตนเองไม่ตื่นขึ้นมาแม้กระทั่งเขาปรากฏตัวขึ้นมานานขนาดนั้น

 

อย่างไรก็ตามหลังจากที่คิดเกี่ยวกับพลังการฝึกปรืออันลึกล้ำของเขา นั่นก็ไม่ถือว่าไม่น่าเชื่ออีกต่อไปสำหรับเธอ

 

กล่าวไปแล้ว ซูหยางได้โกหกเธอที่ว่าอยู่ที่นี่หลายชั่วโมง ในเมื่อเขาเพิ่งมาถึงไม่กี่นาทีก่อนหน้านั้นด้วยความต้องการที่จะยุ่งกับเธอ

 

ปล. ตอนนี้ผมเริ่มแปลเรื่อง nine yang sword saint ต่อจากท่าน hayena เมื่อปี 2017 เป็นเรื่อง erotic เช่นเดียวกัน คอยติดตามนะครับ