ภาคอวสาน ตอนที่ 20 ทวยเทพเสด็จ (7)

ปลดผนึกหัวใจหวนรัก Love and Redemption

เสือขาวโมโหจนตัวสั่น แต่ก็ทำอะไรเขาไม่ได้ เทพเซียนกลัวขอสมุทรเช่อไห่ของเขาที่สุด ผู้ใดก็ไม่กล้าลงมือก่อน ทั่วบริเวณพลันนิ่งงัน ไม่มีผู้ใดพูดจา ไม่มีผู้ใดขยับเขยื้อน

มกรอาศัยจังหวะนี้ลูบบาดแผลบนหลังที่เมื่อครู่คมดาบเทพดาววิสาขะฟันไปทีหนึ่ง แม้ว่าบาดไม่ลึกแต่ก็เจ็บมาก มองมือที่คลำแผลมีเลือดติดออกมาก็อดโมโหไม่ได้ ด่าว่า “เจ้าโจรกระจอกไม่มีตาหรือ! กล้าแทงข้า! กบฏแท้ๆ!”

เทพดาววิสาขะถูกเผาจนเจ็บปวดไปทั้งตัว นอนร้องครวญครางอยู่ที่พื้น ดีที่ไม่ถึงชีวิต พอได้ยินมกรด่ามา เขาก็ไม่อาจสนใจธรรมเนียมมารยาทอะไรอีก ด่าโต้กลับว่า “เจ้าเดรัจฉานไม่มีตา! เผาข้าพองไปหมดแล้ว! กฎแดนสวรรค์มีค่าดังสุนัขผายลมในสายตาเจ้าหรือ?!”

มกรโมโหกล่าวว่า “ตอนนี้เจ้าจะมาอ้างกฎสุนัขผายลมอะไรกับข้า! ตอนแทงทำไมไม่คิดถึงกฎ!”

“เจ้าลืมตาสุนัขเจ้าดูให้ดี! เป็นข้าจะแทงเจ้าหรือ?! เห็นๆ ว่าเป็นคำสั่งไป๋ตี้!”

เทพดาววิสาขะไม่ยอมอ่อนให้แม้แต่น้อย คำรามโต้ใส่เขาดังยิ่งกว่า

เขาทั้งสองยิ่งด่ายิ่งหยุดไม่อยู่ ทะเลาะกันจนแยกไม่ออก อู๋จือฉีฟังแล้วก็อยากจะขำพรืดออกมา เขาปักขอสมุทรเช่อไห่ลงพื้นเสียงดัง ก่อนจะหย่อนก้นลงนั่ง ควักเอาลูกหลี[1]ในอกเสื้อออกมาได้ลูกหนึ่ง อ้าปากเคี้ยวหยับๆ กินโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ทุกคนมองเขาตาค้าง พวกมกรที่ทะเลาะกันก็ลืมทะเลาะกัน

“หืม?” อู๋จือฉีปาดน้ำลูกหลีที่ไหลเลอะมุมปากออก เงยหน้ามองแววตาแสนซื่อกล่าวว่า “ต่อสิๆ! ไม่ต้องสนใจข้า! กินลูกหลีเท่านั้น”

กลิ่นหอมหวานของลูกหลีอบอวลไปทั่ว สำหรับบรรดาเทพเซียนแดนสวรรค์แล้วถือว่าเป็นกลิ่นหอมที่ดึงดูดเสียยิ่งกว่ากลิ่นใด เพราะแต่ไรมาพวกเขาไม่เคยได้ลิ้มลองสิ่งของในโลกมนุษย์ หงส์แดงจูเชวี่ยจ้องมองเนื้อลูกหลีตาไม่กะพริบ เทพดาวจิตรากุมปากไว้แน่นไม่ให้น้ำลายไหลออกมา แม้แต่เสือขาวแสนเรียบร้อยก็จ้องมองไม่กะพริบ

อู๋จือฉีกัดกินลูกหลีจนเหลือแต่เม็ดที่กัดอีกไม่ได้แล้ว จึงรู้สึกพอใจโยนลงพื้น ลูบปากไปมา เงยหน้ามองทุกคนที่กำลังมองตนเองตาปริบๆ เขากล่าวอย่างแปลกใจว่า “ทำไม ไม่เคยเห็นลูกหลีหรือ ไม่ใช่มัง! แดนสวรรค์แร้นแค้นหรือ?!”

มกรกระแอมไอขึ้นเสียงหนึ่ง กล่าวเบาๆ ว่า “มี…มี…แต่ล้วนไร้รสชาติ”

เขากระชากอู๋จือฉี หน้าหนาขอลูกหลีจากเขา “มีอีกไหม แบ่งข้าลูก!”

อู๋จือฉีถูกเขาตอแยจนรำคาญ จึงควักห่อผ้าออกมาจากอกเสื้อ มีผลไม้ร่วงหล่นออกมาหลายลูก มีทั้งลูกท้อ ลูกหลี่ ลูกซิ่ง[2]…ผู้ใดก็คิดไม่ถึงว่าในอกเสื้อเขาจะมีผลไม้มากมายเช่นนี้ พากันมองตาค้าง มกรแย่งผลท้อไปได้ก็กัดกินทันที หงส์แดงจูเชวี่ยน้ำลายสอพึมพำกล่าวว่า “เจ้า…พวกเจ้าสองคน กินผลไม้พวกนี้หมดหรือ”

อู๋จือฉีอืมขึ้นเสียงหนึ่ง กวาดตามองเห็นบรรดาเทพเซียนที่มีท่าทางอยากกินมาก ยิ้มกล่าวว่า “ย่อมกินไม่หมด ทำไม เทพเซียนสูงส่งสนใจอยากกินผลไม้ข้าหรือ”

หงส์แดงจูเชวี่ยถูกเขาเยาะเย้ยก็เริ่มโมโหเล็กน้อย สะบัดหน้าหนีไม่พูดอะไรอีก เสือขาวก็รู้สึกว่าทั้งกลุ่มเอาแต่จ้องมองคนอื่นกินล้วนไม่ใช่ภาพน่าดูนัก ดังนั้นจึงสะบัดผมคิดจะหลบไปนั่งอีกทาง จะได้ปรับท่าทีตนเองที่ทำเสียภาพลักษณ์งดงามไปเมื่อครู่ให้ดีขึ้น

ข้างหูอยู่ๆ มีลมวูบมา นางรีบยกมือรับไว้ เป็นท้อลูกใหญ่สีแดงสดสองลูก นางตกใจหันกลับไปมอง เห็นอู๋จือฉียิ้มให้นาง เผยให้เห็นฟันขาวเต็มปาก “เลี้ยงเจ้า พี่เสือขาว”

ข้าไม่ เพื่อรักษาภาพลักษณ์สูงส่ง นางอยากจะปฏิเสธเย็นชากลับไปมาก แต่เห็นมกรข้างๆ กินอย่างเอร็ดอร่อย กลิ่นหอมหวานของผลไม้ก็เป็นสิ่งที่นางไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน มิน่า ก่อนพวกเขาลงไปโลกมนุษย์ ไป๋ตี้จึงกำชับพวกเขาห้ามละโมบของกินในโลกมนุษย์ ทุกคนล้วนคิดว่าของในโลกมนุษย์เป็นพิษร้ายต่อพลังเซียน ที่แท้ก็กลัวว่าพวกเขาอดทนต่อสิ่งล่อลวงเช่นนี้ไม่ไหว

เรื่องกิเลสในอาหารการกิน เรื่องกิเลสในความรักหญิงชาย ล้วนเป็นสิ่งล่อลวงที่มนุษย์ต้องผ่านให้ได้ กิเลสในความรักหญิงชายไม่เท่าไร แต่กิเลสในอาหารการกินไม่ได้มองเห็นชัดเจนเหมือนกิเลสในความรักหญิงชาย ไม่ทันระวังก็หลงติดเข้าแล้ว กลับน่ากลัวเสียยิ่งกว่ากิเลสในความรักหญิงชาย

เสือขาวถูกทุกคนจ้องมองอยู่ แต่ก็อดลงมือฉีกลูกท้อออกมาชิ้นหนึ่งไม่ได้ น้ำจากลูกท้อกลิ่นหอมหวานพลันไหลรดมือนาง กลิ่นนั่นช่างทำเอาลุ่มหลงอย่างไม่อาจระงับ เคลิบเคลิ้มอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน นางค่อยๆ กัดไปคำหนึ่ง รู้สึกเพียงแค่ความหวานหอมกำจาย นางทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว จึงยัดลูกท้อทั้งหมดเข้าปากคำเดียว แน่นอน ปรากฏว่าติดคอ

หงส์แดงจูเชวี่ยเห็นนางชูมือชูไม้ไหวๆ ก็รีบเข้าไปตบหลังให้นางอย่างแรงดังป้าบ ลูกท้อทั้งลูกที่ถูกนางกัดไปคำหนึ่งก็กระเด็นลงพื้น สีหน้าเสือขาวแดงก่ำ พักหนึ่งก็ซีดขาว ครั้งนี้นางเสียหน้าอย่างมากต่อหน้าผู้คน นางถึงกับไม่กล้าขยับตัวอีก

อู๋จือฉีถอนหายใจกล่าวว่า “เจ้าไม่ใช่งู ทำไมเขมือบล่ะ มีฟันไว้ทำอะไร”

เสือขาวเงียบไม่พูดไม่จา ยัดลูกท้ออีกลูกใส่มือหงส์แดงจูเชวี่ย สะบัดหน้าเดินออกไปนั่งไกลๆ ไม่เข้ามาใกล้อีกเลย หงส์แดงจูเชวี่ยราวกับตกใจที่อยู่ๆ จะได้กิน ลนลานกินทั้งไม่ปอกเปลือกด้วยความเสียดาย สองสามคำก็กินหมดเกลี้ยง

อู๋จือฉีเห็นเขากินเอร็ดอร่อยก็อดหัวเราะไม่ได้ สะบัดห่อผ้าทีหนึ่ง ผลไม้ลื่นไหลออกมากลิ้งหลุนๆ ไปกับพื้น กล่าวว่า “มา! สู้ส่วนสู้ กินผลไม้ก็ส่วนกินผลไม้! คนละลูก ข้าใจกว้างมากใช่ไหม”

ทุกคนต่างลังเลครู่หนึ่ง เห็นมกรกินอย่างเอร็ดอร่อย หงส์แดงจูเชวี่ยก็ท่าทางยังดื่มด่ำอยู่ ในที่สุดก็กรูกันเข้ามารุมแบ่งผลไม้ อู๋จือฉียิ้มกล่าวว่า “น่าสงสารๆ! แม้แต่ผลไม้ธรรมดาที่สุดก็กินกันจนเอร็ดอร่อย หากพวกเจ้าได้ลิ้มลองอาหารในโลกมนุษย์ จะลืมตัวจนกลืนลิ้นลงไปด้วยไหมเนี่ย”

เทพดาวจิตรากัดแทะลูกซิ่งไปก็กล่าวอย่างแปลกใจไปว่า “โลกมนุษย์มีของอร่อยอะไร”

วาจานี้ถามจี้ใจมกรพอดี เขารีบไล่เรียงเล่าถึงอาหารเลิศรสในหลายปีนี้ที่ตนเองได้ลิ้มลองออกมาหมด ครู่หนึ่งก็เป็นพวกอาหารทะเลรสชาติสดใหม่ ครู่หนึ่งก็เป็นพวกซุปตุ๋นได้รสชาติอร่อยลุ่มลึก เล่าจนทำเอาทุกคนดวงตาส่องประกายสีเขียว ดาวจิตรารีบอุดปากไว้กันน้ำลายไหลออกมา

“แต่ของที่ดีที่สุดโลกมนุษย์ก็ยังควรเป็นสุรา เทียบกับน้ำเปล่าไร้รสชาติที่นี่แล้วคนละชั้นเลย! พวกเจ้าเป็นเซียนกันมานาน หากรสชาติสุราดียังไม่เคยได้ลิ้มลอง เรียกว่ามีชีวิตเสียเปล่าแล้วจริงๆ!”

มกรพูดจนน้ำลายแตกฟอง ทำเอาทุกคนต้องอุทานอย่างคาดไม่ถึง บรรยากาศต่อสู้หายวับไปในทันที ทั้งเทพเซียนและปีศาจต่างพากันมานั่งรวมกัน เริ่มนึกภาพอาหารเลิศรสตามไปเป็นชุดๆ แทบอยากจะแอบหนีลงไปโลกมนุษย์ลิ้มลองรสชาติยอดเยี่ยมโอชารสราวภาพในฝันเสียบัดดล

อู๋จือฉีถลกแขนเสื้อหาต่อ ล้วงเอาสุราไหเล็กๆ ไหหนึ่งออกมา พอเปิดผนึกไหออก กลิ่นหอมของสุราเย้ายวนใจก็แผ่กำจายรอบทิศ พริบตานั้นเอง สายตาทุกคู่ก็จับจ้องมองมา

เขายกไหสุราขึ้น ยิ้มกล่าวว่า “พกไว้ติดตัวยามเดินทาง เป็นสุราหนี่ว์เอ๋อร์หง ผู้ใดอยากจะลอง”

มกรพุ่งเข้าไปคนแรก ถูกเขาถีบออก “ถอยไป! เดิมก็มีไม่มาก ไม่มีส่วนของเจ้า!”

อู๋จือฉีโยนไหสุราให้หงส์แดงจูเชวี่ย ยิ้มกล่าวต่อว่า “ลองสักอึก”

หงส์แดงจูเชวี่ยลังเลคว้าไว้ก่อนจะเงยหน้าดื่มไปอึกเล็กๆ รู้สึกเพียงแค่ในปากมีเปลวเพลิงก่อตัว สีหน้าแปรเปลี่ยน แทบจะพ่นออกมา เขาฝืนกลืนลงคอไป กำลังจะตวาดด่าเขาสองคนที่หลอกลวง ผู้ใดจะรู้ว่าลูกไฟนั่นราวกับแอบซ่อนดอกฝ้ายอ่อนนุ่มเอาไว้ พอลงท้องไปก็แตกกระจายออก รสชาติร้อนแรงดังเปลวเพลิงพริบตาก็ปะทุขึ้นหัว รสชาติเช่นนี้ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนในชีวิต ได้แต่ชื่นชมดื่มด่ำ

เขาร้องชมว่า “ของดี!” ตามมาด้วยโยนส่งต่อให้เสือขาวที่นั่งอยู่ไกลออกไป “เจ้าลองดู!”

เสือขาวเพิ่งเสียหน้าไปก่อนหน้า เดิมคิดอาศัยจังหวะทุกคนไม่ทันสังเกตแอบลอบจากไปเงียบๆ ผู้ใดจะรู้ว่าหงส์แดงจูเชวี่ยกลับโยนไหสุราให้นาง นางได้แต่เงยหน้าดื่มไปอึกหนึ่ง รสชาติไม่เลวดังคาด นางอดแย้มยิ้มไม่ได้ เผยความงามราวบุปผาในฤดูวสันต์ นางโยนไหสุราต่อให้เทพดาววิสาขะที่นอนนิ่งไม่ขยับว่า “ให้เจ้า!”

สุราไหนั้นถูกบรรดาเทพเซียนดื่มคนละคำสองคำก็หมดลงอย่างรวดเร็ว กว่ามกรจะรอให้พวกเขาทุกคนได้ดื่มกันคนละคำสองคำเสร็จ ตอนแย่งมาได้ก็จะกระดกใส่ปาก ผู้ใดจะรู้ว่าพอพลิกไหขึ้นก็ไม่เหลือแม้สักหยด ถูกพวกเขาดื่มกันจนหมดเกลี้ยง

เขามองไหสุราน้ำเสียงเศร้าว่า “เจ้าวานรแล้งน้ำใจ! แต่ไรมามีของดีไม่เคยคิดถึงข้า!”

อู๋จือฉีลูบคาง ยิ้มแปลกประหลาดมาก กล่าวเสียงแผ่วเบาว่า “เดี๋ยวเจ้าก็รู้ว่าข้าเป็นคนดีที่หนึ่งในโลก”

ผลไม้กินหมดแล้ว สุราดื่มหมดแล้ว ตอนนี้บรรดาเทพเซียนล้วนหน้าแดง เรอสุรากันออกมา ก่อนจะคิดกลับมาหาเรื่องเขาสองคนต่อ เทพดาวจิตราติดอ่างกล่าวว่า “อู๋…อู๋จือฉี พวกเรากินดื่มของเจ้าหมดแล้ว…สุราเจ้า…แต่อย่าคิดนะว่าจะจบเช่นนี้! มาๆ พวกเรามาต่อกัน…สู้กันสักสามร้อยกระบวน!”

มกรขมวดคิ้วกล่าวว่า “กินของคนอื่น รับของคนอื่น กินอิ่มดื่มอิ่มแล้ว เจ้ายังมีหน้ามาพูดอะไรพวกนี้อีก!”

เทพดาวจิตราถลึงตาจ้องมอง “คนละเรื่อง…คนละเรื่องกัน! ไม่อาจเอามารวมกันได้! อย่างมากข้าก็ลงมือก่อน ผลัดกันก็แล้วกัน!” เขากระโดดขึ้นพลิกฝ่ามือคิดคว้าหัวไหล่อู๋จือฉี

อู๋จือฉีอมยิ้มไม่ขยับตัวราวกับไม่คิดต่อต้าน ปล่อยให้พวกเขาจับ เทพดาวจิตราดีใจมาก กางห้านิ้วมือตบอาวุธส่องประกายแสงเยียบเย็นเช่นโลหะ เห็นอาวุธคมกริบพุ่งไปตรงหน้าอกเขา ผู้ใดจะรู้ว่าไปได้ครึ่งทาง เบื้องหน้าพลันพร่ามัวไปหมด พึมพำกล่าวว่า “แปลกมาก…มึนหัว!”

วาจายังกล่าวไม่จบก็ได้ยินเสียง โครม ดัง เขาล้มหน้าคว่ำลงกับพื้นสลบเป็นตาย

บรรดาเทพเซียนต่างมีสีหน้าตกใจ พากันกระโดดขึ้น ตามมาด้วยอาการเดียวกันแบบโยนเกี๊ยวลงหม้อ เสียงโครมดังไม่ขาด ไม่ทันไรก็ล้มพังพาบไปหมด เหลือแต่อู๋จือฉีกับมกรทั้งสองนั่งอยู่ที่เดิม

“เอ๋? นี่มันอะไรกัน” มกรทั้งตกใจและดีใจ ใช้ขาเตะเทพดาวจิตราดู เขาถูกเตะหงายท้องขึ้น สองแก้มแดงก่ำ กลิ่นสุราหึ่ง หลับปุ๋ยไปแล้ว บรรดาเทพเซียนที่ล้มลงส่วนใหญ่เมามายไร้สติ ไม่รู้ฝันหวานอะไรกันอยู่

อู๋จือฉีค่อยๆ ลุกขึ้นยืนอย่างไม่รีบร้อน เดินไปเก็บไหสุราเล็กๆ สีดำที่ไม่สะดุดตานั้นขึ้นมา เช็ดสะอาดก่อนยัดเข้าแขนเสื้อ กล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า “ไหนี้เรียกว่าจิ่วเสินเจวี๋ย พอใส่น้ำลงไป อีกชั่วยามก็ย่อมกลายเป็นสุราดีดีกรีแรงหอมหวานอย่างที่สุดเอง ดื่มไปคำหนึ่งหลับไปสามวัน เมื่อครู่ข้าเติมน้ำในแม่น้ำชื่อสุ่ยลงไป ตอนนี้เลยกลายเป็นสุรารสชาติยอดเยี่ยมอย่างไร แต่พวกเขาเป็นเทพเซียน เกรงว่าคงตื่นเร็วกว่า ดังนั้นข้าจึงได้เติมผงยาลงไปอีก รับประกันว่าพวกเขาได้นอนกันไปสามวันสามคืน”

มกรเห็นว่าไม่ต้องลงมือก็ทำให้บรรดาพวกฝีมือร้ายกาจล้มลงเองได้ ก็ดีใจเกาหูเกาหัวไม่หยุด กล่าวติดๆ กัน “ของดีเช่นนี้ ทำไมเจ้าไม่รีบเอาออกมา! เจอของแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร”

อู๋จือฉีกอดอกท่าทางได้ใจ “ของรักของหวงของข้ามากเลยเหอะ! เจ้าคิดว่ามีแต่ขอสมุทรเช่อไห่? ตอนนั้นข้าไปเจอเผ่าเงือกที่ทะเลหนานไห่ ได้ท้าพนันกับพวกเขา ปรากฏพวกเขาแพ้ พวกเขาเลยยกของเล่นนี่ให้ข้า ของดีอย่างไร ย่อมทิ้งไว้ใช้สุดท้าย หากข้าไม่ปล่อยลูกไม้ออกมาล่อลวงไว้ก่อน พวกเขาจะยอมดื่มสุรายอดเยี่ยมอันดับหนึ่งนี่ลงไปแต่โดยดีหรือ”

เขาเตะหงส์แดงจูเชวี่ยให้หงายท้องขึ้น เห็นหน้าตาเมากรึ่มของอีกฝ่ายแล้วก็หัวเราะว่า “ข้ายังมีเรื่องสำคัญต้องทำ ไม่มีเวลามาปรนนิบัติเทพเซียนหน้าเหม็นอย่างพวกเจ้า ราชันสวรรค์เจตนาร้ายแท้ คิดให้ข้าสังหารให้หมด ข้าไม่ให้เขาสมหวังหรอก! ไม่สังหารสักคน ดูสิว่าเขาจะทำอะไรข้าได้”

มกรยามนี้เลื่อมใสเขาจากใจอย่างแท้จริงแล้ว ล้วนกล่าวว่าอู๋จือฉีมากความสามารถ ที่แท้ความสามารถเขาไม่เพียงแต่ต่อสู้ แต่ยังใช้สมองด้วย เขามองสายตาเขาที่ส่องประกายแวววับ รู้สึกเพียงแค่การดึงดันจะประลองกับเขาตั้งแต่พันปีก่อนไม่ใช่ความผิดพลาดสักนิด เป็นความฉลาดล้ำอย่างที่สุด มองการณ์ไกลมากๆ

[1] ลูกสาสี่

[2] ลูกหลี่ ลูกซิ่ง คือลูกไหนกับลูกแอปปริคอตตามลำดับ