บทที่ 1546+1547

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1546 ยังคงเปี่ยมด้วยอารมณ์ศิลป์อยู่!

กู้ซีจิ่วตื่นเต้นยินดี ลูบนามสองนามนั้น เอ่ยถามตี้ฝูอี “ท่านว่าสองนามนี้จะคงอยู่ ณ ที่แห่งนี้ไปถึงพันปีหมื่นปีหรือไม่? และบางทีอาจอยู่ไปชั่วลูกชั่วหลาน คงอยู่ไปตลอดกาลหรือเปล่า?”

ตี้ฝูอีก็วนรอบโขดหินนั้นรอบหนึ่งเช่นกัน “อาจจะได้กระมัง ที่มีเวทวิชาพิเศษค่อยปกป้องไว้ ทุกสิ่งจะคงอยู่ไปตลอดกาล”

ทั้งสองจูงมือกันเดินเข้าไป กู้ซีจิ่วพบว่าด้านในมีข้าวของใหม่ๆ เพิ่มขึ้นไม่น้อยเลย โขดหินรูปแบบเก่าแก่เรียบง่าย ฉากกันลมยาทองวาดลายวิหคบุปผา จารึกโคลงหยกงาม…

มีแม้กระทั่งเรือนหอที่จัดแต่งอย่างวิจิตรงดงามยิ่งนักด้วย!

กู้ซีจิ่วมองเรือนหอนั้นตะลึงงันไปครู่หนึ่ง เรือนหอนั้นตกแต่งตามที่กู้ซีจิ่วเคยฝันไว้ทุกอย่าง ในความโอ่อ่าอลังการแฝงกลิ่นอายเก่าแก่โบราณไว้

หวั่นไหว! เมื่อกู้ซีจิ่วได้เห็นเรือนหอนี้มีความรู้สึกเพียงอย่างเดียวคือใจสั่นหวั่นไหว!

เธอยืนอยู่ที่เดิมครู่หนึ่ง หันไปถามตี้ฝูอี “หลายวันนี้ที่ท่านหายหน้าไปก็เพื่อจัดเตรียมสิ่งนี้หรือ?” เขาอยากสร้างเซอร์ไพรส์ใหญ่ให้เธอกระมัง?

ตี้ฝูอีโอบเอวเธอ “ชอบหรือไม่?”

กู้ซีจิ่วพยักหน้า “ชอบ!”

ตี้ฝูอียิ้มแวบหนึ่ง จูงเธอเข้าไปด้านใน “ที่นี่คืออาณาเขตส่วนตัวที่แท้จริงของพวกเรา มีเพียงเจ้ากับข้า”

ที่นี่มีเพียงนางกับเขาจริงๆ ผู้ใดก็อย่าฝันว่าจะได้เข้ามา สามารถพักผ่อนได้ สามารถอ่อนแอได้ สามารถผ่อนคลายได้ สามารถรักใคร่หวานชื่นได้…

ชั่วชีวิตของคนเรามีอาณาเขตที่เป็นของตัวเองอย่างแท้จริงไม่มากนัก ต่อให้เป็นเรือนหอ แต่เมื่อวิวาห์แล้วก็ต้องก็ต้องถอดเครื่องใช้มงคลเหล่านั้นออกไป ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเครื่องเรือนธรรมดา จากนั้นก็ใช้ชีวิตตามปกติ เรือนหอนั้นก็ค่อยๆ กลายเป็นเรือนนอนธรรมดา…

แต่เรือนหอนี้สามารกลับคงอยู่ไปได้ตลอดกาล ต่อให้เวลาเคลื่อนคล้อยไปนับหมื่นปี ที่นี่ก็ไม่มีวันเลือนหายไป

ที่นี่คือมหาสมุทรลึก และข้าวของในเรือนหอเหล่านี้ก็ดูประณีตอย่างยิ่ง เห็นทีว่าเขาคงสิ้นเปลืองความคิดจิตใจไปมากจริงๆ

เขาคงจะอยากเซอร์ไพรส์เธอกระมัง?

ดูท่าเซลล์ประสาทด้านความโรแมนติกของเขาคงไม่ได้สูญหายไปตามระยะเวลาที่แต่งงานกัน ยังคงเปี่ยมด้วยอารมณ์ศิลป์อยู่!

เพียงแต่…

เธอเอียงคอถามตี้ฝูอี ท่านเตรียมสถานที่แห่งนี้ไว้สำหรับพิธีวิวาห์ของพวกเราหรือ? งั้นท่านวางแผนจะไปเจรจาเรื่องสู่ขอที่จวนแม่ทัพยามใด?“

ตี้ฝูอีนิ่งไปครู่หนึ่ง ยกมือเขกหน้าผากเธอเล็กน้อย “สงวนท่าทีหน่อย! เรื่องเช่นนี้ล้วนเป็นฝ่ายชายที่ต้องเร่งรัดฝ่ายหญิง ไหนเลยจะมีฝ่ายหญิงที่มาเร่งรัดฝ่ายชายเช่นนี้กัน?”

กู้ซีจิ่วร้องชิคราหนึ่ง หากเขาเป็นตัวตั้งตัวตีเช่นนั้นได้ ตัวเธอไหนเลยจะต้องมาเร่งรัดเขาอย่างร้อนใจเช่นนี้?

อย่างไรก็ตาม ในเมื่อเขาจัดเตรียมเรือนหอที่โอ่อ่างดงามถึงเพียงนี้ไว้ที่นี่อย่างเหมาะสมแล้ว เช่นนั้นเรื่องที่จะไปสู่ขอยามไหนจัดงามวิวาห์เมื่อใดเขาคงมีแผนการอยู่ในใจแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องวอแวเกาะติดเขาดั่งขนมหนิวผีถัง[1]แล้ว ทำให้เธอดูราวกับจะขายไม่ออก!

เฮอะ เขาต้องการให้เธอสงวนท่าทีหน่อยใช่ไหม? รอจนถึงยามที่เขามาสู่ขอเธออย่างเป็นทางการ เธอจะเล่นตัวกับเขาหนักๆ สักยก ทำให้เขารู้ว่าสิ่งใดที่เรียกว่าสงวนท่าที!

ถึงอย่างไรทั้งสองก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันมาเกือบหนึ่งเดือนแล้ว ยามนี้เรือนหอมีแล้ว เตียงหลังใหญ่ก็มีแล้ว เตียงใหญ่หลังนั้นยังเป็นเตียงผลึกสีชมพูอ่อนอีกด้วย ส่องประกายสลัวๆ ราวกับกำลังเชิญชวนผู้เป็นเจ้าของให้มาพักผ่อนตรงนี้

เดินเที่ยวเตร่มาทั้งวันแล้ว อีกทั้งก่อนหน้านี้ก็ใช้วิชาแหวกทะเลมาด้วย กู้ซีจิ่วจึงเหนื่อยล้ายิ่งนักจริงๆ อยากนอนพักผ่อนบนเตียงสักงีบอย่างยิ่ง

เพียงแต่ เมื่อเธอเห็นเจ้าตัวที่อยู่ข้างกายผู้นี้ แววตาที่คล้ายจะยิ้มมิเชิงยิ้มกลับดูลุ่มลึกยิ่งนัก มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย วงแขนที่ร้อนผ่านเล็กน้อยโอบรัดเอวเธอ เป็นการบ่งบอกถึงเรื่องหนึ่ง…เขาปรารถนาเธอ!

อันที่จริงเธอก็ปรารถนาเขาเช่นกัน เพียงแต่พอนึกถึงหลายวันมานี้ที่เขาหมางเมินตน กู้ซีจิ่วก็รู้สึกว่าไม่อาจให้เขาสมปรารถนาได้ง่ายๆ มิเช่นนั้นเขาจะคิดว่าเรียกให้เธอมาจะไล่ให้เธอไปยังไงก็ได้!

————————————————————————————-

บทที่ 1547 ดาวอีกดาวอาจเป็นเจ้าก็ได้…”

“ใช่แล้ว ท่านได้ตกแต่งแห่งนั้นใหม่ด้วยหรือไม่? ข้าจะไปดูสักหน่อย” กู้ซีจิ่วแกะแขนของเขาออกอย่างไร้เยื่อใย ใช้วิชาเคลื่อนย้ายหนีไปเลย

ตี้ฝูอีนิ่งอยู่ที่เดิม

เขาเกลียดวิชาเคลื่อนย้ายของนาง ทำให้นางลื่นไหลดุจปลาไหลน้อย ทำให้คนอยากจะจับก็จับไว้ไม่อยู่!

กูซีจิ่วเคลื่อนย้ายไปที่ลานนั้นโดยตรง เมื่อมาถึงเธอก็ต้องตกตะลึง

นภาดาษดารา!

แสงดาวสุกสกาวเต็มฟากฟ้า

ท้องฟ้าเหนือลานแห่งนั้นเสมือนส่องด้วยกล้องโทรทรรศน์ระดับสูง แทบจะมองเห็นวิถีโคจรของดาวแต่ดวงได้เลย ถึงขั้นที่มองเห็นว่าดวงดาวเหล่านั้นแต่ละดวงมิได้มีแสงสว่างเยือกเย็นอีกต่อไป แต่เป็นสีสันที่แท้จริงของดวงดาว ฟ้าเอย ขาวเอย เหลืองเอย เขียวเอย…

บ้างก็สว่างดังดอกไม้ไฟ บ้างก็มืดสลัวไร้แสง แถมยังมีที่นุ่มนวลดุจอัญมณีด้วย มากมายสารพัด

กู้ซีจิ่วยืนอยู่บนลาน รู้สึกเหมือนยืนอยู่ในอวกาศที่ว่างเปล่า ดวงดาวนับไม่ถ้วนโคจรอยู่รอบตัวเธอ แต่ละดวงมีวิถีเป็นของตัวเอง

สายตาของเธอถูกดาวใหญ่สองดาวกลางท้องนภาดึงดูดไว้

ดาวใหญ่สองดวงนั้นมีสีสันแตกต่างจากดาวดวงอื่นๆ พวกมันเป็นสีรุ้ง! ลอยขนานกันอยู่ตรงนั้น แสงสีรุ้งส่องออกมารอบตัวพวกมัน แทบจะส่องสะท้อนไปทั่วท้องนภา

ดาวใหญ่สองดวงนั้นต่างมีดาวเล็กดาวน้อยจำนวนหนึ่งห้อมล้อมอยู่รอบกายตน ราวกับเป็นระบบสุริยะจักรวาลสองแห่งที่อยู่ตรงข้ามกัน

งามเหลือเกิน!

กู้ซีจิ่วเงยหน้ามองดาวสองดวงนั้น ไม่อาจหักใจละสายตาไปได้

ข้างกายมีลมโชยมาวูบหนึ่ง ตี้ฝูอีร่อนลงข้างกายเธอ เขาก็เงยหน้ามองดาวใหญ่สองดวงนั้นเหมือนกัน จากนั้นก็มองดวงตาของเธอที่สุกสกาวยิ่งกว่าแสงดารา ถามอย่างเรียบเฉย “มองอะไรอยู่?”

กู้ซีจิ่วดึงให้เขานั่งลงข้างกายทันที ชี้ไปที่ดาวใหญ่กลางนภาสองดวงนั้น “ดาวสองดวงนั้นงดงามนัก!”

ตี้ฝูอียิ้ม “ใช่แล้ว งดงามยิ่ง อืม เห็นดาวสองดวงนั้นแล้วเจ้ามีความคิดอย่างไร?”

ความคิดเหรอ?

กู้ซีจิ่วเอนกายนอนบนเก้าอี้เสียเลย โยกไกวเล็กน้อย “จะมีความคิดอันใดได้เล่า? พวกมันอยู่เคียงข้างกัน ส่องสว่างไปทั่วฟากฟ้า ให้ความรู้สึกเหมาะสมกลมกลืนยิ่งนัก”

ตี้ฝูอีนอนลงเป็นเพื่อนเธอด้วย “ข้าจำได้ว่ามีประโยคหนึ่งกล่าวไว้ ท้องนภาไร้สองตะวัน ปวงชนไร้สองราชัน บนฟ้ามีดวงดาวที่เจิดจ้าอยู่สองดาว…พวกมันจะต่อสู้กันขึ้นมาหรือไม่?”

กู้ซีจิ่วร้องชิคราหนึ่ง “นี่ท่านคงไม่รู้กระมัง? ท้องนภาไร้สองตะวันอันใดกัน? ความจริงแล้วหลอกลวงคนทั้งนั้น! จะบอกกับท่านตามจริง อันที่จริงมีดวงดาวมากมายบนท้องนภาที่ส่องสว่างกว่าดวงอาทิตย์ ร้อนแรงกว่าดวงอาทิตย์ ถึงขั้นที่ใหญ่กว่าดวงอาทิตย์ด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ท้องฟ้าจึงไม่ได้มี ‘ตะวัน’ เพียงดวงเดียวจริงๆ ทว่ามี ‘ตะวัน’ อยู่มากมายก่ายกอง กว้างไกลไร้ขอบเขต อย่าว่าแต่ดวงดาวที่เจิดจ้าสองดวงนี้เลย ต่อให้มีเพิ่มมาอีกหลายร้อยดวงก็ไม่มีความหมายอะไร พวกมันต่างมีวิถีโคจรเป็นของตัวเอง ไม่มีทางชนกัน…”

กู้ซีจิ่วถ่ายทอดความรู้พื้นฐานด้านดาราศาสตร์ให้เขา ดูเหมือนเธอจะนึกอะไรขึ้นมาได้ “ใช่แล้ว ข้าจำได้ว่าข้าเคยได้ยินท่านพูดไว้ ดาวบนฟากฟ้านี้แทนตัวคนผู้หนึ่ง ดาวใหญ่ตรงใจกลางน่าจะเป็นตัวแทนของท่านกระมัง? เอ๊ะ แปดปีก่อนข้าจำได้ว่ามีดาวใหญ่สีรุ้งเพียงดวงเดียวนี่นา แล้วอีกดวงโผล่ขึ้นมาตอนไหนกัน?”

เธอเพ่งพิศดาวใหญ่สองดวงนั้นอย่างละเอียด จู่ๆ ก็ดวงตาเห็นธรรมขึ้นมา “ใช่แล้ว ดาวใหญ่อีกดวงน่าจะเป็นตัวแทนของข้ากระมัง?! ยามนี้พวกมันลอยเคียงกันอยู่ตรงนั้นเหมือนสามีภรรยาอยู่ร่วมกันยิ่งนัก”

ตี้ฝูอีเงียบไปครู่หนึ่ง

แววตาเขาวูบไหวเล็กน้อย มือข้างหนึ่งโอบไหล่นาง “ฉลาดมาก! ดาวอีกดาวอาจเป็นเจ้าก็ได้…”

กู้ซีจิ่วมุ่นคิ้ว “ต้องเป็นข้าอยู่แล้ว! และมีเพียงข้าถึงจะคู่ควรอยู่ข้างกายท่าน…”

————————————————————————————-

[1]  ขนมหนิวผีถัง เป็นขนมที่ทำจากแป้งและน้ำตาล ด้านนอกคลุกงาขาวไว้ รสสัมผัสเหนียวนุ่มหวานหอม