ตอนที่ 408 การฆ่าหมู

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 408 การฆ่าหมู

ในเวลานั้น…

เฉียนห้าวยกมือซ้ายขึ้นมา ง้างธนูของเขาอย่างประหม่า และแล้วลูกธนูก็พุ่งตรงเข้าไปที่ลำคอของทหารชาวฮวงผู้นั้น

ทหารคนนั้นล้มกระแทกกับพื้น ทำให้ทหารฮวงที่เหลือพากันแตกตื่น

ในเสี้ยววินาทีนี้ ก็ได้เกิดการโจมตีกลับมาจากฝั่งของทหารแคว้นฮวง

“ข้าศึกโจมตี… ข้าศึกโจมตี…”

มีเสียงคนตะโกนออกมาด้วยความตื่นตระหนก และลูกธนูก็ได้พุ่งทะลุลำคอของคนที่ตะโกนเข้าไป

ทหารฮวงที่เหลือชักดาบออกจากฝัก ฟันเข้าไปที่เยียนกุ่ยและทหารคนอื่น ๆ เฉียนห้าวมิมีเวลามาคิดแล้วว่าจะฆ่าชายผู้นี้เยี่ยงไร มิมีแม้กระทั่งเวลาหยิบลูกธนูด้วยซ้ำ ในมือของเขาถือดาบเล่มยาว ฝึกมาตั้งนานเวลานี้แหล่ะที่จะได้ใช้สักที

เขาย่อตัวลงเล็กน้อย โน้มตัวยกดาบขึ้นสูงแล้วปักลงอย่างเต็มแรงหวังฆ่าให้ตาย แต่กลับพลาด ศัตรูหันหลบคมดาบได้อย่างรวดเร็ว สุดท้ายเขาก็หาโอกาสเชือดคอศัตรูเสียจนขาด

ขณะที่กำลังเอี้ยวตัวกลับมา เขาเห็นศัตรูคนหนึ่งกำลังเล็งดาบไปยังสหายร่วมทีม เขาจึงขว้างดาบออกจากมือ ดาบยาวพุ่งตรงดิ่งแทงเข้าไปทะลุลำคอ

เขาหยิบดาบอีกเล่มที่หลังออกมา ปัดป้องไปยังใบมีดของศัตรู สหายร่วมทีมฉวยโอกาสนี้ปลิดชีพศัตรูด้วยธนูทันที

การร่วมรบของพวกเขาดำเนินไปได้ด้วยดี การต่อสู้กับทหารของชาวฮวงทั้งสามสิบคนนั้น มิมีผู้ใดได้รับบาดเจ็บเลยสักคนเดียว และเพียงแค่ไม่กี่สิบอึดใจแน่นอนว่าทหารของแคว้นฮวงทั้งสามสิบนายเหล่านั้นก็มิมีผู้ใดรอดชีวิตเช่นกัน

เยียนกุ่ยคาบบ้องยาสูบเอาไว้ในปาก พร้อมตบเข้าที่ไหล่ของเฉียนห้าว “เจ้าหนู เก่งใช้ได้นี่ ! ”

สหายของเขาหัวเราะแล้วยกนิ้วโป้งให้ “เจ้าหนู เจ้ามันแน่จริง ๆ ! ”

นี่คือการฆ่าหมูเยี่ยงนั้นหรือ ?

ทันใดนั้น เฉียนห้าวก็รู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายเป็นอย่างมาก ดูเหมือนว่าเขาก็ทำได้และยังจะทำได้ดีกว่านี้อีกด้วย

เขาหัวเราะออกมา โดยที่มิได้สังเกตเลยว่าร่างกายของเขาขณะนี้ชุ่มไปด้วยเลือด

บริเวณรอบ ๆ กระโจมนี้ เรียกว่าเป็นที่ที่สังหารศัตรูมากกว่าห้าพันคน และขณะนี้กองพลที่สามก็ยังมิได้รับความเสียหายใด ๆ เลยแม้แต่น้อย

แต่แล้วการต่อสู้ที่โหดร้ายก็ได้มาถึง !

ภายในกระโจมแน่นไปด้วยทหารที่มารวมตัวกัน ความตรึงเครียดมีมากยิ่งขึ้น การลาดตระเวนก็เพิ่มมากขึ้น เมื่อทหารของตนมากกว่าสองพันคนถูกลอบสังหารในที่สุดกองพลที่สามก็ถูกเปิดโปง

เสียงแตรฉุกเฉินดังเข้ามาภายในค่าย ท่าป๋าฉงสะดุ้งตกใจและคว้าดาบที่วางไว้บนโต๊ะขึ้นมา “ข้าศึกโจมตี ! ข้าจะไปจัดการมัน ! ”

นายพลทั้งสามถึงกับผงะ หรือว่าเป็นเพราะข่าวรั่วไหล เผิงเฉิงอู่ถึงได้นำทหารกลับมาแก้มือเยี่ยงนั้นหรือ ?

พวกเขารีบออกจากกระโจมหลังใหญ่และกลับไปประจำการที่หน่วยของตน จึงได้พบว่าทหารของพวกเขาถูกฆ่าตายและบาดเจ็บนับมิถ้วน

หวังเสี่ยวจ้วงหน้านิ่วคิ้วขมวด ยังมีศัตรูอีกนับหมื่นเยี่ยงนั้นหรือ ข้าต้องจัดการให้สิ้นซากให้ราบเป็นหน้ากลอง !

นี่เป็นคราแรกที่หวังเสี่ยวจ้วงนำกองทัพเข้าต่อสู้กับศัตรู เขามิเคยทำมาก่อน เขากำลังคิดบางอย่างและอยู่ ๆ เขาก็คิดถึงสิ่งที่ไป๋ยู่เหลียนเคยสอนเขา

เมื่อต้องโจมตีซึ่งหน้ากับศัตรู พวกเราต้องแสดงแสนยานุภาพอาวุธของพวกเราให้ศัตรูได้รู้ว่าพวกเราเหนือกว่าแค่ไหน จะต้องทำให้พวกมันขวัญหนีดีฝ่อให้จงได้ !

ใช่ ถูกต้องแล้ว !

“กองพันที่หนึ่ง กองพันที่สองคอยคุ้มกัน กองพันที่สามบุกเข้าไปกับข้า ใช้ระเบิดไฟเพื่อเปิดทาง ! ”

สิ้นเสียงออกคำสั่ง พลทหารทั้งหลายก็ได้วิ่งนำออกไปก่อนที่จะหยิบลูกระเบิดออกมาจากกระเป๋า ดึงสลักแล้วโยนออกไปท่ามกลางเหล่าศัตรู

“ตู้ม… ! ” เสียงระเบิดดังก้อง บัดนี้การโจมตีเปิดฉากขึ้นแล้ว มีผู้บาดเจ็บหลายสิบคน ทหารของแคว้นฮวงวิ่งแตกตื่นหนีกันกระเจิง นี่มันอาวุธประเภทใดกัน ?

ถูฟูเห็นหัวหน้ากองพลวิ่งไปนำทัพหน้าสุด นี่มันเกิดเหตุอันใดขึ้นกัน ?

“พี่น้องทั้งหลาย ตามข้ามา ! ”

เขาชักปืนออกมา มือขวาถือปืนขณะที่มือซ้ายกำระเบิดไฟ เขาใช้ปากกัดสลักออก และขว้างออกไปทันทีทันใด ระเบิดลอยไปตกที่บริเวณใกล้ ๆ กับที่ข้าศึกรวมตัวอยู่

แม่ทัพคนหนึ่งของฝั่งศัตรูก็ได้อยู่ที่นั่นเช่นกัน เขายังมิทันหายตระหนกจากระเบิดไฟลูกแรก ระเบิดไฟลูกที่สองก็ได้หล่นลงมาข้าง ๆ ตัวเขา

จนกระทั่งเขาตายตก เขาก็ยังมิรู้เลยว่าอาวุธที่ทรงพลังถึงเพียงนี้คืออะไร และถือว่าเป็นเกียรติมากที่เขาเป็นแม่ทัพคนแรกที่ตายด้วยอาวุธชนิดใหม่นี้

เสียงปืนดังขึ้น ศัตรูค่อย ๆ ทยอยล้มตายไป

เสียงปืนที่ดังอย่างต่อเนื่อง เสียงรบราฆ่าฟันและเสียงระเบิดไฟที่ดังขึ้นเป็นครั้งครานั้น ทำเอาศัตรูมิสามารถเปิดการโจมตีกองพลที่สามได้เลย หลายคนตายเพราะถูกยิงจากระยะไกลบางคนโดนแรงระเบิดจนร่างกายหลุดรุ่ยเลือดอาบไปทั่วทั้งร่าง เหลือเพียงลมหายใจที่แผ่วเบา

มีเสียงร้องไห้ดังระงมอย่างขมขื่น มีเสียงผู้คนร้องตะโกนโหวกเหวกด้วยความตื่นตระหนกและบางคนก็ได้หันหลังกลับและวิ่งหนีไป หมดหนทางในการตอบโต้แล้ว !

พวกเขามิเข้าใจว่าอีกฝ่ายเป็นเทพเซียนที่ลึกลับมาเยี่ยงนั้นหรือ และที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คืออาวุธที่มองมิเห็น พวกเขาได้เห็นการตายของสหายที่นอนตายอย่างอนาถ ในที่สุดพวกเขาก็ต้องยอมแพ้

ท่าป๋าฉงได้ยินเสียงระเบิดที่ดังอยู่ด้านนอก เขาที่เพิ่งเดินออกมาจากกระโจมใหญ่ของกองทัพ มองเห็นทหารพากันวิ่งกรูเข้ามารุมล้อมเขา

เขารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ในมือของเขาถือดาบเล่มใหญ่พร้อมตะโกนว่า “อย่าได้ตกใจไปเลย นายพลผู้นี้อยู่ที่นี่แล้ว และข้าก็จะไปฆ่าพวกมันเสียให้สิ้น ! ”

“ข้ามิกลัวอันใดทั้งสิ้น ข้าจะจัดการมันเสียให้ราบเป็นหน้ากลอง ! ”

“ท่านนายพล ฝ่ายข้าศึกมิใช่มนุษย์เยี่ยงเรา ๆ จะเป็นการดีที่สุดหากพวกเรายอมแพ้เสีย”

“หากผู้ใดกล้าถอยแม้แต่ก้าวเดียว ข้าจะฆ่าให้ตายอย่างไร้ปราณี ! ” ท่าป๋าฉงตะคอกเสียงดังขึ้นอีกครา แต่ทว่า…มิมีผู้ใดสนใจเขาเลยแม้แต่น้อย

เกิดอันใดขึ้นกันแน่ ?

หรือนี่จะเป็นกำลังหลักของเผิงเฉิงอู่กัน ?

อยู่ ๆ ท่าป๋าฉงก็รู้สึกเย็นวาบ ในเมื่อเขารู้อยู่แล้วว่าทหารของเขาตอนนี้ตื่นกลัวถึงขีดสุด มันจะเป็นไปมิได้เลยที่จะยับยั้งความพ่ายแพ้นี้เอาไว้

เย๋หม่า ผู้บังคับบัญชากองพันที่หนึ่ง มองจากระยะไกลเห็นชายตัวใหญ่ยืนถือดาบอยู่นอกกระโจม เขาหยิบปืนออกมาเล็งไปที่ท่าป๋าฉง ฝนตกหนักเกินกว่าจะมองเห็นอะไรได้ชัดเจน

กระสุนมิสามารถใช้อย่างสิ้นเปลืองได้ ไป๋ยู่เหลียนเคยเอ่ยไว้ว่ากระสุนทุก ๆ นัดจะต้องเก็บเกี่ยวชีวิตของศัตรูให้ได้ !

ดังนั้นเขาจึงวิ่งไปข้างหน้าอย่างเงียบ ๆ ไล่ตามหลังของศัตรูขี้แพ้ไป

เขามาหยุดอยู่ในตำแหน่งที่ห่างจากท่าป๋าฉงราว 60 จั้ง ท่าป๋าฉงได้รับการคุ้มกันอย่างดีโดยองครักษ์ส่วนตัวทำให้เขามิสามารถเข้าไปใกล้ได้มากกว่านี้อีกแล้ว

เขายกปืนขึ้นอีกครา ชายร่างใหญ่คนนั้นเป็นตัวการใหญ่ ดังนั้นการฆ่าเขาในครานี้จึงถือว่าเป็นความสำเร็จคราใหญ่ !

เย๋หม่ายิ้มเยาะ แล้วเหนี่ยวไกปืน

“ปัง… ! ” สิ้นเสียงปืน ทหารองครักษ์ที่ยืนอยู่ข้างท่าป๋าฉง ก็ได้พบว่ามีดในมือของท่านนายพลหล่นลงกับพื้น จากนั้น…ร่างของท่าป๋าฉงก็ได้ล้มลงตามไป

องครักษ์ผู้นั้นรู้สึกตื่นตกใจเป็นอย่างมาก เขาชะโงกเข้าไปดู พบรูโหว่อยู่บนหน้าผากของท่านนายพล !

ท่านนายพลสิ้นชีพแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ?

เขามิได้ตายด้วยธนู !

อีกฝ่ายใช้คาถาอาคมอันใดกัน ?

หัวหน้าองครักษ์ตื่นตกใจมากเช่นกัน เขาจะสู้ศึกครานี้ต่อไปได้เยี่ยงไร ?

แม้แต่ศัตรูสักคนก็ยังมิเห็น… ไม่สิ ข้าเห็นแล้ว รีบหนีเร็วเข้า !

กองพันที่สามวิ่งไล่ตามทัน ส่วนกองพันที่สองและกองพันที่หนึ่งก็มิยอมแพ้เช่นกัน

พวกเขาวิ่งเร็วกว่าทหารของแคว้นฮวงมาก นี่คือการเปิดฉากไล่ล่าในป่าใหญ่กลางภูเขา

มิมีเสียงปืนดังขึ้นอีกแล้ว มิมีเสียงรบราฆ่าฟัน หรือแม้กระทั่งเสียงระเบิด

กองพลที่สามของดาบเทวะสังหารทหารของแคว้นฮวงบนภูเขาทั้งหมดด้วยมีดและอาวุธต่าง ๆ โดยใช้เวลามิถึงครึ่งชั่วยาม หลังเหตุการณ์นี้สิ้นสุดมีเพียงทหาร 6 คนเท่านั้นที่ถูกสังหารและอีกกว่ายี่สิบกว่าคนที่ได้รับบาดเจ็บ

การต่อสู้ครานี้ถือเป็นชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ !

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ …” เฉียนห้าวหัวเราะเสียงดัง เขาตัดใบตองส่งให้เยียนกุ๋ยบังฝน

เยียนกุ๋ยหยิบยาเส้นออกมาแล้วใส่ลงไปในบ้อง จากนั้นก็จุดไฟแล้วสูบเข้าไปจนเต็มปอด

เขาเคยเป็นทหารมาก่อน และในยามนี้เขามีความสุขเป็นอย่างมาก “นี่สิถึงเรียกว่าการสู้รบอย่างแท้จริง ! ”

“แล้วเมื่อก่อนมิใช่หรือ ? ”

เยียนกุ๋ยส่ายหัว “เมื่อก่อนน่ะหรือ…ก็เป็นเพียงแค่การพยายาม มิมีความหวังเลยด้วยซ้ำ”

เขาคาบบ้องยาสูบไว้ในปาก มือตบไปที่ไหล่ของเฉียนห่าว “เจ้าหนู เจ้ารู้สึกเยี่ยงไรบ้าง ? ”

“มันมิต่างจากการฆ่าหมูเลยจริง ๆ ! ”

เยียนกุ่ยพ่นควันออกมา ใบหน้าของเขาเลือนลางเล็กน้อยและเอ่ยด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำ “จำเอาไว้นะว่า ทั้งหมดนี้เป็นเพราะน้ำพักน้ำแรงของคุณชายและไป๋ยู่เหลียน ! “