เหมยไอ้ย่วนมองโทรศัพท์ที่เซียวจิ่งวางไว้บนโต๊ะอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง นี่เธอเพิ่งได้ยินความลับที่น่าตกใจ และเป็นสักขีพยานให้กับนักสืบน้อยที่กำลังข่มขู่จำเลยใช่ไหม
หัวใจหลินเจียววูบลงอย่างแรงตามคำพูดของถังซี “แกหมายความว่ายังไง” เธอตะโกน
แต่คำตอบที่ได้รับเป็นเพียงเสียงสัญญาณสายไม่ว่าง เมื่อเห็นว่าถังซีวางสายไปแล้วเซียวจิ่งก็ลุกขึ้นอย่างไม่รีบร้อน จัดเสื้อผ้าตัวเองให้เรียบร้อย ก่อนจะหันไปหาเหมยไอ้ย่วนและขอบคุณเธอ “ขอบคุณมากนะครับ คุณนายเฉิน ผมจะพาผู้หญิงคนนี้ไปกับผมเดี๋ยวนี้”
เหมยไอ้ย่วนยังคงตกใจกับคำพูดเมื่อกี้นี้ของถังซี เมื่อได้ยินเซียวจิ่งขอบคุณเธอก็พยักหน้ารับและพึมพำว่า “ยินดีค่ะ แล้วถ้าคุณหนูเซียวต้องการความช่วยเหลืออะไรอีก บอกเราได้เลยนะคะ”
เซียวส่าเลิกคิ้ว ขณะที่เซียวจิ่งก็มองหน้าเหมยไอ้ย่วนอย่างงุนงงด้วยเช่นกัน เหมยไอ้ย่วนยิ้มและกล่าวเบาๆ “ถ้าคุณหนูเซียวรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอในปีนั้น และต้องการเอาตัวผู้หญิงคนนี้ขึ้นศาล ฉันสามารถไปให้การเป็นพยานได้ค่ะ”
เซียวจิ่ง เซียวส่า และแม้แต่หยางฉีมั่ว ทุกคนดูประหลาดใจ ด้วยสถานะทางสังคมในปัจจุบันของเธอ เหมยไอ้ย่วนสามารถอยู่อย่างสุขกายสบายใจในเมือง W โดยไม่ต้องสนใจปรับตัวให้เข้ากับความรู้สึกนึกคิดของใคร และไม่ต้องเห็นแก่หน้าใคร แต่ตอนนี้เธอเสนอตัวช่วยเป็นพยานในศาลอย่างนั้นหรือ เหมยไอ้ย่วนรู้ว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่เมื่อเห็นสีหน้าพวกเขา เธอยิ้มและกล่าวว่า “ฉันชื่นชมในตัวคุณหนูเซียวมาก แล้วอีกอย่างหนึ่งคุณหนูก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นของลูกสาวฉัน และเป็นไอดอลของเธอด้วย ฉันจึงอยากช่วยเหลือคุณหนูเซียวเล็กๆ น้อยๆ ค่ะ”
เซียวจิ่งพยักหน้าและขอบคุณเธอ “ถ้าอย่างนั้น ผมต้องขอบคุณคุณนายเฉินแทนน้องสาวผมด้วยนะครับ ตอนนี้เราต้องพาผู้หญิงคนนี้ไปแล้วล่ะ”
หลินเจียวจ้องหน้าเซียวจิ่งเขม็งแล้วถามอย่างเย็นชา “เซียวโหรวพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง ทำไมจิ้นหนิงถึงถูกจับ แล้วแม่ฉันถูกตำรวจจับได้ยังไง! พวกแกกล้าดียังไงถึงทำกับแม่ฉันแบบนี้”
เซียวจิ่งจ้องหน้าหลินเจียว ผู้ยังไม่รู้สำนึกแม้กระทั่งในตอนนี้ และตอบอย่างหมดความอดทน “เดี๋ยวเธอก็รู้เอง ตอนไปถึงเมือง A ตอนนี้แค่หุบปากและตามเรามา”
ทั้งหมดไม่สามารถเดินทางได้โดยเครื่องบิน เพราะหลินเจียวบาดเจ็บ พี่น้องทั้งสองจึงตัดสินใจขับรถกลับเมือง A กลางดึกคืนนั้น
…
หลังจากวางสาย ถังซีก็เรียกใช้งาน 008
[ระบบ : เจ้าหญิงฮูกน้อยแห่งราตรีกาลของข้า ข้าขอถามว่าท่านเรียกข้ามาทำไม]
ถังซีคุ้นเคยกับวิธีพูดกับเธอแบบแปลกๆ ของ 008 แล้ว จึงแค่ถามว่า “ใครคือพ่อแม่ที่แท้จริงของคุณแม่ฉัน”
008 : “ข้าจะไปรู้ได้เช่นไร ข้าไม่ได้เป็นสูตินรีแพทย์ที่ทำคลอดให้มารดาท่านตอนที่เธอเกิดนี่”
ถังซีจินตนาการได้ว่า 008 จะเบ้ปากขณะพูดแบบนี้ เธอขมวดคิ้ว ถามต่อไปว่า “คุณไม่ได้เป็นระบบผู้รอบรู้ทุกสิ่งทุกอย่างหรอกเหรอ เรื่องแค่นี้คุณยังไม่รู้เลย”
“ข้าไม่ใช่ระบบสอดรู้สอดเห็น ข้าเป็นระบบที่มีสมบัติผู้ดี เข้าใจไหม อย่ามองข้าเหมือนเป็นพวกถ้ำมองสิ!”
ถังซีพูดไม่ออก เธอเม้มริมฝีปากแล้วกล่าวว่า “ก็ได้ ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันขอถามคุณว่าเซียวจิ้นหนิงเป็นลูกสาวหลินเจียวใช่ไหม”
008 : “อ้อ… นี่ใช่ไหมคือสิ่งที่ท่านกำลังค้นหาความจริงอยู่ตอนนี้ ท่านจะรู้ความจริงได้ก็เพียงแค่ตรวจพิสูจน์ความเป็นพ่อแม่ โดยใช้เลือดของหลินเจียวกับเซียวจิ้นหนิง ท่านมาถามข้าทำไม”
ถังซีรู้สึกโกรธขึ้นมา “ฉันต้องการรู้เร็วๆ ไม่ต้องรอตรวจ เข้าใจไหม เพื่อให้ฉันมั่นใจมากขึ้นตอนที่เจอกับหลินเจียวในวันพรุ่งนี้! คุณไม่รู้หรือว่าสิ่งสำคัญที่สุดในการเจรจาคือ การรู้จักคู่ต่อสู้ของคุณให้ดีที่สุด แล้วอีกอย่าง ถ้าหลินเจียวมีส่วนรู้เห็นในคดีสับเปลี่ยนเด็กจริงๆ นั่นจะไม่ใช่เหตุบังเอิญ แต่เป็นอาชญากรรม!”
008 เงียบกริบ ถังซีขมวดคิ้ว รออยู่นานกว่าที่ 008 จะตอบ “จากข้อมูล หลินเจียวซึ่งหายตัวไปนานกว่ายี่สิบสามปี จริงๆ แล้วอยู่ในเมือง W ตลอดช่วงเวลานั้น”
ถังซีขมวดคิ้วถามอย่างเคร่งเครียด “คุณหมายความว่า เซียวจิ้นหนิงกับฉันถูกสับเปลี่ยนตัวกันเมื่อยี่สิบสามปีที่แล้ว โดยหลินเจียวเป็นคนทำอย่างนั้นใช่ไหม”
[ระบบ : ไม่มีข้อมูลเพิ่มเติม ส่วนที่เหลือจะปล่อยให้โฮสต์ถังซีหาคำตอบอย่างสมบูรณ์ด้วยตนเอง สู้ๆ เจ้าหญิงน้อยนักสืบ!]
ถังซียกฝ่ามือตบหน้าผากตัวเอง พูดไม่ออกอย่างแท้จริง เธอจะหาระบบที่ไหนในโลกที่โง่กว่านี้มีอีกไหม
ทว่า… ดูเหมือนจะไม่ใช่เธอที่มองหาระบบ แต่เป็นระบบต่างหากที่มองหาเธอ
เอาล่ะ ใช่ เธอเคยอ่านนวนิยายมาบ้าง ในนิยายที่มีระบบส่วนใหญ่ ดูเหมือนจะมีเพียงตัวละครเอกเท่านั้นที่จะได้รับระบบที่น่าพึงพอใจ ในขณะที่ระบบสำหรับผู้หญิงทั่วไปล้วนเป็นระบบพื้นๆ เก่งแต่ในเรื่องกลอุบายแทบทั้งนั้น!
ถังซีลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจพร้อมกับปลอบใจตัวเอง เธอกำลังจะเข้านอน แต่จู่ๆ ดวงตาก็ต้องเบิกกว้าง และจ้องมองออกไปที่ลานหน้าบ้าน มีรถยนต์ปอร์เช่ คาเยนน์จอดอยู่ข้างนอก และชายหนุ่มผู้ที่เธอไม่สามารถจะคุ้นเคยได้มากไปกว่านี้อีกแล้ว กำลังยืนพิงรถมองมาที่เธอ
ถังซีรีบหันหลังวิ่งออกไปข้างนอก ในเวลาที่เธอวิ่งลงบันไดไปชั้นล่างนั้นเฉียวเหลียงก็มารออยู่ที่หน้าประตูแล้ว เธอมองเขาด้วยความประหลาดใจ ถามเบาๆ ว่า “คุณมาที่นี่ทำไม”
เฉียวเหลียงดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขน น้ำเสียงเขาแหบห้าว ฟังดูค่อนข้างเหนื่อยล้าเมื่อตอบว่า “ผมทำงานล่วงเวลาจนถึงสี่ทุ่ม พอกลับถึงบ้านผมก็นอนไม่หลับ ผมเลยมาหาคุณที่นี่” เขากอดเธอแน่นแล้วถามเสียงแผ่ว “ทำไมคุณถึงยังไม่นอน”
เมื่อถังซีได้ยินเฉียวเหลียงเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนล้าว่าเขามาหาเธอเพราะนอนไม่หลับ เธอรู้สึกปวดร้าวอย่างแรงในใจ เธอรู้ว่าโรคนอนไม่หลับของเขาไม่สามารถรักษาให้หายได้ในเวลาอันรวดเร็ว เธอกระซิบว่า “ฉันพยายามค้นหาว่าทำไมเซียวโหรวถึงถูกส่งไปที่เมือง W และเพิ่งพบเบาะแสค่ะ ฉันก็เลยยังไม่ง่วง แต่ว่าฉันกำลังจะเข้านอนแล้วล่ะ”
เฉียวเหลียงพยักหน้าแล้วค่อยๆ คลายอ้อมกอด “อย่าให้ตัวเองเหนื่อยจนเกินไป ถ้าอย่างนั้นคุณไปนอนเถอะ”
ถังซีขมวดคิ้วจ้องมองเฉียวเหลียง หน้ามุ่ยถามว่า “คุณมาที่นี่เพื่อพูดกับฉันแค่นี้เท่านั้นเหรอ”
ไม่ใช่แน่นอน!
เฉียวเหลียงตะโกนอยู่ในใจ แต่เขาทนไม่ได้ที่จะทำให้เธอเหนื่อย ถังซีก้าวไปข้างหน้าโอบแขนรอบเอวเฉียวเหลียงและกระซิบ “ในเมื่อคุณมาที่นี่แล้ว ก็นอนพักสักครู่สิคะ”
หัวใจเฉียวเหลียงเต้นระทึกอย่างแรงจนไม่เป็นจังหวะ เขาก้มลงมองตาถังซีด้วยรอยยิ้มกว้างบนริมฝีปาก “คุณ…ชวนผมใช่ไหม”
ถังซีจ้องหน้าเขาด้วยความโมโห หยิกที่เอวเขาเบาๆ เฉียวเหลียงร้องออกมาและคว้ามือถังซีไว้ น้ำเสียงเขาเริ่มแหบพร่า “ซีซี อย่าล้อผมเล่น”
ถังซียักไหล่และทำปากยื่นใส่เฉียวเหลียง “ฉันหมายความว่า ในเมื่อคุณมาที่นี่แล้ว ก็นอนพักในรถสักครู่ สักสองชั่วโมงก็นับว่าได้นอนหลับพักผ่อนแล้ว”
เฉียวเหลียงขมวดคิ้ว “ถ้าอย่างนั้นคุณก็จะไม่ได้นอนน่ะสิ”
ถังซีตอบว่า “ไม่เป็นไรนี่ค่ะ คุณนอนสักสองชั่วโมง แล้วฉันจะปลุกคุณเอง หลังจากนั้นฉันค่อยขึ้นไปนอนข้างบนตอนที่คุณกลับไปแล้ว”
เฉียวเหลียงเม้มปาก แล้วบอกด้วยน้ำเสียงงอแง “ผมอยากนอนในห้องคุณมากกว่า”