ตอนที่ 489

The Divine Nine Dragon Cauldron

บัวหิมะดอกที่สอง สาม และสี่…จนถึงดอกสุดท้ายพุ่งเข้าใส่ซือหยูราวกับโซ่ตรวนกระแทกกับลำแสงอย่างต่อเนื่องโดยไม่รอให้ซือหยูได้ตั้งตัว

 

เมื่อบัวหิมะดอกที่สี่ปะทะกับลำแสง รอยแตกก็ปรากฏขึ้นมา! ซือหยูตกใจมาก สถานการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเขาได้เจอกับจิตวิญญาณสายฟ้าเท่านั้นเมื่ออยู่ในเขาจักรพรรดิสายฟ้า

 

แม้เขาจะใช้พลังป้องกันจากลูกแก้วได้แค่ลูกเดียว จางซื่อเหลียนก็ยังทำลายได้ นั่นบอกได้เลยว่าพลังงของนางนั้นยอดเยี่ยมกว่าคนทั่วไป!

 

นางไม่ได้พูดเล่น เมื่อต่อสู้กันเมื่อครู่ นางใช้พลังเพียงแค่ครึ่งเดียวจริงๆ และตอนนี้นางใช้พลังเต็มที่ ซือหยูถูกกดดันกว่าเดิมอย่างมาก!

 

ซือหยูตะโกนเมื่อแกว่งมือไปยังนภา ลำดับเก้าหยินหยางเข้าล้อมจางซื่อเหลียนเป็นวงกลม

 

“นี่มันก็ใช้ได้ผลกับพวกกึ่งเทพเท่านั้น ใช้มันกับข้าก็ไม่ต่างอะไรกับการเล่นตลกต่อหน้าข้า!”

 

นางอ้าปากเล็กน้อย มีบัวหิมะเล็กๆพุ่งออกมา บัวหิมะนั้นลอยออกไปและระเบิดเสียงดัง พลังชีวิตภายในกระจายไปทั่วทิศทางและทำลายลำดับเก้าหยินหยางอย่างง่ายดาย แต่ซือหยูก็ไม่แปลกใจ เขากลับใช้โอกาสนี้ที่จางซื่อเหลียนถูกดึงความสนใจควบคุมลูกแก้วครามและหลบการโจมตีต่อเนื่องของบัวหิมะ เขายังใช้มือสร้างสัญลักษณ์ที่ซับซ้อนมาก

 

ไม่นานเขาก็หลับตา พลังชีวิตของเขาหายไปราวกับว่าเขาตายไปแล้ว! สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้คิ้วของสามคนที่อยู่เหนือเวทยักย้ายขมวดเข้าหากัน พวกเขาทั้งแปลกใจและตกตะลึง พวกเขามิอาจเข้าใจได้ว่าเหตุใดชีวิตของซือหยูถึงหายไปดื้อๆ

 

จางซื่อเหลียนก็ตกใจเช่นกัน นางมิอาจเข้าใจได้เลย ทำไมซือหยูถึงตายไปทั้งอย่างนั้นเล่า?

 

แต่ขณะที่นางกำลังแปลกใจอยู่นั้นเอง นางรู้สึกเจ็บปวดแสนสาหัสในวิญญาณ นางกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด! ใบหน้าเนียนใสของนางแดงก่ำและบิดเบี้ยวด้วยความทุกข์ทรมาน นางเจ็บปวดอย่างมาก

 

เมื่อไร้การควบคุมจากนาง บัวหิมะทั้งยี่สิบสี่ดอกที่ไล่ตามซือหยูนั้นร่วงไปกันพื้น ไป่ฉีกับหมิงเฟยหรี่ตามอง ด้วยความเป็นภูติผีของทั้งสองนั้นเอง ทั้งสองคิดถึงสิ่งเดียวกัน พลังภูติสีดำปกคลุมดวงตา

 

ดวงเนตรภูติ พวกเขาเห็นร่างที่คล้ายกับซือหยูอย่างไม่น่าเชื่อ ร่างนั้นกำลังจู่โจมวิญญาณของจางซื่อเหลียนด้วยฝ่ามือ รอยแตกปรากฏบนวิญญาณของนาง!

 

“วิญญาณออกจากร่าง!”

 

ภูติทั้งสองอ้าปากค้าง

 

พวกเขามองซือหยูด้วยความแปลกใจยิ่งกว่าเดิม เท่าที่พวกเขารู้ การที่วิญญาณจะออกจากร่างได้นั้นจะต้องเกิดจากคนที่มีพลังใกล้เคียงกับจ้าวเทวะขึ้นไปเท่านั้น เด็กน้อยอย่างซือหยูที่ยังไม่ถึงระดับกึ่งเทพจะทำได้ยังไง?

 

ซือหยูกำลังจะปล่อยฝ่ามือที่สอง แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงสายตาของไป่ฉีและหมิงเฟย เขาถูกเจอตัว! เขารีบกลับสู่ร่างกายทันที ด้วยพลังของภูติทั้งสอง พวกนั้นน่าจะรู้ดีว่าจะรับมือกับวิญญาณยังไง เขามิอาจเผยตัวเองต่อหน้าทั้งสองคนนานเกินไป

 

เมื่อเขากลับสู่ร่างกาย ดวงตาของเขาก็กลับมาดุร้าย เขาตะโกน

 

“เร็วเข้า”

 

ลำดับเก้าหยินหยางที่ถูกสลายกลับมาทำงานอีกครั้ง มันโอบล้อมจางซื่อเหลียน นางกำลังเจ็บปวดอย่างมากกับการที่วิญญาณเสียหาย นางไม่มีเวลาจะรับมือกับซือหยู ไม่แปลกใจเลยถ้าจางซื่อเหลียนจะตายด้วยมือของซือหยู

 

คนมากมายมิอาจเชื่อในสิ่งที่ได้เห็น ในนั้นมีอยู่หนึ่งคนที่ยิ้มอย่างเหยียดหยาม แต่เมื่อทุกคนเห็นว่าซือหยูกำลังจะดับลมหายใจของจางซื่อเหลียน เขาก็หยุดไปในจังหวะสุดท้าย เขาไม่ได้ฆ่านาง เขากลับยกมือเรียกเข็มกลับมา และเขาก็ยังรีบถอยออกไปอย่างบ้าคลั่ง เขาคว้าตัวยู่จางบินขึ้นสูงและออกจากพื้นที่ของป่าศิลาอย่างไม่มีเหตุผล

 

ยู่จางสับสนอย่างมาก

 

“เจ้าหยุดทำไมกัน? แล้วเราจะไปที่ไหน…?”

 

ผู้คนเบื้องล่างสับสนเป็นส่วนมาก แต่ก็มีอยู่หนึ่งคนที่สีหน้าหม่นหมอง

 

โจวฉีหมิงที่อยู่ในเวทยักย้ายมองซือหยูอย่างไม่พอใจ เขามองคนที่กำลังเข่นฆ่ากันทั้งสองด้านจนกระจัดกระจายไปทั่ว เขาถอนหายใจแรง

 

“ช่างมันแล้ว ฆ่ากันพอแล้ว”

 

หา? กึ่งเทพหลายคนสังหรณ์ใจไม่ดี! คนที่ฉลาดคิดว่าสถานการณ์เริ่มไม่ดี พวกเขารีบบินขึ้นฟ้า!

 

เมื่อมีคนเริ่มก็ต้องมีคนตาม ทุกคนเริ่มบินขึ้นฟ้าตามๆกันไปอย่างรวดเร็ว!

 

“อยู่ที่นี่!”

 

โจวฉีหมิงตะคอก เขาประกบนิ้วเข้าด้วยกัน! ผู้คนที่กำลังบินขึ้นฟ้านั้นราวกับนกที่เสียปีกไป พลังวิญญาณถูกดูดออกจากร่างของพวกเขา พวกเขาเสียพลังที่จะปิดไปและร่วงลงมาราวกับฝน บางคนตกลงมาจากความสูงหลายพันศอก พวกเขากระแทกลงกับพื้นและตายตกตามกันไป!

 

เสียงร่างกายกระทบพื้นดังอย่างต่อเนื่อง เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังก้องนภา คนมากกว่าสามสิบบาดเจ็บล้มตายในพริบตาเดียว

 

สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ยู่จางที่อยู่บนฟ้ากรีดร้องออกมาเช่นกัน พลังวิญญาณของนางก็ถูกกดเอาไว้ ถ้าไม่ใช่เพราะซือหยูที่แบกนางอยู่ นางก็คงจะตกลงไปตายแล้ว

 

“เกิดอะไรขึ้น?”

 

ยู่จางถามด้วยความตกใจ นางมองเวทยักย้ายที่ป่าศิลากับคนที่เหลือ…นอกจากจางซื่อเหลียนที่ยังยืนอยู่…คนอื่นได้กลายเป็นซากศพไม่ก็กลายเป็นก้อนเนื้อที่แหลกเหลว มีคนไม่กี่คนเท่านั้นที่บาดเจ็บสาหัสและยังไม่ตาย พวกเขาส่งเสียงกรีดร้องออกมาจากพื้นดิน

 

ป่าศิลาได้กลายเป็นฝันร้ายจากนรกในพริบตาเดียว

 

ซือหยูใช้เนตรวิญญาณมองเห็นว่านอกจากเขา ภูติสองตนกับคนจากสี่ตระกูล…ที่หมิงเฟยปกป้องเอาไว้…ทุกคนนั้นมีโซ่สีดำแปลกๆเชื่อมต่อกับร่างกาย โซ่นี้ยากมากที่จะมองได้ด้วยตาเปล่า ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รับรู้การมีอยู่ของมัน มันเพียงแค่ส่งผลในตอนนี้ โซ่เหล่านั้นกดพลังวิญญาณของทุกคนเอาไว้ทำให้พวกเขาตกลงไปที่พื้น

 

ส่วนปลายโซ่อีกฝั่งนั้นเชื่อมต่อกับเวทในป่าศิลา โซ่กำลังดูดกลืนโลหิตของเหล่าคนตายเพื่อเป็นพลังให้กับเวท

 

ด้วยพลังที่สามารถมองเห็นได้ทุกสิ่ง ซือหยูพบว่ามีแสงม่านโลหิตจากผิวของเวท มันคือสัญญาณว่าเวทกำลังจะถูกใช้งาน!

 

โจวฉีหมิงเดินออกจาเวทและสะบัดดัชนีทั้งสิบ ก้อนพลังชีวิตซึมออกจากร่างคร่าชีวิตของเหล่ากึ่งเทพที่ยังไม่ตาย โซ่ทมิฬได้ดูดซับโลหิตเข้าไปมหาศาล เวทส่งแสงประกายสว่างยิ่งกว่าเดิม แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะยังขาดพลังอยู่

 

โจวฉีหมิงมองไปทางจางซื่อเหลียนอย่างเยือกเย็นและสะบัดมือปล่อยพลังชีวิตเข้าไปเล็กน้อย สีหน้าเจ็บปวดของจางซื่อเหลียนหายไปในทันทีแทนที่ด้วยความตั้งใจอันเฉียบคม นางรีบถอยอย่างรวดเร็ว และบัวหิมะทั้งยี่สิบสี่ดอกก็เข้ามาบดบังร่างกายของนาง

 

ปั้ง ปั้ง ปั้ง–

 

เสียงระเบิดดังสะท้อนไปมา บัวหิมะทั้งหมดฉีกขาดไปด้วยผลของพลังชีวิตจากโจวฉีหมิง

 

ไม่นานบัวหิมะดอกสุดท้ายก็ขาดสะบั้นจากพลังชีวิตและปะทะกับร่างของจางซื่อเหลียน จางซื่อเหลียนกรีดร้องและกระอักเลือด นางกระเด็นไปไกลพันศอก รอยหมัดโลหิตอันน่ากลัวปรากฏที่ท้องของนาง

 

จางซื่อเหลียนผู้เป็นกึ่งภูตินั้นไร้พลังต่อหน้าโจวฉีหมิง!

 

นี่คือความแตกต่างระหว่างกึ่งภูติที่มีแก้วพลังชีวิตสามชิ้นกับกึ่งภูติที่มีแก้วพลังชีวิตแค่หนึ่งเดียว! พลังนั้นต่างกันราวฟ้ากับเหว

 

แต่นางก็ใช้แรงที่ทำให้นางกระเด็นนั้นเข้าใกล้ซือหยู นางมองซือหยูอย่างไม่เต็มใจ

 

“มันไม่ปล่อยเจ้าไปหรอก เจ้าทำได้แค่ต่อสู้กับมันร่วมกับข้า!”

 

ซือหยูเหลือบมองท้องของนางที่ฟื้นฟูอย่างรวดเร็วและตกใจอยู่บาง นางยังไม่ได้แม้จะปะทะพลังไป! ผู้หญิงคนนี้มีพลังการฟื้นฟูที่ทรงพลังอย่างมาก! นี่ไม่ใช่พลังฟื้นฟูที่ยอดฝีมือในขอบเขตกึ่งภูติจะมีได้!

 

หลังจากที่ได้ยินนาง ซือหยูพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

 

“ข้าก็คิดว่าไม่มีทางเลือกเหมือนกัน!”

 

ก่อนหน้านี้ที่เขาพบโซ่และรู้ว่ามันดูดโลหิตของคนตายได้ และยิ่งคนที่ตายแข็งแกร่งเท่าใด โซ่ทมิฬก็ยิ่งสูบโลหิตอย่างรุนแรงเท่านั้น

 

แม้ซือหยูจะไม่รู้จุดมุ่งหวังของโซ่เหล่านั้นที่ดูดกินโลหิต เขาก็รู้ว่าการปล่อยให้มันดูดซับโลหิตมากพอก็ไม่ใช่สิ่งที่คววรจะทำ ดังนั้นเขาจึงไว้ชีวิตจางซื่อเหลียงที่แข็งแกร่งที่สุดเอาไว้

 

จางซื่อเหลียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางมองโจวฉีหมิงอย่างเยือกเย็น

 

“เจ้าจะทำอย่างนี้ไปไปทำไม? เจ้าคิดว่าตำหนักชิงวิญญาณของเจ้าจะแบกรับเรื่องนี้ได้เรอะ?”

 

ไป่ฉีกับหมิงเฟยยืนดูอย่างไร้อารมณ์ ดูเหมือนว่าทั้งสองจะรู้อยู่แล้วว่าสถานการณ์นี้จะเกิดขึ้น

 

โจวฉีหมิงเดินมือไพล่หลังเข้ามา

 

“นั่นก็เพราะว่าพวกเจ้ามันโง่เขลา! หลังจากที่ต่อสู้กันมาเนิ่นนานเช่นนี้ เจ้าไม่รู้เลยว่าอีกฝั่งของเวทยักย้ายกำลังถูกดัดแปลง!”

 

จางซื่อเหลียนตกตะลึง

 

“เป็นไปไม่ได้ ไม่มีใครถูกย้ายไปที่ชั้นแปดของกระโจมเทพ เวทที่นำพาไปยังที่นั่นจะถูกแปลงได้ยังไง?”

 

โจวฉีหมิงหัวเราะเสียงดัง

 

“ไม่มีใครเลยรึ? เหมือนเจ้าจะลืมนังปีศาจจากตำหนักโลหิตไปนะ!”

 

นังปีศาจรึ? จางซื่อเหลียนตัวสั่น ดวงตานางเต็มไปด้วยความกลัว

 

“ไม่มีสัญญาณว่านางอยู่ในชั้นเจ็ดของกระโจมเทพ ข้าเลยเดาว่ามีโอกาสสูงมากที่นางจะถูกย้ายไปที่ชั้นแปดโดยตรง ดังนั้นนางจึงทำให้เวทในฝั่งนี้ไม่ทำงาน”

 

จางซื่อเหลียนเริ่มไม่สบายใจ

 

“สองคนนั้นมีวิชาลับที่จะใช้ซ่อมเวทยักย้าย เราแค่ต้องใช้โลหิตของยอดฝีมือให้เพียงพอ จากนั้นเราก็จะใช้เวทยักย้ายได้! ขยะอย่างพวกเจ้าคงไม่ได้อะไรแม้จะไปถึงตำหนักลับสวรรค์ ทำไมไม่ให้โอกาสคนอย่างพวกข้าที่มีหวังมากกว่าเล่า?”

 

โจวฉีหมิงแววตาชั่วร้าย

 

“ตอนนี้พวกข้าขาดแค่โลหิตของกึ่งภูติอย่างเจ้าเท่านั้น!”

 

แสงทั้งสองเล็ดลอดจากดวงตาของเขา มันมีพลังมหาศาล

 

“วิชาเนตร!”

 

จางซื่อเหลียนเบิกตากว้าง พลังชีวิตทั้งหมดในแก้วพลังชีวิตของนางได้เอ่อล้นออกมาเปลี่ยนเป็นบัวหิมะขนาดสิบศอก

 

ปั้ง—

 

บัวหิมะดอกยักษ์ทนรับพลังไม่ได้เลย มันฉีกขาดสลายไป

 

อกของจางซื่อเหลียนถูกรังสีจากดวงตาทะลวงผ่านไป ร่างกายของนางถูกแทงทะลุจากหน้าไปถึงหลัง!

 

นางกรีดร้อง ร่างกายอันสง่างามของนางกระเด็นไปกับพลังที่ปะทะหลายพันศอก นางกระแทกกับป่าศิลาอย่างแรง

 

ส่วนลำแสงจากดวงตาอีกข้างนั้นพุ่งเข้าใส่ซือหยู! ลำแสงเนตรปะทะเข้ากับลำแสงจากลูกแก้วลำดับ

 

แกร๊ก—

 

เสียงใสดังก้อง ลำแสงสีครามแตกเพราะวิชาเนตร! แต่มันก็ยังไม่จบ พลังนั้นไร้ซึ่งสิ่งกีดขวาง มันกำลังจะทะลุศีรษะของซือหยู!

 

ซือหยูเย็นยะเยือก นี่คือพลังของกึ่งภูติที่มีแก้วพลังชีวิตสามดวง! แรงกดดันเช่นนี้แข็งแกร่งกว่าทุกศัตรูที่ซือหยูเคยพบเจอ และยังมีราชาปีศาจขอบเขตภูติที่กำลังมองดูอยู่อีก!

 

แต่เมื่อชีวิตของเขากำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย เขาได้แต่ต่อสู้เท่านั้น!