ถังซีจ้องหน้าเฉียวเหลียง “อยากลองดีเหรอ คุณพ่อคุณแม่ฉันอยู่บ้านนะ คุณอยากตายหรือไง” 

 

 

เฉียวเหลียงยักไหล่ หันกลับเดินไปทางรถเขา แล้วบอกว่า “คุณไปพักผ่อนเถอะ ผมจะกลับไปที่บริษัท คุณเข้านอนซะ อย่าอยู่ดึก” 

 

 

ถังซีเริ่มโกรธ “เฉียวเหลียง หยุดเดี๋ยวนี้!” 

 

 

เฉียวเหลียงหยุดเดินทันที ขณะหันกลับไปหาถังซี ซึ่งดวงตาเปลี่ยนเป็นแดงเรื่อ เขาก็เริ่มรู้สึกเสียใจขึ้นมาอีก เขาเดินกลับไปอย่างรวดเร็ว เช็ดน้ำตาให้ถังซี แล้วขมวดคิ้วกล่าวว่า “ร้องไห้อีกทำไม เอาล่ะ เอาล่ะ ผมผิดไปแล้ว” 

 

 

“เฉียวเหลียง คุณกำลังพยายามทำให้ฉันรู้สึกผิดใช่ไหม” ถังซีมองหน้าเฉียวเหลียง ใช้กำปั้นทุบไหล่เขา “คุณอยากเห็นฉันวิตกกังวลเพราะเป็นห่วงคุณใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นก็ไปบริษัทเลย! ไปบริษัท! ฉันไม่สนใจคุณหรอก! ฉันไม่สนใจคุณอีกต่อไป ฉันไม่สนใจว่าเซียวโหรวคือใคร ฉันจะฆ่าตัวตาย! พอใจหรือยัง ถึงยังไงก็มีคนมากมายที่อยากให้ฉัน…” 

 

 

“พอแล้ว!” เฉียวเหลียงมองถังซีด้วยสาตาเย็นชา ถังซีหยุดชะงัก มองหน้าเฉียวเหลียงซึ่งไม่พอใจและโกรธขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ เธอส่งเสียงสูดจมูกฟุดฟิด เฉียวเหลียงเสียใจที่แสดงอารมณ์ต่อเธอรุนแรงเกินไป จึงเสียงอ่อนลง กล่าวอย่างไม่สบายใจว่า “คุณก็รู้ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ ผมไม่ไปบริษัทหรอก ตกลงไหม” 

 

 

ถังซีมองหน้าเฉียวเหลียง แล้วหันหลังเดินไปทางสนาม เฉียวเหลียงไม่อยากปล่อยเธอจึงคว้ามือถังซีไว้ และกระซิบว่า “อย่าออกไปเลย” 

 

 

ถังซีหันกลับมามองเฉียวเหลียง สะบัดมือจากเขาแล้วกล่าวว่า “งั้นก็มาสิคะ” 

 

 

เฉียวเหลียงจับแขนถังซีแน่น ชี้ขึ้นไปที่ห้องนอนเธอ “คุณชวนผมขึ้นไปข้างบนกับคุณเหรอ” 

 

 

“ก็คุณบอกไม่ใช่เหรอว่าไม่อยากนอนในรถ เพราะนอนในนั้นแล้วจะนอนไม่หลับ ถ้าอย่างนั้นก็ไปนอนในห้องฉัน ทั้งคุณทั้งฉันจะได้นอนหลับ” ถังซีตอบ 

 

 

เฉียวเหลียงแอบยิ้ม หัวใจเต้นแรงแทบกระโดดออกมาจากอก เขาก้าวไปข้างหน้า มองหน้าถังซี “คุณไม่กลัวคุณพ่อคุณแม่คุณเห็นผมหรือ” 

 

 

เมื่อได้ยินคำถามของเขาถังซีก็เขินอาย เธอมองตอบเขาด้วยท่าทางโมโห ถามว่า “คุณจะเข้ามาไหม!” 

 

 

“เข้าสิ!” เฉียวเหลียงตอบโดยไม่ลังเล 

 

 

ถังซีเม้มริมฝีปากแล้วหันหลังกลับ รอยยิ้มแอบปรากฏบนริมฝีปากเธออย่างรวดเร็ว โดยเฉียวเหลียงไม่ทันเห็น เฉียวเหลียงจูงมือถังซีขณะเดินไปกับเธอ 

 

 

ทั้งคู่ขึ้นไปชั้นบน และเข้าไปในห้องนอนถังซีอย่างเงียบกริบ เฉียวเหลียงมองดูห้องที่ตกแต่งราวกับห้องเจ้าหญิงและถามว่า “นี่คุณแต่งห้องเองหรือ” 

 

 

ถังซีจ้องหน้าเขา เฉียวเหลียงยักไหล่ ถอดเสื้อโค้ตกับรองเท้า แล้วนอนลงบนเตียงเจ้าหญิงสีชมพูของถังซี ถังซีก็ถอดรองเท้าแล้วกระโดดขึ้นไปบนเตียง เมื่อเห็นเฉียวเหลียงสวมเสื้อกันหนาวที่มีหมวก เธอก็ขยับเข้าไปใกล้เฉียวเหลียง ซึ่งดึงเธอเข้าไปในอ้อมแขน ถังซียิ้มอย่างเขินอาย เอนพิงอกเขาแล้วกระซิบว่า “ใส่เสื้อกันหนาวมีหมวกแบบนี้ คุณดูเหมือนตอนอยู่มัธยมปลายเลย หล่อมาก” 

 

 

ขณะนอนอยู่บนเตียงกับหญิงสาวแสนสวยในอ้อมแขน เฉียวเหลียงรู้สึกตื่นเต้น เขายิ้มอย่างพึงพอใจขณะก้มมองถังซีและกระซิบว่า “คุณหมายความว่าตอนนี้ผมไม่หล่อเหรอ” 

 

 

ถังซียิ้ม ไม่ตอบคำถามเขา วันนี้เธอเครียดมาทั้งวัน การต้องเผชิญหน้ากับคนอย่างเถาเยี่ยน ทำให้เธอเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ เมื่อได้เอนกายลงบนเตียง ไม่ช้าเธอก็ผล็อยหลับ เฉียวเหลียงมองถังซีซึ่งหลับสนิทด้วยรอยยิ้ม และกอดเธอแน่นยิ่งขึ้น 

 

 

… 

 

 

เมื่อถังซีตื่นเช้าวันรุ่งขึ้นเฉียวเหลียงออกไปแล้ว เธอมองไปรอบๆ ตัว แย้มมุมปากเล็กน้อย แล้วหันกลับไปนอนต่อ ไม่กี่นาทีต่อมาหยางจิ้งเสียนก็ผลักประตูห้องเปิดเข้ามา บอกให้เธอลุกขึ้นลงไปทานอาหารเช้า ถังซีมองเวลาและหาว ก่อนจะกล่าวอรุณสวัสดิ์กับมารดา หยางจิ้งเสียนบอกว่า “คุณพ่อลงไปวิ่งแต่เช้าแล้ว แต่เท้าลูกบาดเจ็บ เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งออกกำลังกายเลยนะจ๊ะตอนนี้” 

 

 

ถังซีพยักหน้ารับคำมารดา แล้วถามด้วยรอยยิ้ม “แม่คุณคะ เพราะว่าคุณแม่ไม่อยากเล่นโยคะกับหนูตอนเช้าหรือเปล่าคะ” 

 

 

หยางจิ้งเสียนส่งสายตาโมโหให้ถังซี ก่อนจะเดินเข้าไปแตะจมูกลูกสาวเบาๆ และกล่าวด้วยความรัก “สาวน้อยจอมซน ลุกขึ้นไปทานอาหารเช้าได้แล้ว พี่ส่าโทรมาหาแม่ บอกว่ากำลังจะออกจากทางหลวง และน่าจะเข้ามาถึงตัวเมืองในอีกหนึ่งชั่วโมง หนูจะไปเยี่ยมคุณแม่ของหนูก่อนไปพบหลินเจียวหรือเปล่า” 

 

 

หยางจิ้งเสียนรู้สึกขมขื่นในใจเล็กน้อยขณะเอ่ยคำว่า ‘คุณแม่ของหนู’ แต่ไม่นานเธอก็หาย อันที่จริงอย่างไรเสียวันนี้ต้องมาถึงไม่ช้าก็เร็ว เธอเตรียมตัวไว้พร้อมแล้ว เพียงแต่โหรวโหรวเป็นเด็กดีที่น่ารักจนเธอทนไม่ได้ที่จะเสียลูกสาวคนนี้ไป 

 

 

ถังซีรู้ดีว่าหยางจิ้งเสียนคิดอะไรอยู่ เธอลุกขึ้นเดินเข้าไปหาหยางจิ้งเสียน กอดมารดาแน่นและกล่าวอย่างอ่อนโยน “ไม่ต้องห่วงนะคะคุณแม่ ถึงแม้หนูจะยอมรับพวกเขา แต่คุณพ่อคุณแม่ก็ยังเป็นพ่อแม่ของหนูอย่างเดิม และที่นี่คือบ้านของหนู หนูจะรักคุณแม่ตลอดไปค่ะ” 

 

 

หยางจิ้งเสียนรู้สึกซาบซึ้งใจมาก เธอกอดถังซีไว้ในอ้อมแขนและพยักหน้าอย่างหนักหน่วง “ตกลงจ้ะ หนูไปอาบน้ำแต่งตัว แล้วลงไปทานอาหารเช้ากัน แม่ทำซุปไว้แล้ว หลังจากนั้นแม่จะไปโรงพยาบาลกับหนูด้วย” 

 

 

ถังซียิ้มและขอบคุณหยางจิ้งเสียน จูบแก้มเธอ ก่อนจะเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ 

 

 

… 

 

 

เมื่อถังซีกับหยางจิ้งเสียนมาถึงโรงพยาบาล เซียวเจี่ยนยังไม่ได้กลับบ้าน การอยู่เฝ้าที่นี่ทั้งคืนทำให้เขาดูอ่อนเพลียนิดหน่อย คางเขาเต็มไปด้วยหนวดเคราเขียวครึ้ม แต่เพราะเป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาหนวดเคราจึงยิ่งทำให้เขาดูมีเสน่ห์น่ามองยิ่งขึ้น ถังซีเดินเข้าไปหาเขาแล้วบอกว่า “เรามารับช่วงต่อแล้วค่ะ กลับไปพักผ่อนได้แล้ว” 

 

 

เซียวเจี่ยนพยักหน้า ทักทายหยางจิ้งเสียนซึ่งพยักหน้าตอบและบอกให้เขากลับไปพักผ่อน จากนั้นเธอก็ถามว่า “คุณแม่เธอฟื้นหรือยัง เมื่อคืนนี้” 

 

 

เซียวเจี่ยนส่ายศีรษะ “ยังเลยครับ แต่หมอมาตรวจอาการแล้วเมื่อเช้านี้ บอกว่าท่านน่าจะฟื้นวันนี้” 

 

 

หยางจิ้งเสียนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเซียวเจี่ยนก็กลับไป 

 

 

ไม่นานหลังจากนั้นเซียวหงอี้ก็มาถึงอย่างรีบเร่ง ทันทีที่เห็นถังซีเขารีบเดินเข้ามาหาอย่างรวดเร็วและถามว่า “โหรวโหรว พ่อได้ยินมาว่าลูกพบตัวหลินเจียวแล้ว จริงหรือ” 

 

 

“จริงค่ะ หนูมาหาคุณแม่ก่อน ถ้าอาการท่านดีแล้ว หนูจะไปคุยกับหลินเจียว” ถังซีตอบพร้อมกับพยักหน้า แล้วถามขึ้นหลังจากหยุดไปชั่วครู่ “หลินเจียวหายตัวไปในช่วงยี่สิบสามปีที่ผ่านมาใช่ไหมคะ” 

 

 

เซียวหงอี้พยายามนึกย้อนกลับไปในอดีตอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า “ใช่ ตอนนั้นทีแรกเธอหายไปปีกว่า พวกเราไม่มีใครพบเห็นเธอเลยในช่วงเวลานั้น แต่แล้วเธอก็มาปรากฏตัวหลังจากที่คุณแม่คลอดหนูได้สองเดือน เธอมาอาศัยอยู่ที่บ้านเราระยะหนึ่ง” 

 

 

หลังจากได้ยินสิ่งที่เซียวหงอี้บอกเล่า ถังซีก็ยิ่งสงสัยมากขึ้น เมื่อเห็นถังซีดูหน้าซีด เซียวหงอี้ก็ถามขึ้นเบาๆ “มีอะไรหรือ” 

 

 

ถังซีส่ายศีรษะ “ไม่มีอะไรค่ะ เราเข้าไปดูคุณแม่ข้างในกันดีกว่า” 

 

 

ในความคิดของถังซี เธอเห็นว่าคงเป็นการดีกว่าที่จะตรวจสอบทุกอย่างอย่างให้ชัดเจนก่อน แล้วค่อยบอกหลินหรู หากบอกเรื่องทั้งหมดกับเซียวหงอี้ตอนนี้ เขาต้องบอกหลินหรูแน่นอน แล้วหลินหรูอาจยอมรับความจริงที่โหดร้ายนี้ไม่ได้ 

 

 

ขณะที่ทั้งหมดผลักประตูเปิดเข้าไปในห้อง หลินหรูก็ตื่นขึ้นมาพอดี