บทที่ 340 แผ่นยันต์กระบี่โค้งมังกรบิน
มันเป็นคมกระบี่ที่มีอานุภาพการโจมตีหนักหน่วง
จักรวรรดิเป่ยไห่ไม่เคยมียอดฝีมือระดับนี้มาหลายร้อยปีแล้ว
ต่อให้พวกเขาฝึกฝนทั้งวันทั้งคืน ก็ไม่มีใครเคยมีทักษะในรูปแบบนี้มาก่อน
หลิงฉือสามารถใช้พลังลมปราณแทนคมกระบี่!
นับเป็นความสามารถที่จะพบได้ในกลุ่มอัจฉริยะของอัจฉริยะเท่านั้น
การโจมตีในลักษณะนี้จำเป็นต้องใช้ทั้งความเชี่ยวชาญ
ความดุดัน
และความมีประสิทธิภาพ
การใช้พลังลมปราณโจมตีแทนคมกระบี่ ทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถแยกแยะได้ว่าหลิงฉือโจมตีออกมาด้วยกระบวนท่าใด และยิ่งไม่สามารถบอกได้ว่าวิชากระบี่ที่เขาใช้ออกมามีความสูงส่งอยู่ในระดับไหน
นี่คือความสามารถที่ได้มาจากพรสวรรค์
อาศัยเพียงพรแสวงไม่มีทางบรรลุผลเด็ดขาด
ต่อให้มีอาจารย์สอนกระบี่ที่เก่งกาจที่สุดในใต้หล้า แต่ถ้าไม่มีพรสวรรค์ติดตัวตั้งแต่เกิด หลิงฉือก็ไม่มีทางมีฝีมืออยู่ในระดับนี้ได้เด็ดขาด
ทักษะอื่นอาจจะฝึกฝนกันได้
แต่พลังลมปราณกระบี่ไม่มีทางฝึกฝนได้แน่นอน
มันเป็นสิ่งที่ไม่มีผู้ใดจะสามารถสร้างความเข้าใจให้แก่เขา
หลิงฉือมีแต่ต้องทำความเข้าใจด้วยตนเองเท่านั้น
ในเมื่อคนเรามีพลังวิญญาณต่างกัน จิตใจต่างกัน ความเข้าใจต่อกระบี่จึงต่างกัน
หากสามารถโจมตีกระบี่ได้โดยใช้พลังลมปราณ ในโลกนี้หลิงฉือก็สามารถทำได้ทุกอย่างแล้ว เขาสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้โดยไม่ต้องชักกระบี่ด้วยซ้ำ
นี่คือสิ่งที่ยืนยันคำพูดที่ว่ากระบี่อยู่ที่ใจได้เป็นอย่างดี
เพียงแต่การเอาชนะมือกระบี่โดยไม่ใช้กระบี่ ไม่ค่อยเป็นที่ยอมรับในวงกว้างเสียเท่าไหร่นัก
ดังนั้น ต่อให้หลิงฉือจะได้รับการสั่งสอนจากท่านอาจารย์เป็นอย่างดี แต่สุดท้ายเขาก็ต้องมาทำความเข้าใจด้วยตนเอง ว่าความสามารถพิเศษนี้ควรใช้ออกมาตอนไหนบ้าง
เขาตั้งใจว่าจะไม่ใช้มันออกมาถ้าไม่ถึงคราวจำเป็นจริงๆ
บัดนี้ หลิงฉือมีความเข้าใจในวิถีกระบี่สูงล้ำ มันหลอมรวมเขาเป็นหนึ่งเดียวกับตัวกระบี่ เปรียบเสมือนการเชื่อมโยงกันระหว่างพลังสวรรค์และปฐพี พลังลมปราณกระบี่ของเขาจึงรุนแรงไม่ต่างจากแผ่นดินไหวพายุกระหน่ำ… ไม่ว่าผู้ใดถูกโจมตีเข้าไป ก็ยากที่จะต้านทานเอาตัวรอด
จึงกล่าวได้ว่าหลิงฉือมีความน่ากลัวกว่าที่ทุกคนคาดคิด
ความสามารถของเขาใกล้เคียงกับคำว่าเซียนกระบี่ตัวจริง
ต่อให้นำเซียนกระบี่มาต่อสู้กับเขาในยามนี้ ก็ใช่ว่าจะสามารถโค่นล้มหลิงฉือได้ง่ายๆ
นับดูในประวัติศาสตร์ของจักรวรรดิเป่ยไห่ เกรงว่าผู้ที่บรรลุฝีมือระดับนี้มีอยู่ไม่มาก
และทุกคนล้วนได้รับการบรรจุชื่อในหอเกียรติยศมือกระบี่หมดสิ้น
การใช้พลังลมปราณกระบี่ของหลิงฉือทำให้ทุกคนอยู่ในอาการตกตะลึง
อู๋ซางหยานนอนจมกองเลือด หมดสติไม่รู้เรื่องรู้ราว
ไป๋ไห่ชินหัวใจเกิดความสับสนตื่นตระหนก
ชายชราผู้เป็นหนึ่งในสามเซียนกระบี่จากเมืองไป๋หยุน เคยเผชิญหน้ามือกระบี่ฝีมือดีมาแล้วนับไม่ถ้วน แต่เขายังไม่เคยพบเจอผู้ใด สามารถใช้พลังลมปราณกระบี่ได้จริงๆ มาก่อน
บรรดามือกระบี่ที่มารวมตัวกันในจัตุรัสเมื่อเห็นพลังพิเศษของหลิงฉือ พวกเขาก็ทั้งประหลาดใจและรู้สึกอิจฉาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“สมแล้วที่เป็นยอดอัจฉริยะหลิงฉือ นับว่าน่าตื่นตาตื่นใจเหลือเกิน ช่างเป็นวาสนาของผู้เฒ่าหลิงที่มีหลานชายฝีมือดีถึง 2 คน มิหนำซ้ำ พวกเขายังไม่กระหายในอำนาจ เฝ้าทำหน้าที่ในกองทัพอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตน โดยเฉพาะหลิงฉือที่ได้รับฉายาว่าอสูรกระหายเลือดจากนายทหารแนวหน้า คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเขาจะสามารถใช้พลังลมปราณกระบี่ได้ถึงระดับนี้ …” ถังกู่จินพูดด้วยน้ำเสียงยกย่องจากใจจริง
หลังจากเว้นช่วงเล็กน้อย ผู้ตรวจการมณฑลก็กล่าวต่อว่า “คนหนุ่มไฟแรงและใจร้อน ย่อมเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ เจ้าคิดลงมือกับข้า ข้าไม่ถือสาหาความ แต่วันนี้แม้บิดาและท่านปู่ของเจ้าก็อยู่ที่นี่ด้วย แต่เจ้าก็ยังไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตา รู้ตัวหรือไม่ว่าเจ้ากำลังทำลายภาพลักษณ์อันสูงส่งของตระกูลหลิง และถ้าเจ้ายังทำตัวไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่อีกแบบนี้ หึหึ…”
ดวงตาของหลิงจุนเซวียนเป็นประกายแวววาวขึ้นมาทันที
“มีแต่เลือดเท่านั้นที่จะล้างจิตใจสกปรกของเจ้าได้” หลิงฉือพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาปราศจากอารมณ์ดังเดิม บ่งบอกว่าเขาไม่ได้เก็บคำพูดของถังกู่จินมาใส่ใจสักนิดเดียว “เจ้าไม่ได้กลัวว่าข้าจะทำลายภาพลักษณ์อันสูงส่งของตระกูลหลิง แต่เจ้ากำลังเป็นห่วงความปลอดภัยของตนเองมากกว่า”
พูดจบ
พลังลมปราณกระบี่ก็พวยพุ่งออกมาอีกครั้ง
ได้ยินเสียงคมกระบี่แหวกอากาศ
แล้วทุกคนก็ได้เห็นว่ามีมวลพลังกึ่งโปร่งแสงในลักษณะเหมือนกระบี่พุ่งเข้าไปวนเวียนอยู่รอบกายถังกู่จินกับไป๋ไห่ชินและอู๋ซางหยาน พลังการโจมตีคุกคามรุนแรง เหมือนกับว่าต้องการฟาดฟันร่างกายของฝ่ายตรงข้ามให้แหลกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
นับว่าหลิงฉือลงมือโจมตีโดยไม่ไว้หน้าผู้ใดเลยจริงๆ
อู๋ซางหยานที่เพิ่งจะฟื้นสติกลับขึ้นมา ต้องส่งเสียงร้องโหยหวนออกมาด้วยความเจ็บปวด
เลือดเป็นสายพุ่งกระฉูดจากข้างแก้ม ท่อนแขน หน้าอก ช่วงท้อง ช่วงเอวและแผ่นหลังของเขาพร้อมๆ กัน ต่อให้สวมใส่ชุดเกาะอยู่ก็ตาม แต่มันก็ไม่สามารถคุ้มครองร่างกายขององครักษ์หนุ่มได้อีกแล้ว ตั้งแต่หัวจรดเท้าของเขาเต็มไปด้วยรอยบาดแผลจากคมกระบี่ทุกหนทุกแห่ง และเพียงไม่นาน อู๋ซางหยานก็ถูกย้อมไปด้วยเลือดตั้งแต่หัวจรดเท้า
ครืน!
ไป๋ไห่ชินโคจรพลังลมปราณใส่กระบี่ในมือและตวัดอาวุธขึ้นป้องกันตนเอง
มวลพลังงานโปร่งแสงกระจายหายไป
เส้นผมของชายชราขาดออกมากระจุกหนึ่ง
ที่ข้างแก้มของเขามีเลือดไหลซึมออกมาเล็กน้อย
ไป๋ไห่ชินเริ่มคิดด้วยความหวาดวิตกว่า หากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป อย่าว่าแต่เขาจะไม่สามารถปกป้องถังกู่จิน แม้แต่ตนเองก็ใช่ว่าจะเอาตัวรอดได้อีกแล้ว ถ้าเกิดหลิงฉือโจมตีออกมาอีกครั้ง ไป๋ไห่ชินก็ไม่แน่ใจว่าตนเองจะรับมือได้อีกหรือไม่…
“เฮ้อ”
พลัน ถังกู่จินถอนหายใจออกมาเล็กน้อย…
“ข้าอยากจะไว้หน้าตระกูลหลิงแท้ๆ ทำไมถึงต้องบังคับกันด้วยนะ”
ผู้ตรวจการมณฑลแบมือออกมาข้างหน้า
แล้วแผ่นยันต์สีเหลืองแผ่นหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา
มันเป็นแผ่นยันต์สีเหลืองเก่าแก่เขียนอักขระบางอย่างอยู่บนนั้น เพียงกวาดตามองแค่ครั้งเดียว ก็รู้แล้วว่านี่ต้องเป็นแผ่นยันต์ที่มีค่ามหาศาล เพียงถืออยู่ในมือเฉยๆ ถังกู่จินก็ถึงกับมือสั่น และเมื่อเขาโคจรพลังลมปราณเข้าไปในแผ่นยันต์ พลังอันน่ากลัวและศักดิ์สิทธิ์ก็พลันพวยพุ่งออกไปรอบบริเวณ
บรรยากาศปั่นป่วนเหมือนเกิดลมฝนพายุกระหน่ำ
พลังลมปราณกระบี่ของหลิงฉือถูกสลายหายไปหมดสิ้น
ทุกคนรู้สึกถูกกดดันเหมือนจะหายใจไม่ออก
แล้วแผ่นยันต์ในมือของถังกู่จินก็ค่อยๆ ลอยขึ้นไปในอากาศ พวกเขาเพิ่งได้เห็นอย่างถนัดตา ว่าตัวอักษรด้านหนึ่งเขียนเอาไว้เป็นถ้อยคำ
‘กระบี่โค้ง’
และที่ด้านหลังก็มีอีกคำเขียนเอาไว้ว่า
‘มังกรบิน’
เมื่อนำทั้งสองคำมารวมกัน ก็จะได้คำว่ากระบี่โค้งมังกรบิน
คำว่ากระบี่โค้งหมายถึงอาวุธชนิดหนึ่งที่มีใบกระบี่โค้งงอเหมือนใบหอก แต่มีความหนาเหมือนสันขวาน เป็นตัวแทนของความดุดันและแข็งแกร่ง
ส่วนคำว่ามังกรบิน สัตว์ในตำนานชนิดนี้เป็นตัวแทนของความสูงส่งและศักดิ์สิทธิ์ มังกรจะโผบินบนก้อนเมฆ เคียงข้างตะวันและจันทรา เมื่อพวกมันปรากฏตัว ผู้คนบนโลกมนุษย์ก็จะต้องคุกเข่าลงคำนับด้วยความเคารพ เหมือนได้พบเจอกับเทพเจ้า
และพลังกดดันที่แผ่ออกมาจากแผ่นยันต์ก็ทำให้ชาวเมืองหยุนเมิ่งต้องคุกเข่าลงไปแล้ว
แผ่นยันต์กระบี่โค้งมังกรบิน
ลายมือที่อยู่บนแผ่นยันต์นั้นเป็นของเซียนกระบี่โจว
เมื่อเห็นยันต์แผ่นนี้ ก็เท่ากับได้เห็นเซียนกระบี่โจวปรากฏตัว
เพียงยันต์แผ่นเดียว ถังกู่จินก็มีพลังไม่ต่างจากมีทหารทั้งกองทัพอยู่ในมือ
ถังกู่จินยิ้มแย้มเย้ยหยัน
ดวงตาของเขาลุกเป็นไฟ
หลิงฉือมีพลังลมปราณกระบี่แล้วจะทำไม สุดท้ายก็สู้แผ่นยันต์ที่เขามีอยู่ในมือไม่ได้อยู่ดี !!!