บทที่ 170 คุณรู้ได้ยังไงว่าผมไม่คิด

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

ดวงตาดำทมิฬราวกับหมึกที่ไม่อาจละลาย ออกัสจ้องมองเธอคล้ายจะดูดกลืนเธอเข้าไปก็ไม่ปาน

เชอร์รีนไม่ได้รู้สึกหวาดหวั่นหรือถดถอยแต่อย่างใด เธอเผชิญสายตาของเธอ พลางกล่าวเสียงเย็นยะเยือกว่า “ไม่ตอบ?งั้นฉันช่วยคุณออกัสตอบแล้วกัน เพราะตอนนี้คุณออกัสกำลังยุ่งกับการรักษาใบหน้าให้คนรัก ไม่มีเวลาและอารมณ์มาอยู่ตามลำพังกับลูกสาว ใช่ไหม?หรือไม่ก็คุณออกัสลืมว่าตัวเองมีลูกไปแล้ว”

“ในเมื่อลืมไปแล้ว งั้นก็ลืมให้สนิทเลย ในเมื่อสี่ปีก่อนลืมได้หมดจด แล้วสี่ปีต่อมาทำไมถึงนึกขึ้นมาได้?ซารางเป็นคน ไม่ใช่สิ่งของ ไม่ใช่ว่าตอนคุณอยากเล่นก็เอามา พอไม่อยากได้ก็ทิ้งไว้อีกที่อย่างไม่ใส่ใจ ……”

ออกัสลุกขึ้นจากเก้าอี้หนัง พลางก้าวไปหาเชอร์รีน กลิ่นอายมืดครึ้มและอันตรายแผ่ซ่านออกจากเรือนร่างเขา ชวนให้รู้สึกขนลุกซู่ ทั้งที่ไม่รู้สึกหนาวสะท้านแต่อย่างใด

ทว่าคนเย็นเฉียบชุดนี้ทำอะไรเชอร์รีนไม่ได้ เธอยังคงยืนตัวตรงพร้อมกับจ้องมองเขา ท่าทางคือไม่ยอมแพ้เขาเด็ดขาด

ทุกอย่างที่เธอพูดมา เธอไม่ได้พูดผิด ดังนั้นทำไมต้องหลบหรือต้องกลัวเขาด้วย?

ซารางไม่ใช่ของเล่นและไม่ใช่สิ่งของ เธอเป็นคนมีชีวิตจิตใจ ไม่ใช่เวลาที่คุณอยากได้แล้วจะกำไว้ในมือ พอไม่อยากได้ก็ทิ้งๆขว้างๆ

“ยังมีอีกคำถามหนึ่งที่ฉันข้องใจมาก สี่ปีต่อมา คุณออกัสมาพาตัวซารางไปด้วยความรู้สึกแบบไหน……”

เธอเงยหน้าขึ้น จึงเผยลำคอที่ขาวนวลผุดผ่องและงามพิสุทธิ์ออกมา และกำลังคาดเดาสาเหตุอยู่ “สี่ปีต่อมาได้ยินลูกสาวของตนโตกะทันหัน หรือว่าตอนนั้นไปโดนใจอะไรบางอย่างของคุณออกัส เลยคิดจะพาซารางไป?”

ออกัสยังคงไม่พูดไม่จา ดวงตาดำทมิฬจ้องร่างเธออยู่อย่างนั้น

“แต่ฉันอยากบอกกับคุณออกัสว่า สี่ปีก่อน คุณออกัสไม่มีความรู้สึกใดๆกับซาราง แค่เห็นลูกสาวเป็นหมากรุกในการแต่งงาน ดังนั้นการเกิดมาของซารางจึงไม่เกี่ยวกับคุณ

“ตลอดเวลาสามปีกว่าของการเจริญเติบโตของลูกสาว คุณออกัสไม่เคยใส่ใจ ซึ่งฉันก็ไม่ว่าอะไร ถึงจะเป็นลูกสาวของคุณออกัส แต่ก็เกิดจากเหตุสุดวิสัย ไม่ได้เป็นลูกสาวที่เกิดจากคู่รัก”

“ดังนั้นฉันไม่มีเหตุผลและหน้าที่ตำหนิคุณออกัส เพราะเมื่อยืนในแง่ของคุณ สิ่งที่คุณทำก็ไม่ได้เกินเหตุ ฉันเข้าใจดี”

“ตอนนี้ฉันหวังเพียงว่า ความรู้สึกที่คุณออกัสมีต่อซารางให้กลับไปเป็นเหมือนสี่ปีก่อน กลับไปถึงจุดที่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นในเมืองSมาก่อน พวกเราให้ทุกอย่างกลับไปยังจุดเริ่มต้น……”

“ดังนั้น ฉันไม่อยากให้คุณออกัสมารบกวนชีวิตของฉันกับซาราง และพวกเราก็จะไม่ยุ่งกับคุณออกัสด้วย อย่างนี้จะดีต่อทุกคน ไม่ใช่หรือ?”

สี่ปีมานี้ เขาไม่มีซารางก็สามารถใช้ชีวิตได้ดั่งใจปรารถนา ดังนั้น สี่ปีต่อมา ถึงจะไม่มีซารางก็ไม่ได้กระทบต่อเขามากนัก

ทว่าเธอยอมรับไม่ได้ หากไม่มีซาราง เธอจะสูญเสียเป้าหมายหลักในชีวิต ไร้ซึ่งทิศทาง ไม่มีแรงขับเคลื่อนใดๆอีก

เธอกับลูกอยู่ด้วยกันมาสี่ปีทุกวัน จากนั้นเป็นทารกน้อย เธอเลี้ยงดูฟูมฟักจนสามารถวิ่งได้ กระโดดโลดเต้นได้ เรียกคำว่าหม่ามี๊เป็น ทั้งยังเป็นเด็กเชื่อฟังและรู้ความมากๆด้วย

เธอเห็นทุกพัฒนาการของลูกกับตา แล้วเธอจะยอมให้เขาพาไปได้อย่างไร?

ทุกถ้อยคำลอยทะลุหูออกัสไม่ขาดสาย ริมฝีปากเขายกโค้งขึ้น เพียงแต่ส่วนโค้งนี้ไม่มีความอุ่นเลยสักนิด คล้ายกับเสียงลมหนาวกลางราตรีไม่มีผิดเพี้ยน

ตอนนี้ฉันหวังแค่ความรู้สึกของคุณออกัสที่มีต่อซารางจะเป็นเหมือนสี่ปีก่อน……

กลับไปในเมืองSในอดีต และถือว่าไม่เคยพบกัน พวกเราให้ทุกอย่างกลับไปยังจุดเริ่มต้น ……

ส่วนชีวิตของคุณออกัส พวกเราก็จะไม่เข้าไปยุ่ง……

คิกๆ เธอช่างรู้สึกเอาใจเขามาใส่ใจเราจริงๆ ถึงขั้นวางแผนอนาคตให้เขาเรียบร้อยแล้ว

ดวงตาลุ่มลึกของออกัสยกโค้งขึ้น เสียงเย็นยะเยือกลอยออกจากริมฝีปากบางทีละคำ “ความหมายของคุณเชอร์รีนคือ ถึงผมจะรู้ว่าตัวเองมีลูกสาว แต่ก็ให้ทำเหมือนไม่รู้ เหมือนคนไม่รู้จักกันเหรอ?”

“เหมือนกับสี่ปีก่อน ไม่ต้องถามไถ่ ไม่รู้ว่าลูกอยู่ไหน สำหรับคุณออกัสแล้วคงไม่ยากหรอกมั้ง?”

เชอร์รีนอยากคุยแบบสุภาพและเยือกเย็น ทว่าสุดท้ายน้ำเสียงก็อดเจือความเย้ยหยันไม่ได้

ร่างสูงโปร่งของเขาเดินเข้าใกล้เธอ เมื่อทั้งสองเว้นระยะห่างเพียงเล็กน้อย มือใหญ่ของออกัสก็บีบคางเธอ ลมอุ่นๆจากจมูกรดใส่ใบหน้าของเธออย่างจัง

“คุณเชอร์รีนรู้ได้ยังไงว่าสี่ปีก่อนผมไม่ใส่ใจลูกสาว ไม่รู้ว่าลูกอยู่ไหน หา?”

เธอคิดอย่างไร้เดียงสาว่าเขาไม่รู้อะไร แล้วเขาก็จะไม่รู้อะไรจริงๆเลยหรือ?

ลมหายใจที่รดใส่ใบหน้ารู้สึกร้อนเล็กน้อย เชอร์รีนอยากหลบ ทว่าเมื่อได้ยินเขาเอ่ยความหมายอันลึกซึ้งออกมา เธอก็ลืมหลบเสียอย่างนั้น ทั้งยังรู้สึกอึ้งอีกต่างหาก “คุณหมายความว่ายังไง?”

นิ้วอุ่นๆของเขาค่อยๆลูบคางของเธอ จากนั้นเขาหมุนกายไปดึงลิ้นชักลับบนโต๊ะทำงาน ก่อนจะเอารูปถ่ายออกมาจำนวนหนึ่ง

เชอร์รีนมองการกระทำของเขาอย่างไม่เข้าใจ

เมื่อเดินมาอยู่ตรงหน้าเธออีกครั้ง มือใหญ่ของออกัสก็ยกขึ้น และเผยรูปถ่ายที่อยู่ระหว่างนิ้วให้เธอเห็น

เธอละสายตาจากเขา แล้วไปดูรูปถ่าย ซึ่งทำให้เธอตะลึงตะไลมาก เธอจ้องรูปถ่ายทั้งสี่ใบอย่างไม่น่าเชื่อ

รูปถ่ายแรกเป็นภาพซารางตอนเกิด ตัวเล็กมาก ใบหน้าเล็กย่นเป็นก้อนหมือนซาลาเปารสขม

รูปถ่ายใบที่สองเป็นรูปตอนวันเกิดซารางหนึ่งขวบ ซึ่งตอนนั้นซารางกำลังฝึกเดินอยู่ในสวนสาธารณะ ตอนนั้นมีเดินโซเซบ้าง ล้มบ้างเป็นธรรมดา

ส่วนอีกสองใบถ่ายเมื่อลูกสาวเที่ยวอยู่ในสวนสัตว์ ตอนนั้นลูกสาวยืนมองนกยูงกางปีกอย่างประหลาดใจ พลางเรียกหม่ามี๊ไม่หยุด

ส่วนอีกหนึ่งรูปคือตอนที่ซารางไปโรงเรียนอนุบาลครั้งแรก เหมือนลูกจะไม่ค่อยอยากไปโรงเรียนเท่าไหร่นัก กำลังโวยวายกับเธออยู่ ร่างตัวน้อยๆแบกกระเป๋านักเรียนพร้อมกับก้มหน้า ไม่สนใจเธอผู้ซึ่งกำลังจนปัญญาอยู่ด้านหลัง

ซึ่งเธอไม่ใช่คนถ่ายรูปทั้งสี่ใบนี้ เพราะเธอก็อยู่ในภาพด้วย

เธอมองเขาอย่างไม่เข้าใจระคนความตะลึงงัน“คุณมีรูปถ่ายพวกนี้ได้ยังไง?”

“คุณครูเชอร์รีนเป็นคนฉลาดต้องให้ผมอธิบายด้วยเหรอ?” ระหว่างพูด ออกัสก็ยกริมฝีปากบางขึ้นด้วย

ท่าทางตกตะลึงของเธอที่มีได้ยากทำให้เขาเบิกบานอย่างเด่นชัด

เขารู้ซารางตั้งนานแล้ว ดังนั้นตอนที่ผู้ช่วยเตโชเอาผลตรวจดีเอ็นเอมา เขาจึงบอกว่าเขารู้นานแล้ว

เขาไม่ได้เปิดเผยเขาสักนิด สิ่งที่เขาหมายถึง ตั้งนานแล้ว ไม่ได้หมายถึงตอนอยู่ที่เมืองเก่า หากแต่เป็นสี่ปีก่อน……

เชอร์รีนได้ยินเสียงหัวใจเต้นครึกโครม เธอยืนอึ้งอยู่อย่างนั้น